“วิญญาณผีถึงกำหนด ภายในแดนมอบขังน้ำตานอง”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ค่ำคืนฝนพรำพรำเย็นชื่นฉ่ำ
ประทับย่ำแต่งหนังสือจิตเริงร่า
วิญญาณผีตายโหงต้องรู้ว่า
การบำเพ็ญรอเวลารวมแสงญาณ
อาจารย์ : วันนี้สถานธรรมของท่านมีงานเฉลิมฉลอง หนังสือวารสารครบรอบ 15 ปี หมู่วิสุทธิเทพต่างมาชุมนุมกันใหญ่ อักษรเรืองรองนับหมื่นฟุต ไอแห่งความยินดีแผ่กระจายต้องขอโทษอย่างมากที่ทำให้ศิษย์รักทั้งหลายต้องลำบากลำบนจำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยแต่งหนังสือ แต่ถ้าศิษย์ทั้งหลายได้หวนคิดถึงบรรดาวิญญาณผีที่เมืองตายโหงนั่น ที่รอคอยเพื่อร่วมแต่งหนังสือด้วย เพื่อจะได้รับบุญกุศล จะได้รับการปลดปล่อยได้เร็วขึ้น ก็จะเป็นการปลอบประโลมให้คลายใจ
หยงปี่ : อาจารย์ครับ! ท่านยกเรื่องขึ้นมาพูด ทำให้ศิษย์มีความรู้สึกแปลก ๆหวนคิดถึงตอนเริ่มแต่งหนังสือมาติดต่อกันหลายครั้งล้วนมีลมฝนอันขมขื่น นี่เป็นการบังเอิญหรือมีสาเหตุ ท่านอาจารย์ ! ท่านจะช่วยอธิบายสักหน่อยได้ไหม
อาจารย์ : นั่นคือ การร้องสะอื้นไห้ของวิญญาณผีตายโหง
หยงปี่ : จริงหรืออาจารย์ อย่างอื่นกระมัง
อาจารย์ : นี่คือปรากฏการณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่ง มีเรื่องต้องมีเหตุคำนี้สามารถยืนยันถึงปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยปกติบางอย่างย่อมต้องมีเหตุภายในเกิดขึ้น พอแล้ว อย่าชักให้เสียเรื่องประทานแพรฟ้าให้ไว้ปกป้องตัว หลับตาเสีย ข้าจะออกเดินทาง.....ศิษย์ลืมตาขึ้นได้
หยงปี่ : อุ้ย! ท่านเป็นใคร ยืนอยู่ข้างหน้าเราทำไม (พอหยงปี่ลืมตาขึ้นก็เห็นคนหนึ่งหน้าตาสุภาพยืนอยู่ข้างหน้าเราทั้งสองแล้วข้างหลังเขาคือด่านลงทะเบียนก็หยุดงานกันชั่วคราว)
อาจารย์ : เจ้าเซ่อ ! ที่เห็นข้างหน้าก็คือ หัวหน้านายทะเบียนรีบคารวะเสีย
นายทะเบียน : มิกล้า ได้ยินว่าท่านอาจารย์และศิษย์ได้รับโองการให้มาแต่งหนังสือ “บันทึกเที่ยวเมืองตายโหง” นานแล้ว วันนี้พึ่งจะรู้จัก ได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้ว โชคดียิ่งกว่าอะไรอีก
หยงปี่ : หัวหน้านายทะเบียนยกย่องไปแล้ว ศิษย์ละอายไม่กล้ารับ
อาจารย์ : หัวหน้ามีงานยุ่งเชิญตามสบาย เราศิษย์อาจารย์เดินผ่านด่านเอง
นายทะเบียน : นั่นก็เป็นการไร้มารยาทแล้ว ขอน้อมส่งท่านทั้งสองผ่านด่าน
อาจารย์ : มิกล้ารบกวน (ศิษย์กับอาจารย์เดินผ่านด่านลงทะเบียนผีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่สองข้างกับเหล่าวิญญาณผี ต่างเบิกตากว้างมองมายังเราทั้งสอง)
หยงปี่ : อาจารย์ครับ ! พวกผีเจ้าหน้าที่ และวิญญาณผีคงแปลกใจว่าศิษย์เป็นปุถุชนคนเป็น ๆ ทำไมจึงสามารถมาถึงเมืองตายโหงได้
อาจารย์ : คงไม่ผิด พวกวิญญาณผีมีทุกเผ่าพันธุ์ ไม่เข้าใจถึงความแยบยลก็รู้สึกแปลใจตื่นกลัวกัน
หยงปี่ : ตลอดทางที่ผ่านมา ทำไมจึงรู้สึกเย็นยะเยือก ไอมันทึบ ๆ ระหว่างทางต้นไม้ใบหญ้าก็รู้สึกเหมือนตายซาก คงเป็นแบบจำเพาะกระมัง เมื่อก่อนศิษย์ก็เคยไปเมืองนรกมา แต่ก็ไม่รู้สึกแบบนี้มาก่อน
อาจารย์ : ในเมืองนรกจะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ แต่ที่นี่ความรู้สึกจะเป็นแบบตายซาก ใช่หรือไม่
หยงปี่ : ใช่แล้ว ท่านรู้ได้อย่างไร อ๋อ ! ถูกแล้ว เมืองนรกมีแต่วิญญาณผีที่ดุร้ายกับโทษทัณฑ์ ที่ทุกข์เวทนา เพราะฉะนั้นไอธาตุแห่งความร้ายกาจนั้นทึบแน่น เมืองตายโหงล้วนแต่เป็นวิญญาณผีที่อายุขัยในโลกยังไม่หมด จะมีไอธาตุแห่งความแค้น เหมือนตายซาก นี่เป็นความรู้สึกสัมผัสของคนทำให้รู้สึกผิด ๆ
อาจารย์ : พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ตอนนี้เจ้าดูที่เมืองตายโหงซิ
หยงปี่ : โอ๋ ! อยู่ไกลอย่างนั้น ! มองเห็นเงาดำตะคุ่ม ๆ เท่านั้น
อาจารย์ : คราวหน้า เจ้าก็จะได้เข้าไปในเมืองแล้ว วันนี้ไปที่แดนมอบขังเสียก่อน
หยงปี่ : อาคารที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่อยู่หน้าเมืองนั้นใช่หรือไม่
อาจารย์ : ถูกแล้ว (สองเราเดินมุ่งไปข้างหน้าสู่อาคาร มีชายคาติดต่อกันเป็นพืด เป็นอาคารสีขาวที่กว้างและลึก ที่ปากประตูทางเข้ามีเก้าอี้อยู่สองตัว แต่ละตัวมีชายที่ท่าทางสุภาพวัยกลางคนกำลังก้มหน้าขีดเขียน บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นถามวิญญาณผีที่ยืนอยู่ข้างหน้า จากนั้นก็มีผีเจ้าหน้าที่ควบคุมให้เข้าไปในอาคารนั้น และก็มีผีเจ้าหน้าที่หลายคนเดินออกมาและทักทายกับคนทำงานวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ แล้วก็เดินมาทางที่เราเดินผ่านมา)
หยงปี่ : อาจารย์ครับ ! ศิษย์มีคำถามข้อหนึ่งจะเรียนถาม ตั้งแต่ด่านลงทะเบียนจนถึงแดนมอบขังนี้ จะเห็นผีเจ้าหน้าที่มีอยู่ 2 ชนิด เป็นเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานจากยมโลกใช่หรือไม่ครับ
อาจารย์ : ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จากยมโลกจะส่งมอบเอกสารของวิญญาณผี จากด่านลงทะเบียนถึงแดนมอบขัง หลังจากนั้นวิญญารผีก็จะเข้าเมืองตายโหง จึงจะหมดหน้าที่
หยงปี่ : ก็มีด่านลงทะเบียนแล้ว ทำไมต้องมีแดนมอบขังอีกงานของเขาส่วนใหญ่จะเหมือนกัน จะต่างกันก็เล็กน้อยใช่ไหมครับ
อาจารย์ : ไม่ผิด ด่านลงทะเบียนก็รับผิดชอบลงทะเบียนว่าใครบ้างที่เข้าสู่เมืองตายโหง แต่แดนส่งมอบก็เอาเอกสารที่ส่งจากยมโลกพร้อมวิญญาณผี แล้วตระเตรียมให้เป็นรูปคดีภายหลังจึงส่งเข้าไปในเมือง ไปอีกหน่วยงานหนึ่งคือ ศาลสอบสวน ถ้าเปรียบเทียบขั้นตอนทั้งหมดกับเมืองมนุษย์ ด่านลงทะเบียนก็คือสถานีตำรวจที่ลงบันทึก แล้วก็จัดทำเอกสารทั้งหมดเพื่อฝากขัง ก็คือแดนมอบขัง ห้องสอบสวนก็คือศาลชำระคดี โดยเอาเอกสารที่ส่ง มาชำระเสียให้เรียบร้อย แล้วตัดสินคดี เพื่อส่งเข้าเมืองจัดการคุมขังต่อไป
หยงปี่ : ที่เมืองตายโหงยังมีศาลสอบสวน คิดไม่ถึงว่า เมืองตายโหงนี้จะมีที่ทำงานมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเมืองตายโหงมีเจ้าเมืองหรือไม่
อาจารย์ : ไม่มี ผู้ควบคุมสูงสุดของเมืองตายโหงแบ่งเป็นสองหน่วยงานคือ งานเอกสารและงานควบคุม ต่อไปก็จะได้พบเห็นตามลำดับ คืนนี้เที่ยวถึงที่นี่ เจ้าหลับตาลงเสีย อาจารย์จะพากลับสถานธรรม....ถึงแล้ว ข้ากลับละ