mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่6

มารเกิดจากใจ              พุทธะเกิดจากคน

การทดสอบเกิดปัญญา     ฝึกฝนจริงย่อมสำเร็จ

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2525

กลอนนำเสด็จ

 

ทรงธรรมมีมารแยะ        มนุษย์ยอดอดทน

เขาขึ้นง่ายลงยาก            กุศลต้องทำนุ

 คอยชำแหละดูจิตคน      หมั่นฝึกฝนจนบรรลุ

ต้องบากบั่นทนยั่วยุ        มองทะลุโลกสุขนิรันดร์

อรหันต์จี้กง : การปฏิบัติธรรมไม่มีอื่น คำว่า “ความปลอมความจริง” การหลงเชื่อในความปลอมจะทอดทิ้งความจริงก็เหมือนผู้กลับความจริงก็จะไม่ละความปลอม หมายความว่า “ภายใต้ความวุ่นวายของชีวิต รีบๆแสวงหาความจริง เวลามีเพียงน้อยนิด ละหลงกิเลสอย่าจมปลัก” ความจริง ความปลอม แตกต่างกันอย่างไร? ก็คือ จากความหลากหลายสู่ความเรียบง่าย “กลับความจริง” ก็คือ จากความเรียบง่ายไปสู่ความหลากหลาย มันคือ “ความปลอม” นั่นเอง ยิ่งมีความเรียบง่ายก็ยิ่งเป็นความจริง จากความเรียบง่ายไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวก็จะถึงความจริงแท้ ยิ่งหลากหลายก็ยิ่งจอมปลอม ความหลากหลายนำไปสู่ สิบ ร้อย พัน หมื่น ล้านๆ ดังนั้น ยิ่งจอมปลอมก็ยิ่งอยู่ห่างไกล แล้วจะกลับคืนสู่ความจริงก็ยิ่งจะยากยิ่ง

     ปัจจุบันมนุษย์ใช้สิ่งหลากหลายยิ่งกว่าคนสมัยก่อน ดังนั้นจิตใจของคนก็ยิ่งจอมปลอมกว่าคนสมัยก่อน การนับถือพระรัตนตรัยและถือศีลห้าก็ดี แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ก็ดี ล้วนมีจุดประสงค์อันเดียว นั้นคือ “ให้ละทิ้งความหลากหลายสู่ความเรียบง่าย”นั้นเอง ดังนั้น ผู้มีจิตมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม จะทำงานทุกอย่างที่มีความหลากหลายให้เรียบง่าย กระทำความเรียบง่ายให้เรียบง่ายขึ้นอีก จนกระทั่งถึงความเป็นหนึ่ง ความจริงแท้ก็จะปรกกฎ

     ความจอมปลอมไม่มีอื่น กล่าวรวมๆความว่า “อายตนะภายนอกทั้งหกนั่นเอง” อายตนะทั้งหกได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ โดยอาศัยตาหูจมูก สิ้น กาย และใจ ดุจมหาโจรทั้งหกก่อขึ้น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นชิมรส กายสัมผัสของ ใจกระทบธรรมารมณ์ (ธรรมคือใจที่คิด เรียกว่า มโนวิญญาณ) ภายในอายตนะหนึ่งประกอบด้วยความจอมปลอมอันนับไม่ถ้วน เมื่ออายตนะทั้งหกมากระทบเข้า ความจอมปลอมทั้งหลายก็รุมเข้ามาสิ่งสำคัญก็คือ ต้อง “ควบคุมอายตนะ” อายตนะห้าอันดับแรกถึงแม้จะหลอกลวงคนได้ แต่ก็มีกำลังน้อย ซึ่งสามารถจะควบคุมได้ นอกจากธรรมารมณ์ ซึ่งไม่อาจควบคุมได้ง่ายนอกจากใจที่คิดจะลดละจึงจะควบคุมได้ จำเป็นต้องพินิจพิจารณาให้ละเอียด เพื่อให้อนุสัยกิเลสถูกขจัดออกไปทั้งหมดเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ความมัวหมองของจิตก็จะหมดไป จิตจะประภัสสร เมื่อจิตสว่างไสว การควบคุมอายตนะก็จางคลาย ไปโดยอัตโนมัติ การควบคุมอายตนะอีกห้าอันก็จะจางคลายไปด้วย เมื่อทุกอายตนะจางคลาย การกลับคืนสู่ความจริงก็มีหนทาง นับวันยิ่งใกล้ความจริง จนกระทั่งสามารถกลับคืนสู่ (บ่อเก๊ก) ความไรัขอบเขต ได้พบมารดาที่เมตตาได้ดื่มนมทิพย์ ดุจทารกแรกเกิดที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วอายตนะทั้งหกอะไรเล่าจะทุกข์ร้อน จิตก็สมบูรณ์ ชีวิตนิรันดร์อยู่สุขสบายในสวรรค์ อบอุ่นข้างมารดา จะไม่สุขฤาไฉน?

หยางเซิง : ท่านอาจารย์กล่าวอย่างมีเหตุผล การควบคุมอายตนะทั้งหลายเกิดจากใจ ดังคำที่กล่าวว่า “สรรพสิ่งเกิดจากจิต” การกระทบที่ผ่านทางตา หู จมูก สิ้น กาย จะถูกส่งมายังจิตจึงกล่าวได้ว่า จิตเป็นศูนย์กลางของคน ไม่มีอะไรที่ไม่รู้สิ่งภายนอกทั้งหลายล้วนเวียนวนอยู่ในจิต นานเข้าๆพื้นจิตก็สกปรก ก็เกิดกิเลสขึ้น มนุษย์ก็กลับกลายเป็นปุถุชน

อรหันต์จี้กง : วันนี้คุยกันเยอะแยะ เราขึ้นบัวอาสน์กันไปสู่เส้นทางแต่งหนังสือกันเถอะ

หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด!

อรหันต์จี้กง : ถึงที่หมายแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์ได้

หยางเซิง : โอ๊ย! วันนี้มาถึงสำนักทดสอบมาร กระผมรู้สึกกลัวขึ้นมา!

อรหันต์จี้กง : ไม่ทดสอบก็ไม่สำเร็จธรรมซิ ผู้ฝึกฝนธรรมกลัวการทดสอบเหมือนนักเรียนกลัวการสิบไล่ ถ้าเช่นนี้นก็ไม่มีทางสำเร็จ เพื่อความสำเร็จจึงจำเป็นต้องผ่านมารทดสอบชาวบ้านไม่ต้องกลัว อาตมามีเพลง “สอบไม่ตก” พวกเราร้องพร้อมกันเลย!

 

“สอบไม่ตก

           สอบไม่ตก

           สอบไม่ตก

           สอบไม่ตก

           สอบไม่ตก

 ถึงจะมีคุณค่ายิ่ง!

           ถึงจะมีปัญญาดี!

           ถึงจะได้ธรรมะสูง!

           ถึงจะได้อยู่แนวหน้า!

           ถึงจะพ้นการเกิดตาย!”

           สำนักทดสอบมารก็เหมือนสำนักสอบไล่ในโลกมนุษย์เพื่อสอบผู้ปฏิบัติธรรม

หยางเซิง : เช่นนี้เอง ข้างหน้ามีผู้ปฏิบัติธรรมหนุ่มคนหนึ่งดูท่าทางเข้มขึง ใบหน้ามีรัศมีไม่รู้ว่าเป็นใครกัน?

อรหันต์จี้กง : เขาเป็นผู้อำนวยการสำนักทดสอบมาร ถูกขนานนามว่า ประธานทดสอบแห่งสามฟ้า

หยางเซิง : ที่แท้คือ ผู้อำนวยการแห่งสำนักทดสอบมาร ศิษย์โง่ขอคารวะท่านผู้อำนวยการ

ผู้อำนวยการ : มิต้องเกรงใจ! วันนี้ท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางนักทรงเอกแห่งสำนักเซี้ยเต็กตึ้ง มาเยี่ยมยังสำนัก ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง!

อรหันต์จี้กง : อาตมาได้รับโองการร่วมกับคุณหยางเซิง มาแต่งตำรา “เส้นทางอริยะ” หวังว่าท่านผู้อำนวยการจะช่ายชี้แนะให้คุณหยางมากหน่อย เพื่อให้ชาวโลกได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสำนักของท่าน

ผู้อำนวยการ : ดีขอรับ! ขอเชิญท่านทั้งสองเข้าไปในสำนักเยี่ยมชมดู

หยางเซิง : ขอบพระคูณท่านผู้อำนวยการ เดินตามผู้อำนวยการเข้าไป ภายในเห็นตกแต่งเหมือนห้องเรียน ข้างหน้ามีลานกว้างมิทราบว่าใช้ทำอะไรบ้าง?

ผู้อำนวยการ : ขอเชิญท่านทั้งสองเข้ามานั่งในห้องรับแขกก่อนจะได้คอยแนะนำได้สะดวก

หยางเซิง : ขอรับ... ! มาถึงห้องที่เงียบห้องหนึ่ง ภายในตกแต่งแบบโบราณ ผนังมีภาพอักขระแขวนอยู่ เป็นคำคติพจน์การทดสอบ เช่น การทดสอบผ่านห้าสิบด่านใหญ่ เป้นต้น และยังมีบททดสอบของท่านลือโจ้ว (หนึ่งในเทวดาแปดองค์โป้ยเซียน) สิบประการ และคำกลอนให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรม....

ผู้อำนวยการ : ท่านทั้งสองเชิญนั่ง มีคำสั่งขอให้พนักงานเทวดาเสิร์ฟผลไม้ทิพย์ สุคนธรส

เทวดา : ขอรับ! เสิร์ฟผลไม้ทิพย์และสุคนธรสแล้วขอรับ ขอเชิญท่านทั้งสองโปรดใช้

อรหันต์จี้กง : หยางเซิงมิต้องเกรงใจ ลองชิมผลไม้ทิพย์หน่อยไม่ได้ชิมมานานแล้ว

หยางเซิง : เมื่อครั้งแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” สำเร็จลง พระมารดาแห่สระทิพย์ได้จัดงานเลี้ยงก็เคยชิมมาแล้วขอรับ!

อรหันต์จี้กง : เอ่อๆ! อาตมางานยุ่งไปเลยลืมไป เจ้ายังจำได้แต่ก็อย่ารอช้าเลย

หยางเซิง : ศิษย์ยังไม่หลุดจากปุถุชนเลย!

อรหันต์จี้กง : คิดอยากทานผลไม้ทิพย์ก็ไม่ยากนี่ ก็อย่าลืมคิรีเทพ (พื้นนาจิต) ย่อมมีผลไม้ทิพย์ เมื่อมีการไถหว่านย่อมมีการเก็บเกี่ยว บนภูผาจิตของทุกๆคนย่อมมีเนื้อนาบุญ ย่อมมีต้นไม้ทิพย์ ย่อมมีพุทธผล ขอเพียงหมั่นดูแลรักษาย่อมได้เก็บเกี่ยวแน่ ขอเชิญท่านผู้อำนวยการโปรดอธิบายวิธีการทดสอบมารให้ฟังหน่อยเพื่อนำไปตีพิมพ์ในหนังสือ “เส้นทางอริยะ” เป็นการตักเตือนชาวโลก!

ผู้อำนวยการ : ขอรับ! ผู้ปฏิบัติธรรมควรเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมย่อมมีการทดสอบธรรม ถ้าไม่มีการทดสอบธรรมะก็จะไม่สำเร็จ เหมือนคนจะเลื่อนขั้นต้องมีการสอบ ถ้าไม่มีการทดสอบก็ไม่เห็นผลการเรียน ดังนั้น การปฏิบัติธรรมต้องมีการทดสอบจึงจะสามารถเลื่อนขั้นได้ ที่สอบนั้นก็คือการสอบความศรัทธาของจิต สอบความอดทน ขยัน ปัญญา และอุปนิสัย ผลของมันสามารถชำระวิบากกรรมได้ เพิ่มเติมปัญญาและอายุ อบรมให้มีมารยาท ฟูมฟักให้เป็นผู้มีคุณธรรมดีงาม เพื่อสำเร็จเป็น เทพ พุทธ จำต้องได้รับการขัดเกลาจึงจะได้ของดีที่มีรัศมีที่สวยงาม หากคนไม่ผ่านการทดสอบธรรมจิตย่อมไม่ดีแน่ หากยอมปล่อยให้เป็นเทพ พุทธ ง่ายๆมาตรฐานของสวรรค์ก็ตกต่ำอย่างมาก ทุกหนแห่งก็จะมีเทพ พุทธ ประเภทมาร

     หนทางที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องผ่านบนเส้นทางอริยะ เริ่มแรกต้องหัดขับให้ดี อาจพบกับไฟแดง สะพานแคบ ทางชันทางอันตรายต่างๆ ...เป็นต้น ในสภาพการณ์ต้องสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ได้ เทพ พุทธ แต่ละองค์ต้องมีความสามารถพิเศษเหนือคน จึงจะสามารถตอบรับการโจมตีของมารได้ จะได้อยู่รอดในจักรวาล และสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ดังนั้น ปุถุชนที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบในโลกมนุษย์ผลที่สุดก็จะเป็นเทพ พุทธ ที่ปราศจากความสามารถ ดังนั้น การทดสอบจึงเป็นการฟูมฟักการปฏิบัติของคน ซึ่งเหตุผลนี้สำคัญมาก หากสามารถผ่านการทดสอบของมารต่างๆในโลกมนุษย์แล้ว เมื่อตายลงก็ยิ่งมีความชำนาญเหมือนกับทานข้าวในบ้าน โดยไม่มีความเกรงกลัวอะไร

หยางเซิง : การปฏิบัติธรรมไม่ใช่ของง่าย ครั้งก่อนได้ฟังท่านอาจารย์ว่า คนเราปฏิบัติคุณธรรมแปดก็สามารถสำเร็จได้ดูเหมือนจะไม่มีหลายรายการต้องทำเลย! วันนี้ได้ฟังท่านผู้อำนวยการพูด รู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมมีความยากยิ่ง

ผู้อำนวยการ : ฮาฮ้า! คนชอบแต่ของง่ายๆกลัวของยาก ถึงแม้มารทดสอบจะมีมาก ก็ดูอย่างก้อนกรวดบนถนนซิ ถูกเหยียบภายใต้เท้าที่ใส่รองเท้าย่อมไม่รู้สึกเจ็บใช่ไหม? คุณธรรมแปด ก็คือ ด่านมารทั้งแปด... ความกตัญญู ความรักในสายเลือด รักชาติ มีสัจจะ มีสัมมาคารวะ มีความซื่อสัตย์ มีหิริโอตตัปปะ สิ่งเหล่านี้มีคนประพฤติได้สักกี่คน ด้วยคำถามเหล่านี้ พวกเขาไม่คิดว่าสำคัญ พอถามง่ายๆเพียงคำถามเดียว พวกเขาก็ตอบไม่ได้เสียแล้ว น่าหัวเราะไหมเล่า ยิ่งพวกที่กำลังเรียนธรรมะกันอยู่ พวกเขาสามารถอธิบายหลักธรรมได้อย่างลึกซึ้ง คล่องแคล่ว แต่พอพูดถึงคุณธรรมแปด ก ข ค ง เขากลับอธิบายไม่ออก พวกเขาเก่งแต่เจาะยอดเขาควายแต่เป็นคนที่ประพฤติไม่ดี การปฏิบัติธรรมของเขาก็สูญเปล่าส่วนพวกที่ไม่มีความรู้กลับปฏิบัติได้ดีกว่า เพราะพวกนี้ได้ยึดอยู่กับความจริง มิได้คุยฟุ้ง ข้าพเจ้ามีคำหนึ่ง “ผู้ที่สามารถปฏิบัติตามคุณธรรมแปด เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริง พวกที่ท่องตำราจนคล่องมักจะเป็นคนเซ่อบัดซบ” ขอให้ชาวโลกโปรดเข้าใจ!

หยางเซิง : ท่านผู้อำนวยการพูดได้ดี ทำให้หายโง่ไปมากทีเดียว

ผู้อำนวยการ : “มารทดสอบ” มิใช่เป็นของน่ากลัว ในขณะที่คนกำลังดีอกดีใจจนลืมตัวลืมตน มารสวรรค์นั้ก็จะแฝงกายอยู่ข้างตัวเจ้า เจ้าก็จะถูกทดสอบโดยไม่รู้ตัว การทดสอบครั้งนี้สอบกี่ครั้งก็ตกทุกครั้ง มีไม่กี่คนที่สอบผ่านด่านได้การทดสอบนี้เรียกว่า “การสอบตามกระแส” “การสอบตามกระแส” จะทดสอบตอนที่คนกำลังตกทุกข์ได้ยากการสอบแบบนี้ชาวโลกหมักรู้ตัว มักสอบไม่ตก ดังนั้นจึงพูดว่า “ท่ามกลางความทุกข์ยาก สามารถฝึกสำเร็จเป็นยอดคน ทามกลางความสุขสบาย สามารถหลงสืมจิตเดิมได้ง่าย” ตอนนี้ข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องการทดสอบของท่านสือโจ้วสิบข้อไว้พิจารณา!

     1.ท่านตงเปียง (ชื่อของลือโจ้ว) กลับมาจากทางไกลเห็นคนในบ้านตายหมด ท่านตงเปียงไม่มีใจเจ็บปวด เคียดแค้นแต่ก็ได้เตรียมจัดพิธีศพเท่านั้น ฉับพลันนั้นผู้คนที่ตายก็กลับฟื้นขึ้นเหมือนมิได้เจ็บป่วย... สำหรับท่างตงเปียงเห็นคนในบ้านตายแล้วไม่พูดจา ทำดังคนไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นหรือ? แต่ไม่ใช่! ท่านตงเปียงได้บรรลุมหาสัทธรรมแล้ว การเกิดการตายเหมือนความฝัน เกิดตายย่อมมีดวงชะตามหาบุรุษเห็นการตายเหมือน คืนกลับ ญาติจาก วิญญาณไปย่อมมีหนทางของมันเอง บุญวาสนาหมดเท่านั้น แต่ก็จัดงานศพอย่างดี จะเจ็บแค้นไปไย? ยามเกิดก็ปลอดภัย ยามตายก็สงบสุข แล้วการเกิดการตายจะต้องไปกลัวทำไม! เมื่อเกิดแล้วสามารถประกอบกุศล ตายแล้วก็เป็นเทพที่ดี ดังนั้นท่านตงเปียงจึงมองทะลุโลก รู้ว่ามันเหมือนฝัน จึงสามารถจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่กลัว ช่างหนักแน่นน่านับถือในความเข้มแข็ง ชาวโลกตัดความรักความสัมพันธ์ได้ยากยิ่งกายเนื้อละได้ยาก ช่างเจ็บปวดทรมาน เกิดก็ทุกข์ตายก็ทุกข์ไม่คุ้มค่าเลย! น่าเรียนอย่างท่านตงเปียง วางการเกิด การตายไว้ภายนอก ของเพียงแต่แสวงหาความไม่มี ความละอายที่มีอยู่ในใจเท่านั้น

     2.ท่านตงเปียงค้าขายในตลาด เทื่อตกลงราคาแน่นอนแล้วผู้ซื้อเกิดเปลี่ยนใจ ยอมจ่ายเงินให้เพียงครึ่งเดียว ท่านตงเปียงก็ไม่ต่อล้อต่อเถียง คงขายสินค้านั้นไป... สำหรับท่านตงเปียงแล้ว การได้กำไรหรือขาดทุนไม่ทุกข์ร้อน หากคนธรรมดาพบเข้าแบบนี้ ก็คงถกเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงและไม่เลิกลากันง่ายๆบ้างครั้งอาจก่อเหตุจนถึงขั้นฆ่ากันตายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเป็นทุกข์กับการได้เสีย ควรจะปล่อยวางในวงการค้าขายมักเกิดปัญหา ไม่เชื่อใจกัน ถึงแม้ว่าเงินทองไม่ใช่สิ่งที่หยิบยืมกันง่ายๆ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ควรปลงตกเสียบ้าง แม้จะขายหน้าสูญทรัพย์บ้างก็อย่าคิดเสียจนไม่เลิกลาจนอาจเจ็บป่วยถึงตายได้ ซึ่งไม่น่าจะคุ้มค่าเลย จริงไหม?

     3.วันเกิดท่านตงเปียง พบมีขอทานมาขอถึงหน้าบ้านท่านตงเปียงก็ให้ทานทรัพย์สิ่งของไป ขอทานก็ยังขอเอาๆไม่ยอมไป แถมกล่าววาจาหยาบคาย ด่าทอต่อว่าท่านตงเปียงก็ได้แต่ยิ้มรับขอบคุณถึงสามครา เรื่องนี้ลองดูคนให้ทานซิจะมีขันติแค่ไหน ลองให้เงินแล้วแถมถูกด่าอีกก็คงทนไม่ไหวแล้วนั้นก็คือ ธรรมะของท่านก็ยังเทียบไม่ได้กับธรรมะของท่านตงเปียง หมวดวิชานี้คงสอบไม่ผ่านแน่แท้!

