mindcyber 5 days ago

9.หากฉันได้กลับไปก็ดี ได้มีโอกาสสร้างบุญด้วยการรดน้ำกวาดพื้น

       "หากฉันได้กลับไปก็ดี ได้มีโอกาสสร้างบุญด้วยการรดน้ำกวาดพื้น...... " สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องฝันเลย

     ต่อมาได้เดินไปถึงสระบัวใหญ่ ในโลกมนุษย์ เราเปิดสถานธรรมขึ้นหนึ่งแห่ง บนสวรรค์จะมีดอกบัวผุดขึ้นหนึ่งดอกบนดอกบัวมีชื่อของประธาน และรองประธานสถานธรรมพร้อมทั้งซื่อของลูกๆ ทั้งหมด ในทันใดนั้นผู้น้อยได้เห็นดอกบัวดอกหนึ่ง ชื่อที่อยู่บนดอกบัว ผู้น้อยรู้จัก แต่เขียนชื่อเพียงประธานและรองประธานสถานธรรม และชื่อของลูกๆ สองคน แต่อันที่จริงเขามีลูกๆ ตั้ง 4 คน ผู้น้อย จึงเรียนถามพระอาจารย์

      พระอาจารย์:  ที่ไม่มีชื่อ เพราะพวกเขายังไม่ได้รับวิถีธรรม

      หลินถันจู่: ยังได้เห็นชื่อที่เขียนอยู่บนดอกบัวเบี้ยวๆ

      พระอาจารย์:  หากบำเพ็ญได้ดี ดอกบัวก็ดูสดชื่นน่ารักหากบำเพ็ญไม่ดี ดอกบัวของเขาก็เหี่ยวเฉา ไม่น่าดู หากเดินผิดเพี้ยนไป ชื่อบนดอกบัวก็จะเบี้ยวๆ บูดๆ(แต่พระอาจารย์ กำชับไม่ให้เปิดเผยว่าดอกบัวของใครสดใส ของใครเหี่ยวเฉา) 

      หลินถันจู่: ขอเรียนถามพระอาจารย์ ดอกบัว นี้มีความแยบยล ใช้อย่างไร ? 

      พระอาจารย์:  เจ้าสามารถนั่ง ไปไหนมาไหน ได้อย่างเสรี ตามใจชอบ

      หลินถันจู่:  เสียดาย ดอกบัวมีเพียงดอกเดียวในบ้านของศิษย์ มีคนอยู่ตั้งหลายคน แล้วจะนั่งไปได้อย่างไรล่ะ ? 

      พระอาจารย์:  ดอกบัวสามารถขยายโหญ่ หรือเล็กได้

แยบยลใช้ ไร้ขอบเขต

      หลินถันจู่:  ศิษย์ขอทดลองนั่งสักครู่ได้ไหม ? 

      พระอาจารย์:  เวลารีบเร่ง คราวหน้าค่อยว่ากัน

      หลินถันจู่:  เออ! เอาอย่างนี้ หรือ

      เดินไปไม่นานได้ยินเสียงคนร้องเพลง ทำนองหวงเหมยเตี้ยว (โอเปร่า) แล้วได้เห็นนางฟ้า เสื้อผ้าที่นางฟ้าสวม ล้วนเป็นเเบบโบราณ ที่ยาวลากพื้น (เหมือนภาพที่พระโพธิสัตว์กวนอิมสวมใส่) เป็นสีขาว ใส่แล้วถูพื้นไปเลย หากต้องซักคงต้องซักยากมาก

      พระอาจารย์: ศิษย์ เจ้าจับดู บนพื้นไม่มีอะไร สะอาดมาก ไม่สกปรกหรอก ดิฉันต้องซักเล่า

      หลินถันจู่:  ที่นั่นเขาทำอะไรกัน สนุกกันอย่างนั้นเหมือนดูสนุกและเล่นอะไรกัน ผู้น้อยได้ยินคนร้องเพลง พระอาจารย์จึงพูดกับผู้น้อย ว่า

        "ทางโลกมีสุภาษิตอยู่บทหนึ่ง"  

     ผู้น้อยจึงขอพระอาจารย์ชี้แนะ

      พระอาจารย์:  เจียะป้าเอ๋งเซียนเซียน (ภาษาไต้หวันหมายถึง กินอิ่มว่างๆ ไม่มีอะไรทำ) 

      หลินถันจู่:  คำพูดประโยคนี้ เคยได้ยินสมัยคุณย่า พระอาจารย์ นั้นเป็นคำพูดที่ดี

      พระอาจารย์:  ใช่ คำพูดที่ดี

      หลินถันจู่: หากพวกเขาได้กลับสวรรค์ ก็เป็น แบบนั้นสินะ "กินอิ่มว่างๆไม่มี อะไรทำ" เพราะฉะนั้นผู้หญิง เมื่อกลับไปแล้วจะไปเข้าครัวทำอะไร

      พระอาจารย์:  ไม่มีโอกาส เพราะอะไร เพราะไม่ต้องกิน (ขณะนั้นในใจของผู้น้อยคิด ไม่กินแล้วจะอยู่กันได้อย่างไรคงกินลูกท้อเซียน

      พระอาจารย์:  เซียนท้อแข็งๆ พวกเรามาช้าไป หากมาเร็ว อีก นิดเช่น เวลาถวาย พระพรพระองค์ธรรมมารดา จะยกน้ำอัมฤทธิ์ ออกมาเมื่อเหล่าเซียนถวายพระพรแด่พระองค์ธรรมมารดา พอเปิดฝาออก ทุกคนได้ดมกลิ่นน้ำอัมฤทธิ์ ก็อิ่มแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องทาน

      หลินถันจู่:  โอ้โห ดีจัง

      พระอาจารย์:  ในเมื่อดีอย่างนี้ ทุกคนจะมาที่นี่ ต้องรีบบำเพ็ญ

      หลินถันจู่:  หากเป็นอย่างนี้ ลูกศิษย์ไม่กลับไป

รออยู่ตรงนี้ดีกว่า

 

 

      พระอาจารย์:  เจ้าจะรออยู่ตรงนี้ ไม่กลัวตกลงไปหรือเจ้าบำเพ็ญถึงขั้นนี้เอง เจ้าต้องปีนขึ้นไปอีก เจ้าไม่ใช่ที่หนึ่ง เหมือนกับการเรียนหนังสือ หากเจ้าไม่ขยัน ผู้อื่นก็แซงหน้าไป หากเจ้ารออยู่ตรงนี้ ก็จะถอยไปเรื่อยๆผู้อื่นอยู่ในโลกมนุษย์สร้างกุศลไปเรื่อยๆ ก็ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ เจ้าก็ไล่ผู้อื่นไม่ทันเจ้าต้องลงไปอีก อย่าคิดเรื่องเหล่านั้นกลับไปแล้ว เอาคำพูดของอาจารย์ ไปบอกให้ผู้อื่นได้รู้ด้วย

     เมื่อเดินต่อไป มองเห็นอารามสีเหลือง แสงสว่างเจิดจ้ามาก มีทหารฟ้า ขุนพลฟ้า เมื่อสักครู่ ที่ผ่านมาที่นั่นเป็นสีทองแต่ที่นี่เป็นสีเหลือง มอง อีกทีหนึ่งก็เห็นป้าย

        "ซิวเลี่ยนเอี้ยน" (หอบำเพ็ญเคี่ยวกรรม)  

     เมื่อเปิดประตูมองเห็นคนมากมาย ห้องที่ผ่านมาเห็นทุกคนยืน แต่ห้องนี้มีเบาะตั้งไว้ มีคนมากมายคุกเข่าอยู่

     พวกเราซึ่งเข้ามาใหม่ๆ คน เหล่านั้นหันหลังให้ไม่ถึงหนึ่งนาที ทั้งหมดก็หันมามองผู้น้อยกับพระอาจารย์ผู้น้อยแปลกใจ และอยากจะแกล้ง จึงรีบวิ่งไปอีกด้านหนึ่ง

      พวกเขาก็หันหน้าไปมองผู้น้อย ผู้น้อยคิดว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ ก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็หัน หน้ามามองผู้น้อยอีกผู้น้อยวิ่งไปวิ่งมา

      พระอาจารย์:  "ลูกศิษย์ทำอะไร" 

      หลินถันจู่:  "น่าแปลกมาก วิ่งไปที่ไหนคนก็มองไปที่นั่น" 

      พระอาจารย์:  "เหมือนกัน ไม่เห็นแปลกตรงไหนอาจารย์อยู่ที่นั่นพวกเขาก็มองมาทางอาจารย์เมื่อเข้าไปทีโน่น เขาก็มอง เจ้า ไม่มีอะไรน่าแปลก" 

     ผู้น้อยคิดในใจ คนเหล่านี้ทำไมเซ่อนัก มีเบาะ แต่ไม่คุกเข่าลงบนเบาะ คนที่คุกอยู่บนเบาะน้อยมากพวกเขามองเห็นพระอาจารย์ มีความสงบมาก คุกเข่ากันเงียบๆ

     พระอาจารย์พูดด้วยความเมตตา

       "มีใครจะออกมา แสดงบ้างไหม?"   

     ทุกคนเงียบสงบไม่มีใครกล้าออกมา พระอาจารย์ก็เรียกคนหนึ่งให้ออกมาแสดง (โจ้อี๋ กุย) คารวะ คุกเข่า คนๆ นี้เมื่อจะกราบพระ ศีรษะก้มลงไป ก้นก็กระดกขึ้นเหมือนกับตีลังกาเหมือนกับลูกบอลกลิ้งไปเรื่อยๆ ผู้น้อยดูแล้วตบมือดังๆ ชมว่า "เก่ง "   

       พระอาจารย์:  "ไม่ต้องตบมือไม่ต้องตบมือ" 

     คนนี้แสดงเก่ง ทำไมไม่ให้ตบมือ ผู้น้อยจะกลิ้งสักรอบก็ไม่ไหว เมื่อพระอาจารย์กล่าวเช่นนี้ ผู้น้อย ก็ไม่ตบ

     แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด คนนั้นกลับหน้าแดง เหมือนรู้สึกอาย 

หลักแห่งความสัมพันธ์

พระเจ้าเป่าแซมมหาราช

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ปฐมสาธุการพจน์ ของเทพเจ้าหลี่วเจินเหยิน

ตรัสแนะน้อมนับถือเทวราชโองการ

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago

เจ กับ เนื้อ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ชิงสุ่ยโจวซือ

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ภิกษุเฟื่องมาแล้ว

พระพุทธจี้กง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago