ถ้ำเมฆาวายุ
“ถ้ำเมฆาวายุ” มีโทษทัณฑ์อะไรหรือ? ถิ่นนี้จะแตกต่างจากนรกโดยสิ้นเชิง ไม่มีมีดแหลมมาชำแหละเนื้อให้เลือดไหลไม่มีการควักไส้หรือผ่าท้องให้เห็น และไม่มีการเอารถมาทับหรือเอาเครื่องมาบด แต่เป็นทัณฑสถานที่บำเพ็ญจิตบ่มเพาะธรรมญาณจึงแตกต่างจากนรก ผู้บำเพ็ญที่ยังมีกิเลสความคิดที่ฟุ้งซ่านสะสมในจิตใจ ยังเป็นผู้บำเพ็ญที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถผ่านสามด่านเก้าทวารได้ จึงถูกส่งมาที่ถ้ำเมฆาวายุแห่งนี้ ต่อจากนั้น“เทพฝ่ายตรวจการ” ก็จะส่งบันทึกบุญบาปของผู้บำเพ็ญแต่ละคนในแต่ละชาติ ตั้งแต่อดีตชาติจนถืงชาติปัจจุบัน ข้อมูล
ทั้งหมดจะถูกรวบรวมส่งมาที่นี่ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณาไต่สวน และตัดสินความ ถ้ำนี้จะกักขังคนที่ชอบนินทาให้ร้ายผู้อื่นเมื่อได้เห็นนักธรรมอาวุโส อาจารย์แนะนำ อาจารย์รับรอง เตี่ยนฉวนซือหรือเจี่ยงซือทำไม่ดีแล้ว นำไปนินทาลับหลัง คอยวิจารณ์ใส่ร้ายขยายความจนเกินจริง และชอบหลอกลวงผู้อื่น ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ต้องมาลงเอยที่ถ้ำเมฆาวายุแห่งนี้ นี่เอง
หากฟังแต่ชื่อแล้วก็ดูน่าสนใจเพราะมีทั้งเมฆและลม ที่แท้แล้วหาใช่อย่างที่คิดไม่ นี่เป็นคุกสวรรค์ที่ทรมานเช่นกัน หนึ่งคนต่อหนึ่งถ้ำนั่งอยู่ภายใน ถ้ำเมฆาวายุนี้ ไม่ว่าจะมีคน มากขนาดไหนขนาดของถ้ำก็ยังพอเหมาะพอดีตลอดไป
มีลักษณะคล้ายกับถ้ำของพระพุทธะในอดีต ในถ้ำแต่ละถ้ำก็จะมีพระพุทธะอยู่หนึ่งองค์ แต่ละองค์ต้องนั่งบำเพ็ญขัดเกลาอยู่ในนั้น หากว่ามีความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ลมนั้นก็จะเหมือนกับมีคนมาตบเข้าที่ใบหน้าของเรา หากความคิดฟุ้งซ่านยิ่งมีมาก ผิดบาปของเขาก็จะทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดสับสนวุ่นวาย ลมนั้นก็จะตบลงมาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว ตบลงมาบนแก้มทั้งสองข้าง ตบทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาจนกระทั่งใบหน้าบวมช้ำขึ้นมาไม่เพียงแค่แก้มทั้งสองจะบวมแดง แม้แต่ฟันก็หลุดร่วงด้วย และยังมีเลือดออก แต่ละคนที่โดนลมตบก็จะวิงเวียน นี่คือ “ถ้ำเมฆาวายุ” เมื่อฟังดูน่าสนใจเหมือนมีสภาวะสูงส่งแต่กลับต้องโดนตบนั่นเป็นเพราะไม่รักษาคุณธรรมปากให้ดี ไม่ยอมบำเพ็ญ รักหน้ารักตาของตัวเอง จึงต้องโดนตบให้สาสมกับการกระทำของตน
มีผู้บำเพ็ญที่ทุกข์ยากลำบากมากมาย ชั่วชีวิตก็ได้แต่ฉุดช่วยคนปฏิบัติธรรม จัดตั้งพุทธสถาน บุกเบิกงานธรรมะส่งเสริมสนับสนุนบุคลากร แต่มีบุญก็บันทึกบุญเอาไว้ มีบาปก็บันทึกบาปเอาไว้ ถึงแม้วันนี้เจ้าอาจมีสามพันบุญ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเจ็ดร้อยบาปด้วย แล้วเจ็ดร้อยบาปที่ว่านี้จะจัดการอย่าง ไร? แน่นอนว่าก็ต้องว่ากันไปตามความผิดบาปนั้นๆ แล้วจะลบล้าง
ความผิดบาปนั้นได้อย่างไร? ต้องสำนึกขอขมา สิ่งใดที่ทำไม่ถูกต้องไปต้องสำนึกขอขมา ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง หากแก้ไข
เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ได้ พระแม่องค์ธรรมก็ย่อมเมตตากรุณาเบื้องบนย่อมเมตตา พวกเจ้าไม่มีใจชั่วช้าต่ำทราม เบื้องบนก็จะ
นิรโทษผ่อนผันให้ ลมในถ้ำเมฆาวายุกับลมบนโลกมนุษย์นั้นไม่ค่อยเหมือนกันนัก ทุกครั้งที่ตีลงมาบน “ร่างญาณ” รสชาติที่ได้
รับนั้น ก็จะเหมือนกับมีมีดแหลมคมมาเชือดเฉือนบนร่างกายของเรานั่นเอง ยากที่จะทนได้ไหว
ลมนี้เป็นลมที่ไม่แน่ไม่นอน หากเจ้ามีจิตสำนึกขอขมาลมก็จะพัดเบาลง ความเร็วก็ช้าลง แต่ถ้าหากสำนึกขอขมาแล้ว
แต่ใจก็ยิ่งไม่สงบลง เมื่อนั้นลมก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อลมตีลงมาบนร่างญาณนั้น ก็จะเจ็บปวดเหมือนกับถูกมีด ชำแหละ
ดังนั้นจึงเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก แต่จิตญาณถึงจะโดนลงโทษอย่าง นี้ก็ไม่มีทางตายหรือดับสูญไปได้ ร่างกายของเรา หากได้รับ
บาดเจ็บอย่างมากจนยากที่จะทนได้นั้น ระบบประสาทก็จะหยุดทำงาน จิตญาณก็จะออกจากร่างไป ก็คือตาย แต่ว่าร่างญาณ
ของเรา ไม่ว่าจะลงโทษอย่างไรก็ไม่อาจตายได้ เพียงแค่เจ็บปวดทรมานเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเรายังมีกายสังขารอยู่ ก็ควรจะยอม
ให้ร่างกายรับความลำบากมากสักหน่อย ร่างญาณจะได้ไม่ต้องมารับความลำบากที่นี่
เบื้องบนพิจารณาบุญบาปอย่างยุติธรรม หากเราสร้างบุญกุศลเจริญปณิธาน เบื้องบนก็จะจดบันทึกอย่างชัดเจน แต่ถ้าเรามีผิดบาปเบื้องบนก็จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน อย่างนี้จึงเรียกว่า “กฎสวรรค์” เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่หากมีความผิดบาป ในที่สุดก็ต้องมารายงานตัวที่นี่เช่นกัน
เมื่อมาถึงที่นี่ก็ยังต้องบำเพ็ญจนกว่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง จึงจะสามารถกลับคืนสู่อนุตตรภูมิแดนนิพพาน ได้อยู่ข้างกายพระแม่องค์ธรรม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือบุคลิกลักษณะที่สมบูรณ์ จึงสามารถบรรลุสภาวะศักดิ์สิทธิ์ได้ เบื้องบนมีเมตตาอย่างล้นเหลือ เปิดเผยความลับของสวรรค์ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ความลับสวรรค์ที่ไม่เคยเปิดเผยมาตั้งแต่ผันกู่ เริ่มเบิกฟ้าจนถึงปัจจุบัน วันนี้มีวาสนาพระแม่องค์ธรรมทรงมีบัญชา ให้ทำการเปิดเผยความลับสวรรค์นี้ได้ เราทุกคนจึงต้องมีจิตสำนึกคุณ ต้องตั้งใจฟังอย่างถี่ถ้วนเพราะทุกๆ คำเป็นความลับสวรรค์ทั้งสิ้นผู้ที่ปกติชอบด่าทอว่ากล่าวผู้อื่น ก็จะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ขึ้นไปถูกตบแก้มที่เบื้องบน แต่ก็ต้องบำเพ็ญคุณธรรมปาก เช่นกัน