     4.ท่านตงเปียงเลี้ยงแกะท่ามกลางหุบผา บังเอิญไปพบกับเสือหิวตัวหนึ่ง จะกระโจมเข้าใส่ฝูงแกะ ท่านตงเปียงก็ถลันตัวขวางหน้า เสือก็เลยเบนไปทางอื่น เรื่องนี้ลองทดสอบคนอื่นดูซิว่ากล้าจะสละชีพเพื่อปกป้องชีวิตแกะหรือไม่ คิดว่าชาวโลกคงทำไม่ได้อย่างนั้นแล้ว ไม่ควรฆ่าสัตว์ตัดชีวิตควรทานมังสวิรัติก็คงสะเทือนใจ เจ้าเสือหิวไม่กินเนื้อต่อไปมั่ง!

     5.ท่านตงเปียงอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า อ่านหนังสือมีหญิงสาวงดงามแช่มช้อยคนหนึ่ง เสน่ห์รัดตรึงยิ่งนัก มาบอกท่านตงเปียงว่าหลงทางกลับบ้าน ขอพักค้างสักหน่อย แถมยังยั่วยวนต่างๆท่านตงเปียงไม่ไหวติง ถ้าเป็นชาวโลกแม้ไม่มีหญิงอยู่ก็ยังมีจิตโน้มน้าวให้เกิดอารมณ์ อย่าว่าแต่หญิงงามจะระริกระรี้อยู่ต่อหน้าเลย จะนิ่งอยู่ได้ไยเล่า! หากต้องการเป็นอาคันตุกะของสวรรค์ โดยไม่เสียมารยาทต่อหน้าเทพธิดาละก็ ควรฝึกฝนให้มีสติอยู่นิ่งแบบนี้! หากเป็นชาวโลกก็คงตกลงสู่เหวน้ำกาม ไม่ม่ใครสามารถไต่ขึ้นมาได้ แล้วคิดจะไต่ขึ้นสวรรค์นั้นหรือ คงเลิกคิดกันได้!

     6.มีอยู่วันหนึ่ง ท่านตงเปียงออกไปนอกบ้าน ข้าวของเงินทองถูกขโมยไปหมด ท่านก็ไม่หน้าบึ้ง จึงแบกจอบจะไปทำนา พอขุดลงไปพบทองคำตั้งสิบแท่งก็รีบกลบทิ้งไว้ ไม่เอาแม้แต่แท่งเดียว หากมีจิตโลภ มารก็มาผจญ ผู้ที่โลภหลงทรัพย์สมบัติจะนำโรคมาสู่ตน ท่านสือโจ้วสูญเสียทรัพย์สินท่านก็ไม่น่าบึ้ง ลงจอบพบทองแท่งท่านก็ไม่ดีใจ คิดเพียงว่ามิใช่เงินทองที่ตนลงแรงหามาเอง จึงไม่เอาทองนั้น ชาวโลกที่มีความโลภ พอใจกับความสะดวกง่าย น่าละอายไหม? ผู้ปฏิบัติธรรมตัองละโลภไม่ไหวติงต่อเงินทอง จึงจะอยู่ร่วมกับเทพ พุทธได้ ท่านทั้งหลาย ข้อสอบนี้ท่านได้สักกี่คะแนน

     7.ท่านตงเปียงพบกับคนขายเครื่องทองแดงก็เลยซื้อไว้พอกลับถึงบ้านแกะดูพบว่ามันเป็นทองคำ จึงรับสืบหาคนขายเพื่อคืนให้ อันนี้ก็เป็นการทดสอบความโลภ ซื้อเครื่องทองแดงกลับกลายเป็นทองคำ ชาวโลกก็คงดีใจหาย ขอบคุณฟ้าดินขอบคุณเจ้าโง่ที่ขายให้ คงไม่มีเหตุผลที่จะคืนให้ ของอันไม่ชอบธรรมไม่เอา โปรดจำไว้ท่านบัณฑิต!

     8.มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีท่านเต้าหยินท่าทางบ๊องๆผู้หนึ้งเที่ยวขายยาตามท้องถนน แล้วก็อ้างสรรพคุณว่า ใครกินแล้วต้องตายทันที เกิดชาติต่อไปจะบรรลุธรรม ท่านตงเปียงก็ซื้อไป ท่านเต้าหยินก็พูดทันทีว่า “เตรียมงานศพได้เลย” ท่านตงเปียงไม่กลัวตายก็กินยานั้นทันที ท่านไม่ตายก็ไม่เจ็บป่วย ใช่ว่าท่านตงเปียงได้สำเร็จธรรมแล้วไม่กลัวตายหรือ? เปล่าเลยท่านตงเปียงต้องการแสวงธรรมอย่างยิ่งยวด เห็นการตายเหมือนการเกิด แม้รู้ว่าท่านเต้าหยินจะพูดเท็จ แต่คิดว่าคงมีเทพนิมิต จึงคิดลองดู มีคำพังเพยที่ว่า “เมื่อจิตคนตายพลันจิตธรรมก็เกิดทันที” ที่ตายก็คือ ตัวโลภ โกรธ หลง เป็นตัวร้าย

     9.มีอยู่วันหนึ่ง แม่น้ำเกิดไหลบ่าทำให้เกิดอุทกภัย ท่านตงเปียงก็ประสบภัยเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป ต่อมาเกิดมีพายุโหมกระหน่ำ ชาวบ้านต่างอพยพหนีภัย แต่ท่านตงเปียงคงนั่งเฉยโดยไม่เคลื่อนไหว ปรากฏการณ์นี้ใช้ทดสอบพลังสมาธิ ผู้ปฏิบัติธรรมควรจะมีความสงบเยือกเย็น มีความคิดที่หนักแน่น แม้จะประสบกับพายุฝนกระหน่ำก็ไม่สะเทือนสภาวะจิต สามารถอกทนอย่างเป็นสุข มิฉะนั้นแล้ว เพียงเท้ายืนไม่นิ่ง คลื่นลมก็จะกวาดท่านไป ของชาวโลกโปรดระมัดระวัง

     10.ท่านตงเปียงนั่งเงียงภายในห้อง ฉับพลันก็มีพวกผีเปรตนับไม่ถ้วน มาล้อมอาละวาด บ้างจะทุบตี บ้างหมายปองชีวิต ท่านตงเปียงไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสั่งมาในอากาศ ขอให้ผีร้ายจงหายไป มีคนหนึ่งตบมือหัวเราะเสียงสั่น ท่านคือ อาจารย์ฮั้งเจ็งลี้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า “ข้าทดสอบเจ้าถึงสิบครั้ง ท่านก็มั่นคงไม่หวั่นไหวต้องบรรลุธรรมแน่” การทดสอบครั้งนี้ลองเรื่อง หิริโอตตัปปะ ผู้ที่ไม่มีมลทินย่อมไม่กลัวผีจะทำร้าย ท่านตงเปียงใจบริสุทธิ์ไร้บาป เมื่อพบว่ามีผีร้ายมารุกรานก็คิดเสียว่าหากยังมีหนี้เวรต่อกัน ก็จะชดใช้กรรมด้วยชีวิต จิตของข้าไม่คิดอื่นใจ วิสุทธิธาติเปล่งปลั่ง ไม่กลีวผีร้ายหากชาวโลกพบผี ถ้าจิตไม่สะอาดย่อมเกิดอาการกลัวเกรง นั้นก็หมายความว่าธรรมที่ปฏิบัติยังไม่สมบูรณ์ บุญที่สะสมก็ไม่เพียงพอควรจะใส่ใจฝึกฝนเพื่อชดใช้หนี้กรรม พบผีดั่งพบมิตรมีเทพ พุทธ เคียงข้าง ทั้งสามโลกสามารถไปเที่ยวได้หมด

อรหันต์จี้กง : วันนี้ท่านผู้อำนวยการได้อธิบายไว้มาก เสียเวลาไปไม่น้อย วันหลังค่อยมารบกวนไหม่ หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง : กราบขอบคุณท่านผู้อำนวยการที่ได้บรรยายสัจธรรมแห่งสำนักทดสอบมาร เพราะท่านอาจารย์เร่งให้กลับจึงกราบลาไปก่อน

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์วิญญาณกลับเข้าร่าง


0
109

เทวดาเซียนท้งประทับทรงมีกลอนว่า

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago

พ้นโทษเพราะแมลงวัน

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
บัวเสวย

บัวเสวย

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

รักษาศีล

พระไภสัชยาคุรุไวฑูรประภาตถาคตเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ฝน

พระพุทธจี้กง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago