ครั้งที่ 8 พระโพธิสัตว์อธิบายเรื่องการเกิดในบัวเก้าระดับ และความเป็นมาของพระอมิตาภพุทธเจ้า

ปีเจี๋ยจื่อ เดือน  4  วันที่ 5  ค.ศ.1984 (ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2527)พระพุทธจี้กง ประทับทิพยญาณ

คนดี ทำอะไร ซื่อตรง โปร่งใส ตรงไป ตรงมา

คนชั่ว คิดหา เล่ห์เหลี่ยม มากมาย มาใช้ ลวงคน

กัลยาณชน อิสระ เสรี สบายใจ เหลือล้น

คนถ่อย ทุรชน ทำผิด คิดชั่ว หาโทษ ใส่ตัว

 

พุทธจี้กง : มีคำกล่าวว่า “วิญญูชนแม้ต้องการเงินทองทรัพย์สิน แต่ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง” แต่ว่าสังคมในปัจจุบันนี้ราวกับว่าได้กลายเป็น “คนถ่อยละโมบอยากได้ทรัพย์ แสวงหาให้ได้มาด้วยวิธีที่ไม่ชอบธรรม” มานานแล้ว  เปิดหนังสือพิมพ์ขึ้นมาหนึ่งหน้า  ก็เจอแต่ข่าวมิจฉาชีพหลอกลวงจ่ายเช็คเด้ง  เช็คเด้งก็เด้งกันเต็มท้องฟ้าไปหมด  แล้วก็มีบางคนที่ใช้ประโยชน์จากการเล่นแชร์เชิดเงินหนีไปก็มี  บางคนตั้งบริษัทลอยๆขึ้นมาต้มตุ๋นหลอกขายสินค้าก็มี  ทำให้โลกมนุษย์กลายเป็นสังคมอันสกปรกที่เต็มไปด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงกัน  แต่ว่าคนที่ไร้จิตมโนธรรมสำนึกมุ่งแสวงหาให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมเหล่านี้ ถึงแม้จะหนีไปไกลสุดขอบฟ้าก็ไม่อาจหนีใจตัวเองพ้น  ตัวเองทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ  ฟ้ารู้  ดินรู้  ตัวเองรู้  ไม่มีทางหนีพ้นบาปกรรมที่จะตามมา

ไฉ้เซิง : จำได้พระอาจารย์เคยบอกว่า “รู้พอคือสุข  จิตสงบคือมั่งคั่ง ลดตัณหาก็คืออายุวัฒนะ” ดังนั้นชีวิตคนขอเพียง  รู้พอ  จิตสงบ  ลดตัณหา ก็สามารถได้รับความสุข  ความมั่งคั่ง  และมีอายุวัฒนะ  แล้วยังจะแสวงหาอะไรอีก

พุทธจี้กง : คิดไม่ถึง  ความจำของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว  ยังสามารถจำคำพูดที่อาจารย์เคยพูดได้  แต่ถ้าหากคนๆหนึ่งสามารถจดจำและระลึกสวดท่องพุทธนามไว้อยู่เสมอตลอดเวลาได้  คนประเภทนี้จึงจะเป็นคนที่ มากด้วยความสุข  มากด้วยความมั่งคั่ง  และมากด้วยอายุวัฒนะ

ไฉ้เซิง : พระอาจารย์พูดได้ถูกต้อง  แดนสุขาวดีมีทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าให้ใช้ได้ไม่มีวันหมด  มีรสแห่งพุทธธรรมอันประเสริฐให้ดื่มกินไม่สิ้น  มีอายุขัยที่ยาวนานไร้ขอบเขต  การสวดพุทธนามจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวโลกควรไปดำเนินปฏิบัติ

พุทธจี้กง : ตอนนี้เราก็ออกเดินทางกันเถอะ

ไฉ้เซิง : ครับ ! ศิษย์นั่งบัลลังก์บัวเรียบร้อยแล้ว  ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้

พุทธจี้กง : ถึงแดนสุขาวดีแล้ว  เบื้องหน้ามีโพธิสัตว์มารับแล้ว เจ้ารีบกราบคารวะเร็ว

(ไฉ้เซิงคุกเข่าลงกับพื้นกราบคารวะพระโพธิสัตว์)

โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี เชิญลุกขึ้นเถิด

ไฉ้เซิง : ขอบคุณพระโพธิสัตว์

โพธิสัตว์ : วันนี้เราจะพาเจ้าไปเยี่ยมชมที่สระบัว

ไฉ้เซิง : ครับ.......ว้าว ! ผู้น้อยเห็นดอกบัวในสระเปล่งรัศมีอันสวยสด ดอกบัวทั้งใหญ่ทั้งสวย  บัวแต่ละดอกเปล่งรัตนรัศมีออกมาห้าสี  และที่สำคัญบัวแต่ละดอกมีชื่อสกุลของผู้สวดพุทธนามด้วย  มหัศจรรย์จริงๆ

โพธิสัตว์ : เมธี ! เจ้าอยากลองพูดคุยกับคนที่อยู่ในดอกบัวไหม ?

ไฉ้เซิง : ได้หรือครับ ?

โพธิสัตว์ : ดอกบัวที่อยู่เบื้องหน้านี้กำลังใกล้จะบานแล้ว  เดี๋ยวเราสวดมนต์ช่วยเขาอีกแรง  เมื่อเขาออกมาแล้วจะได้ให้เจ้าสัมภาษณ์เขาสักหน่อย

(ตอนนี้พระโพธิสัตว์สวดมนต์ช่วย  ดอกบัวบานออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของคนๆหนึ่งโผล่ออกมา  เป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงจริงๆ)

ไฉ้เซิง : ธรรมานุภาพของพระโพธิสัตว์ช่างไร้ขอบเขตประมาณ  มีฆราวาสท่านหนึ่งโผล่ออกมาจากดอกบัวจริงๆด้วย

โพธิสัตว์ : เมธี ! เจ้าสอบถามเขาเถอะ

ไฉ้เซิง : ครับ !  ขอถามท่านผู้ทรงคุณธรรม  ไม่ทราบว่าท่านรู้สึกอย่างไร ?

สัตบุรุษ : ขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ช่วยสวดอธิษฐาน  วันนี้จึงสามารถได้ออกมาพบพระโพธิสัตว์ก่อนกำหนด

ไฉ้เซิง : ขอถามท่านผู้ทรงคุณธรรม ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านบำเพ็ญปฏิบัติอย่างไร ?

สัตบุรุษ : หวนนึกถึงอดีตของฉันที่ผ่านมา  ช่างลำบากจริงๆ  เป็นเพราะตัวเองไม่รู้หนังสือก็เลยเป็นได้แค่แรงงานไร้ฝีมือ  อยู่ในโรงงานต้องทำงานสารพัด  ได้รับค่าแรงเป็นเงินติดกระเป๋าไว้เป็นค่าใช้จ่ายบ้าง  มีวันหนึ่งจิตใจของฉันรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นทุกข์  จึงไปขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ท่านหนึ่งในวัดๆหนึ่ง   ฉันถามท่านว่ามีวิธีอะไรที่สามารถขจัดความกลัดกลุ้มของฉันออกไปได้บ้าง  พระอาจารย์ท่านนี้ก็เลยสอนให้ฉันสวดพุทธนามของพระอมิตาภพุทธเจ้า  บอกว่าการสวดพุทธนามสามารถทำให้มาเกิดยังแดนสุขาวดี  หลังจากนั้นฉันก็เริ่มต้นสวดพุทธนาม  เงินที่ฉันหามาได้ฉันก็เอาไปทำบุญพิมพ์หนังสือธรรมะ  แล้วฉันก็อุทิศบุญกุศลทั้งหมดให้แดนสุขาวดี  เพื่อขอมาเกิดยังแดนสุขาวดีแห่งนี้  หลังจากนั้น 3 ปี  กิเลสความกลัดกลุ้มของฉันนับวันก็ยิ่งค่อยๆลดน้อยลง  ร่างกายก็รู้สึกเบาสบาย  ในใจมักจะได้ลิ้มรสแห่งความปีติในธรรมอยู่เสมอ  จากนั้นฉันก็ยิ่งเพิ่มความพากเพียรมากขึ้น  ไม่ว่าจะทำงานหรือเดินอยู่บนถนน  ฉันก็จะสวดพุทธนามเงียบๆในใจอยู่ตลอดเวลาไม่ขาด  สุดท้ายตอนที่กำลังจะสิ้นอายุขัย  ฉันก็ได้รับความกรุณาจากพระพุทธะโพธิสัตว์นำพาฉันมาเกิดที่แดนสุขาวดี  แต่ตัวฉันเองก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนำกรรม(นำบาป)ติดตัวมาเกิด ดังนั้นดอกบัวจึงไม่สามารถบานได้โดยทันที  วันนี้บัวบานสามารถได้พบพระโพธิสัตว์  รู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง

โพธิสัตว์ : นี่ก็คือผลบุญของตัวเจ้าเองที่เจ้าเคยทำไว้และได้ย้อนกลับมาช่วยตัวเจ้า  นั่นก็เพราะเจ้ามักจะสร้างบุญกุศลอย่างลับๆ  โดยปิดบังชื่อสกุลของตัวเอง  จึงมีเหตุปัจจัยที่ดีเช่นนี้มาช่วยเหลือเจ้า

สัตบุรุษ : ขอบคุณพระโพธิสัตว์เมตตา

ไฉ้เซิง : ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์  หลังจากที่มาเกิดในแดนสุขาวดีแล้ว  จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะสามารถออกมาจากดอกบัวได้

โพธิสัตว์ : ขึ้นอยู่กับผู้สวดพุทธนามว่ามีฝีมือความสามารถในการสวดท่องบำเพ็ญเพียรอยู่ในระดับไหน  ดังนั้นจึงแบ่งการเกิดออกเป็นดอกบัว 9 ระดับ

1. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับบน  เมื่อมาเกิดที่แดนสุขาวดี  ดอกบัวก็จะบานทันที  สามารถได้พบพระอมิตาภพุทธเจ้าในทันที

2. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับกลาง  เมื่อเวลาผ่านไป 1 คืน  ดอกบัวก็จะบาน  สามารถได้พบพระพุทธะในทันที

3. คนที่เกิดในบัวชั้นบนระดับล่าง เมื่อเวลาผ่านไป 1 วัน 1 คืน ดอกบัวถึงจะบาน และต้องรอหลังจากนั้นอีก 7 วันจึงสามารถได้พบพระพุทธะ

4. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับบน  เมื่อดอกบัวบาน  ก็จะได้เพียงแค่ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กก่อน

5. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับกลาง  พอถึงวันที่ 7  ดอกบัวถึงจะบาน  ได้ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็ก

6. คนที่เกิดในบัวชั้นกลางระดับล่าง เมื่อมาเกิดแดนสุขาวดี หลังจากที่ 7 วันผ่านไปแล้ว ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน แล้วจึงประจักษ์มรรคผลระดับเล็กในภายหลัง

7. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับบน จะต้องผ่านไป 49 วัน ดอกบัวถึงจะบาน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน แล้วจึงประจักษ์มรรคผลระดับเล็กในภายหลัง

8. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับกลาง  หลังจากที่เวลาผ่านไปแล้ว 6 กัป  ดอกบัวถึงจะบาน  ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อนเพื่อให้เกิดความตื่นแจ้ง  แล้วจึงได้ประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กในภายหลัง

9. คนที่เกิดในบัวชั้นล่างระดับล่าง  ก็ต้องรอให้ผ่านไป 12 กัป ดอกบัวถึงจะบาน  ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระโพธิสัตว์ก่อน  เพื่อให้เกิดความตื่นแจ้ง  แล้วจึงประจักษ์ในมรรคผลระดับเล็กในภายหลัง

ไฉ้เซิง : ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้  ขอเพียงสวดพุทธนามเพื่อมาเกิดแดนสุขาวดีก็ไม่ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในหกภูมิวิถีอีกต่อไปแล้วใช่ไหมครับ ?

โพธิสัตว์ : ใช่ ! นอกเสียจากว่าตัวเองจะตั้งมหาปณิธาน  สมัครใจที่จะไปเกิดใหม่ในโลกธาตุอื่นเพื่อโปรดสัตว์และส่งเสริมเผยแพร่ธรรมให้เจริญรุ่งเรือง  โดยปกติแล้วคนที่สวดพุทธนามเพื่อมาเกิดยังแดนสุขาวดี หลังจากที่ออกมาจากดอกบัวแล้วก็จะมุ่งตรงต่อการบำเพ็ญเพียรโดยไม่ถดถอยอีกตลอดไป  สามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้โดยตรง

ไฉ้เซิง : ทำไมถึงได้ประเสริฐดีงามขนาดนี้นะ ?  ผู้น้อยอยู่ในอาณาจักรธรรม  มักจะเห็นผู้บำเพ็ญธรรมส่วนหนึ่งที่เลิกบำเพ็ญไปกลางครันอยู่เสมอ

โพธิสัตว์ : เมธี ! อยู่ในโลกแห่งทะเลทุกข์ก็ย่อมที่จะต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว  แต่หลังจากที่มาถึงที่นี่  เจ้าดูเถอะ !  เพื่อนที่คบหากันก็ล้วนมีแต่เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรและมหาโพธิสัตว์  สิ่งที่ดื่มกินก็คือน้ำแปดกุศลที่ช่วยเพิ่มพูนสติปัญญา และทำให้กายใจสงบชุ่มเย็น  เสียงที่ได้ฟังก็เป็นเสียงนกน้ำแสดงธรรมที่ช่วยเสริมพุทธปัญญา ฟังแล้วย่อมเกิดจิตสวดท่องพุทธนามขึ้นเองโดยอัตโนวัติ  สภาพแวดล้อมที่ประเสริฐเช่นนี้ ใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญปฏิบัติได้ดีกว่าถ้ำโบราณหรือป่าเขาลึกที่อยู่ห่างไกลจากผู้คนเป็นไหนๆ  ไม่มีสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่มีทางที่จะบำเพ็ญล้มเหลว  นี่ก็คือข้อดีของแดนสุขาวดี  

ไฉ้เซิง : โอ้ ! ดีจริงๆ งั้นหลังจากที่มาเกิดที่นี่แล้ว  ทุกคนก็สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นพุทธะได้ใช่ไหมครับ ?

โพธิสัตว์ : ใช่ !  มีจำนวนมากที่สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นพุทธะ นี่ก็คือหนึ่งในมหาปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้าที่ว่า “เมื่อข้าพเจ้าตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โพธิสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุอื่นๆที่มาอุบัติยังพุทธเกษตรของข้าพเจ้า ย่อมบรรลุถึงความเป็นเอกชาติปฏิพันธ์ได้อย่างแน่นอน (เอกชาติปฏิพันธ์คือโพธิสัตว์ที่มีพันธะเกี่ยวเนื่องกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า) ถ้าหากไม่สามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นพุทธะ  ข้าพเจ้าจะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

ไฉ้เซิง : โอ้ ! พระอมิตาภพุทธเจ้าเมตตากรุณาจริงๆ

โพธิสัตว์ : พระอมิตาภพุทธเจ้าไม่เพียงแค่มีเมตตากรุณาเท่านั้น  ในอดีตกาลนานมาแล้วก่อนหน้านี้ที่พระอมิตาภพุทธเจ้ายังไม่ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็เป็นพระราชาองค์หนึ่ง  ท่านชอบฟังพุทธธรรม  ดังนั้นจึงมักจะไปยังสถานที่ๆพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าแสดงธรรมเพื่อฟังพุทธธรรม  มีอยู่วันหนึ่งท่านเข้าใจในชีวิตอย่างถ่องแท้และตื่นแจ้งโดยฉับพลัน ดังนั้นจึงสละราชบัลลังก์ออกบวชติดตามพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าไปบำเพ็ญปฏิบัติธรรม  ในตอนนั้นท่านมีนามทางธรรมว่า “ธรรมกร” เป็นเพราะท่านธรรมกรมีรากบุญอันลึกซึ้งที่บำเพ็ญมาหลายภพชาติ  มีความพากเพียรบำเพ็ญพุทธธรรม  ด้วยเหตุนี้จึงบำเพ็ญสำเร็จอย่างรวดเร็ว  แล้วท่านธรรมกรก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้า  ประกาศมหาปณิธาน 48 ข้อ

ไฉ้เซิง : มหาปณิธาน 48 ข้อนั้น มีอะไรบ้างครับ ?

โพธิสัตว์ : มหาปณิธานทั้ง 48 ข้อ มีดังนี้

พุทธจี้กง : วันนี้เวลาไม่พอแล้ว  อาจารย์คิดว่า  มหาปณิธาน 48 ข้อ ต้องใช้เวลานาน ศิษย์เรา ! เจ้าก็ไว้ค่อยมาฟังครั้งต่อไปเถอะ !

ไฉ้เซิง : ครับ ขอบคุณพระโพธิสัตว์เมตตา ผู้น้อยคุกเข่ากราบลาตรงนี้

โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี  ครั้งหน้าค่อยเจอกัน

พุทธจี้กง : ศิษย์เรา เจ้านั่งบัลลังก์บัวให้ดี  เตรียมตัวกลับสำนัก

ไฉ้เซิง : ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว  ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้

พุทธจี้กง : ถึงเซิ่งเทียนถังแล้ว  ไฉ้เซิงลงจากบัลลังก์บัว  วิญญาณกลับเข้าร่าง


ครั้งที่ 18 ตอน ท่องนรกน้อยแดนแขวนหัวทิ่ม

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago

ครั้งที่ 26 ตอน ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago

ภาพจริงภูผาเซียนเป็นเพื่อนเดิน

เซียนฮ้อเซียนโกว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ความโชติช่วงของโยคาจาร

เสียงแมลงฝุ่นทับถม

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
แกงส้มยอดมะพร้าว

แกงส้มยอดมะพร้าว

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago