mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่11

ธรรมจารย์เทศนา           ของว่างรับรองแขก

อรหันต์บรรยายธรรม     อาหารเจแก้หิว

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2525

กลอนนำเสด็จ

อรหันต์ประทับ              ทรงสั่งสอนมิยอมพัก

พู่กันศักดิ์สิทธิ์นัก           ไขอักษรสอนธรรมะ

เนิ่นนานเก้าปีแล้ว          แพร้วถางทางอริยะ

ยานเมตตาไม่ละ            เพียรขนสัตว์จนร่ำลือ

อรหันต์จี้กง : มือทรงศักดิ์สิทธิ์ทำการโม่ (โม่ในการเข้าทรง จะถือไม้ทรงเขียนลงบนถาดทราย บางช่วงก็จะวน ๆ อยู่บนถาดทรายมีอาการคล้ายโม่ทราย จึงนำคำ โม่ มาเป็นสำนวน) ทรายแห่งแม่น้ำคงคาโม่แต่ละเม็ดจนใสวาววับ แต่ละอักษรมีค่า ผู้คนได้รับผลประโยชน์จากถาดทรายทองนี้ ได้รับอัญมณีอันประมาณค่ามิได้จาก “เที่ยวเมืองสวรรค์ นรก วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” หนังสือทั้งสามเล่ม นับเป็นตัวแทนในการกอบกู้ผู้คน หนังสือได้เผยแผ่ไปทั้งในและนอกประเทศ ทั้งยังมีชาวต่างชาติได้แปลเป็นภาษาต่างประเทศอีก นับว่าแพร่หลายมาก เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง บุญบารมีมหาศาล

หยางเซิง : ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนี้พระคุณ เป็นระยะทางยาวนานเก้าปี ได้รับรสชาติ ทั้งเปรี้ยว หวาน เผ็ด ขม แต่ก็นับว่าได้แก่นสารออกมามาก! เมื่อครู่เห็นอาจารย์ถือไม้ทรงตี ๆ ทุบ ๆ แล้วก็ทำการโม่อีก การกระทำนี้รู้สึกแปลก ๆ ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์กำลังจะทำอะไร?

อรหันต์จี้กง : เออ เอ่อ! การกระทำที่แปลกไปเล็กน้อยเจ้าก็ยังสังเกตเห็น สมที่เขาว่า “ผู้ปฏิบัติธรรม มักเห็นธรรมก่อน” วันหลังคงต้องระมัดระวังหน่อย เมื่อครู่นี้ใช้ไม้ทรงโม่ทราย ข้าฯ ก็เปรียบไม้เหมือนมีด แล้วก็สับ ๆ คือสับกับผักคิดจะปรุงอาหาร อรหันต์ เพื่อให้ญาติธรรมได้ลองชิมดู

หยางเซิง : ไม้ทรงจะหั่นผักได้อย่างไร?

อรหันต์จี้กง : ศิษย์รัก เจ้าไม่รู้อะไร ข้าฯทรงอยู่ที่นี่ ใช้ทรายต่างข้าวสาร โม่ทรายจนกลายเป็นแป้งโม่ ใช้อักษรต่างกับข้าวมีความหมายทั้งหวาน เผ็ด เปรี้ยว ขม อยู่ภายใน ทำไมจะทำไม่ได้ อย่างข้า ฯ นี้เป็นกุ๊กใหญ่ จะดัดแปลงอะไรได้สารพัด จะปรุงเพิ่มตามชอบ เจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าฯ ก็เหมือนกับผู้ช่วยกุ๊ก เรามาช่วยกันปรุงแต่งด้วยของชั้นเลิศเพื่อให้เขาได้ลองชิมดู เจ้าคงลืมไปแล้วกระมังว่าท่านผู้อ่านหลายคนในขณะทานอาหาร ยังวางหนังสือที่เราแต่งกันไว้ ข้าง ๆ จานข้าวเลย เป็นเพื่อนร่วมรับประทานอาหาร บางคนพอทานเสร็จก็หยิบผลงานของเราขึ้นมาอ่าน อ่านอย่างเอร็ดอร่อย จนยากที่จะลืมเลือน! เจ้าจำนิทานเรื่อง “ยายขายของว่าง” ได้ไหม?

หยางเซิง : เมื่อก่อนนี้รู้สึกจะเคยได้ยิน แต่ลืมหมดแล้ว

อรหันต์จี้กง : เหมาะที่จะเอาขึ้นโต๊ะ เพื่อให้ผู้คนได้เข้าใจถึงจิตคน ที่เรียกว่า “ทานของว่าง” เพื่อให้เข้าถึงรสชาติข้าฯ จะเล่านิทานให้ฟัง

           ในสมัยที่ พระกัมมัฎฐาน เต็กซัว ยังไม่บรรลุธรรมกำลังศึกษาพระสูตรอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงหลักธรรมท่านเป็นที่ยอมรับว่าเป็นพระธรรมาจารย์ชั้นยอดที่สามารถบรรยาย วัชรสูตรได้ดีเยี่ยม ชาวบ้านขนานนามท่านว่า วัชรจิว ท่านร่ำเรียนพุทธธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนสำเร็จอรหัตผล ในสมัยนั้นมหายานฝ่ายใต้กำลังรุ่งเรือง พระเต็กซัวรู้สึกว่า ที่ฮุยเหน็ง(เว่ยหล่าน)สังฆปริณายกองค์ที่หกของจีน กล่าวว่า “จิตคือพุทธะ” เป็นคำกล่าวของมาร รู้สึกไม่พอใจมาก จึงตัดสินใจลงมาทางใต้เพื่อจะโจมตีถึงที่ ทำลายให้สิ้นซาก เพื่อเป็นการทดแทนพุทธคุณ มีอยู่วันหนึ่งขณะเดินถือหนังสือที่คัดลอกพระสูตรผ่านตำบลฮงเอี้ยง มณฑลโอ่วหน้ำ พบกับยายคนหนึ่งขายขนมเปี๊ยะ พระเต็กซัวคิดจะเข้าไปซื้อของว่างรับประทาน คุณยายก็ชี้ที่หนังสือว่าเป็นหนังสืออะไร? พระเต็กซัวตอบว่าเป็นสมุดคัดลอก วัชรสูตร คุณยายพูดว่า “ยายมีคำถามถ้าท่านตอบได้ ก็จะให้ขนมเป็นของว่าง หากตอบไม่ถูกก็จงไปหาที่อื่น ไม่ให้ของว่าง” พระเต็กซัว ตอบว่า “ไม่เป็นไร เชิญถามได้” คุณยายถามว่า “ในวัชรสูตร ที่กล่าวว่า ใจที่ผ่านไปแล้ว รับไม่ได้ ใจปัจจุบันรับไม่ได้ ใจที่ยังมาไม่ถึง ก็รับไม่ได้ ไม่ทราบว่า พระท่านจะเลือกใจอันไหน” พระเต็กซัวรู้สึกมึนงงไม่ตอบ

           กาลต่อมา เขาได้ไปนมัสการพระเล้งถ้ำ จึงได้เข้าใจธรรมของพระสังฆปริณายก จึงเข้าใจถึงจิตแท้ เลยเอาพระสูตรที่คัดลอกไว้ไปเผาไฟ แล้วกล่าวว่า “ค้นหาจนหมดสิ้นดุจเส้นผมในอวกาศ สิ้นสุดแกนแห่งจักรวาล ดุจน้ำหยดลงเหว” ในตอนที่พระเต็กซัวยังไม่บรรลุธรรม เขาศึกษาพระสูตรตามความหมายของอักษรก็เหมือนเมล็ดถั่วเมล็ดหนึ่งในทะเลไม่ว่าจะอธิบายหลักธรรมได้แยบคายอย่างไรก็ไร้ค่า สู้ใฝ่หาจิตเดิมเองไม่ได้ ชี้ที่จิตตนเอง ซึ่งจะมีโอกาสบรรลุธรรมสักวันหนึ่ง

           ผู้คนอยากทาน “ของว่าง” หรือ “ทานรองท้อง” กันนะ? คนที่ไม่มีจิตว่างทานของว่างเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม ผู้คนก็ชอบพูดว่าทาน “ของว่าง” ที่จริง “ทานรองท้อง” เท่านั้น คือทานแล้วก็จะหิวอีก ซึ่งไม่ใช่หลักธรรม

           การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน จำต้องไปให้ถึงแดนนิพพานจึงจะสามารถพ้นจากการเกิดการตาย มิฉะนั้น ก็ได้แต่เพียงอบอุ่นกาย ทำเพื่อสังขารที่เหม็นเน่านี้เท่านั้น ไม่มีคุณค่าเลย ดังนั้น อาตมา มาวันนี้ เพื่อทำอาหารเจเป็นของว่างเป็นของแท้ราคาแสนต่ำ ฮาฮ้า! ลูกชิ้นเนื้อลูกละ 5 บาท ไล่สุนัขให้ไปกินกินแล้วไม่ยอมกลับ ลูกชิ้นผัก ลูกละ 1 บาท ไล่สุนัขไปกินมันก็ไม่ยอมกิน ราคากันเอง

หยางเซิง : ทำไมลูกชิ้นผัก ไล่สุนัข สุนัขไม่กินละ?

อรหันต์จี้กง : ก็ลูกชิ้นผัก ไม่มีกลิ่นเนื้อ สุนัขเนื้อไม่สามารถได้กลิ่นเหม็น ดังนั้น ข้าฯ โยนลูกชิ้นผักให้มัน มันก็ไม่กระดิกตัวเลย

หยางเซิง : ถ้าเช่นนั้นสุนัขตัวนี้มันก็ไม่มี “รากกุศล” ใช่ไหม? ถ้าไม่เช่นนั้น มันทำไมไม่กินลูกชิ้นผัก ล่ะ?

อรหันต์จี้กง : ผู้คนหลงใหล เวลาไหว้พระ ไหว้เจ้า ก็คิดอ้อนวอนขอมีโชคลาภ อายุมั่นขวัญยืน ขอให้มีอำนาจวาสนาพวกที่เรียนธรรมะก็คิดอยากจะได้อภิญญา หรือใคบอกว่าให้เห็นเทพยดา หรือพระพุทธเจ้าบ้างล่ะ! หรือบอกว่า ได้ยินพระพุทธเจ้าพูดกับเขาบ้าง หรือคนๆนี้มีไอธาตุฝ่ามือบ้างเพราะข่าวทำนองนี้ จึงทึกทักเอาว่า คนๆนี้สำเร็จเป็นอรหันต์บ้าง เป็นเทพเจ้าบ้าง เลยพากันกราบไหว้กราบกรานยกย่องให้เป็นอาจารย์ ยอมถวายตนรับใช้ แล้วแต่ท่านจะสั่งอย่างนี้เรียกว่าบรรลุธรรมแล้ว หารู้ไม่ว่า ล้วนแล้วแต่ ทาน “ลูกชิ้นเนื้อ” ทั้งนั้น!

           อาตมา ขายลูกชิ้นผัก ในวันนี้ ก็เพื่อกวาดล้างสภาพเหล่านี้ เห็นใครมีอภิญญา เจ้าก็ลองไปดูเขาสักหน่อย ดูซิว่าพระองค์นี้พูดจาคุยโวหรือเปล่า ใช้หลักธรรมในการพูดคุยกับคนอื่นหรือเปล่า หรือเอาแต่เที่ยวนินทาว่าแต่ความไม่ดีของผู้อื่น ยกย่องตนเองว่าทำถูกต้อง ก็ควรถามไถ่ต่อไปว่าเขาปฏิบัติธรรมแบบไหน? ถ้หากพูดว่าปฏิบัติธรรมแล้วสามารถพบเทวดา พระพุทธเจ้าได้ มีอภิญญาติดต่อเทพพุทธถ้าเป็นอย่างนั้น พวกนี้กับทานลูกชิ้นเนื้อ ไม่มีทางจะเข้าถึงจิตแท้ แบบนี้เรียกว่า พบพุทธแต่ภายนอก พบธรรมแต่ภายนอก ล้วนแต่พวกขอให้ได้ อิ่มท้อง ไม่ใช่ “ของว่าง” บรรลุธรรม ก็เหมือนกับ วัชรจิวที่ยังไม่บรรลุธรรม ยิ่งไม่สามารถสอนคนให้พ้นการเกิดการตาย นับว่าติดยึดในรูปแห่งการปฏิบัติธรรม พบแต่พุทธรูปปูนนั้น ไม่สามารถพบจิตแท้!

หยางเซิง : แล้วอะไรที่เรียกว่า ลูกชิ้นผัก ล่ะ?

อรหันต์จี้กง : ลูกชิ้นผัก ไม่คอยมีรสชาติ คนก็ไม่คิดจะทานไม่เหมือนลูกชิ้นเนื้อใส่น้ำมันร้อนๆ กลิ่นหอมเนื้อก็ฉุยฟุ้งดึงดูดผู้คนได้ง่าย ดังนั้น ในแหล่งที่มีอภินิหาร คนดูก็จะมากอย่างตลาดโต้รุ่ง พอเสียงตีฆ้องดังขึ้น อาจารย์องค์นี้ก็มาบอกขายยา อวดสรรพคุณว่ารักษาได้สารพัดโรค ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซื้อขวดหนึ่งยังได้รับของแถมของแจก คนดีก็หลงดีใจ ควักเงินออกจากกระเป๋า ซื้อหนึ่งขวด ได้ของแถมมากมาย มีความยินดีอยู่ในใจ แล้วคิดว่า “ข้าคงหายแน่” พวกที่ปวดหัว ใจก็คิดว่า หัวคงหายปวด พวกที่ปวดท้องก็คิดว่า โรคคงหาย พวกเป็นโรคไตก็คิดว่า ไตคงหายแน่ พวกปวดขา คิดว่าคงสบายละคราวนี้ เจ้าอาจารย์องค์นั้นก็ชอบอกชอบใจ ยาขวดนี้มีสรรพคุณอย่างว่าหรือไม่? ฮาฮ้า! พวกที่โรคจวนจะหายอยู่แล้ว พอกินเข้าไป ก็คิดว่า สรรพคุณของยาดีจริง เลยเห็นว่าเป็น หมอทิพย์ พวกที่กินยาแล้วไม่หายพระองค์นี้ก็จะพูดว่า “ร่างกายไม่ถูกกับยา” มิใช่ยาไม่ดีโทษไม่ได้”

           พวกที่โฆษณาชวนเชื่อนี้ ก็มีแต่พวกที่โง่เง่า ที่เชื่อถืออาตมา รู้สึกสงสารพวกหลงไหลเหล่านี้ การปฏิบัติต้องสามารถได้พบกับธรรมาจารย์ ที่สามารถชี้แนะการเกิดการตายของพวกเรา เขาต้องชี้ให้เห็นถึงหน้าตากที่แท้จริงสั่งสอนให้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ให้ผู้คนได้รู้จักสำรวจตรวจตราการกระทำของตนเอง อันเป็นหลักแห่งการปฏิบัติธรรม ค่อยๆ ไถหว่านพื้นจิตตน ให้สภาพของจิตดีขึ้นทุกๆวัน การปฏิบัติเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าหรือมีอภินิหาร แต่บนพื้นจิตตนนี้ก็จะมีความสงบ สภาพจิตสบาย

           หันกลับมาดูที่เล้าหมู เล้าไก่ ถึงแม้จะกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา แต่ทว่าวิญญาณจำนวนมากถูกขังไว้ในที่คับแคบเพื่อเป็นการเพิ่มน้ำหนัก อันเป็นแหล่งทำลูกชิ้นเนื้อ วันนี้อาตมาใช้หัวข้อนี้เป็นธรรมบรรยาย เพื่อชาวโลกได้เข้าใจว่าจะทาน ลูกชิ้นเนื้อ หรือลูกชิ้นผัก กันแน่?

หยางเซิง : ได้ฟังอาจารย์บรรยายมาเช่นนี้ ทำให้คิดได้ฉับพลันว่า การปฏิบัติธรรมเป็นการทำให้ สภาพจิตสุขสบาย มิใช่จะให้มีความแปลกพิสดาร ให้ค้นหาหลักธรรมอันแท้จริงตนเองก็จะเป็นดั่งเทพพุทธ ทำไมต้องเสาะแสวงหาจากภายนอก เมื่อพุทธจิตยังไม่เปิดเผย ไฉนเลยจะประภัสสรด้วยเหตุนี้ ต้องหมั่นฝึกฝนจนเห็นพุทธจิตตน จึงจะเป็นพุทธะ องค์หนึ่งที่สุขสบาย ศิษย์ขอซื้อ ลูกชิ้นผัก จากอาจารย์สักหลายลูก เพื่อให้เป็น “ของว่าง” ได้ไหม?

อรหันต์จี้กง : ลูกชิ้นผักไร้รสเนื้อ มีผักเป็นไส้ ห่อด้วยเปลือกแป้ง เป็นลูกกลมๆ นึ่งสุกแล้วรสชาติก็ยังเจอยู่ ไม่มีกลิ่นคาว ไม่มีเลือดเนื้อ ทานก็อิ่ม สบายใจ ผู้ที่หิว คิดจะทาน “ของว่าง” ลูกชิ้นผักของอาตมามีวางขายอยู่ที่ทางแยกผู้ที่อุดหนุน ก็จะแนะให้ รับรองว่าจะพอใจยิ่ง ทานอาหาร “อวกาศ” (ลูกชิ้นจี้กง) รับรองว่าตลอดชีวิตจะไม่หิว แถมยังได้พ้นการเกิดตาย ไม่ต้องวนเวียนเกิดอีก ทำไมไม่มาลองชิมดู!

หยางเซิง : เอ้ อาจารย์จะขายลูกชิ้น หรือจะโฆษณาคุยโวกันแน่

อรหันต์จี้กง :  ข้าฯ ไม่ได้โฆษณาโอ้อวด ลูกชิ้นข้าฯ มีคุณค่าทางโภชนาการ เออ เอ่อ! เราศิษย์อาจารย์ คุยกันมาตั้งนานเสียเวลาไปเยอะแยะ เก็บแผงแล้วไปดูตามร้านอาหารเจกันดีกว่า

หยางเซิง :  ดีขอรับ! กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางเถอะ.....

อรหันต์จี้กง : เจ้าหยางลงจากบัวอาสน์เถอะ!

หยางเซิง : ร้านอาหารร้านนี้อยู่ใจช่วงพักผ่อน หากเราจะมาทานอาหารคงต้องหิวแย่เลย

อรหันต์จี้กง : ไม่ได้เรียกเจ้ามาทานของว่าง มาที่นี่เพียงต้องการบอกเจ้าว่า ความเป็นมาของร้านอาหารเจร้านนี้เดิมทีเดียว เจ้าของร้านเขาขายเนื้อสุนัขมาก่อน ต่อมาเขาได้ฟังการบรรยายธรรมจากอาจารย์ ได้ผ่านการชะล้างจากศาสนธรรม และเได้อ่านหนังสือธรรมะจนบบลุหลักธรรมจึงรู้ว่าการขายเนื้อสัตว์ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอาชีพที่กอปรไปด้วยความเมตตา ยังเป็นบาปอีกด้วยจึงได้เลิกลาเปลี่ยนมาเป็นขายอาหารมังสวิรัติ เข้าทำนอง โจรวางดาบลงถึงแม้ว่า การค้าในระยะเริ่มแรกอาจไม่ดีนัก นับว่าเป็นสัมมาอาชีวะ เป็นอาชีพกุศล ซึ่งเผยให้เห็นแสงแห่งเมตตาธรรม

หยางเซิง : อันนี้นับว่าหาได้ยากนะขอรับ!

อรหันต์จี้กง : เราเปลี่ยนไปร้านอาหารมังสวิรัติอีกร้านหนึ่งในเมืองไถ่ตงกันเถอะ รีบขึ้นบัวอาสน์.....ถึงแล้ว

หยางเซิง : ร้านอาหารเจนี้ กระผมมาอุดหนุนเป็นประจำตอนนี้เลยเวลาอาหาร คนเบาบางลง

อรหันต์จี้กง : เธอดูว่า ที่นี่มีอะไรต่างกันออกไป?

หยางเซิง : ได้กลิ่นดอกไม้จันทน์ บนฝาผนังก็มีคำกลอน คำขวัญ ให้การปลอบเตือนให้ละบาปกระทำความดี รู้สึกตัวอักษรโดดเด่นเปล่งรัศมีสีทอง ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไร?

อรหันต์จี้กง : อักษรคำขวัญ ปลอบเตือน เป็นคำดีมีไอแห่งกุศลแขกที่มารับประทานอาหาร สายตาจะเพ่งมองที่ฝาผนังด้วยความสำรวม และมักจะท่องจำไว้ในใจ ประดุจตาทิพย์ได้ฝังอยู่ที่นี่ จึงแผ่รังสีธรรมออกมา เจ้าจงดูที่โต๊ะเคาน์เตอร์ยังมีพวกนิตยสารและหนังสือธรรมะวางอยู่ มีแสงแวววาว!

หยางเซิง : เห็นแล้ว! หนังสือธรรม เหล่านั้นก็มีรัศมีเปล่งปลั่งแต่บางเล่มก็มีแสงเพียงเล็กน้อย ทำไมเป็นเช่นนั้น?

อรหันต์จี้กง : แต่ละสำนักธรรมส่งหนังสือธรรมะมาที่นี่ แต่ก็มีรัศมีต่างกัน สาเหตุเพราะ

           1.ผู้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ ได้อุทิศเพื่อส่วนรวมหรือไม่ อัธยาศัยเคร่งครัดระมัดระวังตนหรือไม่

           2.เนื้อหาสาระของธรรมะมีแก่นสารหรือไม่ หรือใส่ความคิดเห็นของตนเอง หรือมีหลักธรรมเพี้ยนปะปนอยู่

           3. อุดมด้วยเนื้อหาสาระหรือไม่ หรือฟุ้งเฟ้อจนเกินเลยหรือลวก ๆ ไม่ประณีต

ทั้งสามอย่างคือสาเหตุที่บ่งยอกถึงคุณค่าของหนังสือ หนังสือยิ่งมีคุณค่ายิ่งมีความสง่าสดใส ดังนั้น ผู้มีจิตศรัทธาจะพิมพ์หนังสือควรที่จะเลือกเฟ้น หนังสือที่ดีต้องมีสัจธรรมแสดงอย่างสมบูรณ์ ชักจูงคนให้มีความศรัทธา มีสัมมาทิฐิ

หยางเซิง : อาจารย์กล่าวอย่างมีเหตุผล อันนี้เป็นเนื้อหาภายในมิใช่เนื้อหาภายนอก

อรหันต์จี้กง : เราเปลี่ยนร้านอาหารกันเถอะ.....ถึงแล้วร้านนี้อยู่ในซอย เจ้าหยางเคยมาแล้วหรือยัง

หยางเซิง : เคยแล้วขอรับ ร้านนี้การค้าไม่เลว

อรหันต์จี้กง : มีลูกค้ามาจากที่อื่นมา ตอนนี้กำลังมีลูกค้าอยู่มาก

หยางเซิง : ที่ชั้นข้างฝาก็มีหนังสือธรรมะอยู่เต็มไปหมด บางเล่มก็ส่องแสงแวววาว บางเล่มรัศมีเบาบาง ทำไมจึงเป็นเช่นนี้

อรหันต์จี้กง : เพราะหนังสือบางเล่มแจกฟรี บางเล่มก็ขาย เล่มแจกฟรีรัศมีก็แวววาวกว่าเล่มที่ขาย เพราะความคิดเพื่อขาย แม้จะเป็นหนังสือธรรมะแต่ภายในยังมี “รายได้”แอบแฝงอยู่ ถึงแม้การพิมพ์หนังสือต้องใช้จ่าย หากเพื่อการกำไร นำมาขาย ถึงจะไมีมีความผิด พูดแล้วก็ยังมีบุญกุศลอยู่บ้าง หากหนังสือนั้นเอากำไรเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ขายจำนวนมาก ๆ หากบวกกำไรไว้บ้าง ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมต้องจ่ายเงินมาก กลายเป็นธุรกิจการค้าไปก็ไม่ดี ตอนนี้ทางโรงพิมพ์ มักจะพิมพ์หนังสือธรรมะออกขาย ซึ่งก็เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้อยากได้ ควรจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของหนังสือเสียก่อน นอกจากนั้นก็ควรพิสูจน์อักษรให้ถูกต้องด้วย หากพิมพ์ไม่ถูกต้องหรือแก้ไขข้อความภายใน เพื่อว่าให้เป็นหนังสือของตนเองซึ่งจะกลายเป็นผู้ไม่มี “คุณธรรม” อาตมาขออาศัยโอกาสนี้ กล่าวตักเตือนทุกท่านให้โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษ

หยางเซิง : เราไปทางโน้นกันเถอะ?

อรหันต์จี้กง :  ตอนนี้เรามาที่แผขายของมังสวิรัติที่ตลาดโต้รุ่งกัน......!

หยางเซิง : ถนนย่านนี้กลายเป็นตลาดโต้รุ่ง ไฟฟ้าสว่างไสวร้านขายมังสวิรัติก็ดูไม่เลว

อรหันต็จี้กง : ถนนย่านนี้กลายเป็นมังสวิรัติ ได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคไม่น้อย นับว่ามีบุญกุศล เดี๋ยวนี้ร้านอาหารเจมีผุดขึ้นมากเหมือนหน่อไม้หลังฝน เป็นการยืนยันว่าผู้ทานเจมีมากเพิ่มขึ้นทุกวัน อาตมาก็หวังจะให้ร้านอาหารเหล่านี้โปรดเอาใจใส่ดังต่อไปนี้

           1. ต้องล้างผักให้สะอาด  เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสดของผัก เพื่อเพิ่มพูนพลานามัย เป็นการหล่อเลี้ยงรากธรรมให้ยืนยาว

           2. ราคาควรต่ำสุด เป็นการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อให้ผู้บริโภคได้มีความสะดวกสบาย ราคาประหยัดทั้งเป็นการชักจูงผู้บริโภคทั่วไป ได้เข้ามารับบริการด้วยเพราะฉะนั้น ร้านอาหารต้องสะอาด ราคามวลชน ให้ผู้บริโภคแข็งแรง เป็นการประหยัดเงิน เท่ากับได้ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรมหากทำได้เช่นนี้ ก็เปรียบดุจครัวสวรรค์ เป็นการรวบรวมผู้ปฏิบัติธรรมให้มาสู่แหล่งเดียวกัน รับประทานด้วยกัน เป็นการสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติธรรมจะออกไปหารับประทานภายนอก นับว่าเป็นการสร้างบุญกุศลมหาศาล

           อาตมาได้นำหยางเซิงไปแวะตามร้านอาหารต่างๆ โดยไม่ออกนามร้านอาหาร ไม่เป็นการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการโฆษณาร้านอาหาร 

           พูดในจุดที่ดีก็ไม่ต้องดีใจ พูดในสิ่งที่ไม่ดีก็อย่าโกรธสักวันหนึ่งคงได้เลี้ยงอาตมาสักมื้อหนึ่งก็แล้วกัน!

           สุดท้าย ขออวยพรให้ร้านอาหารเหล่านั้น ทำมาค้าขึ้นเงินบริสุทธิ์ไหลเข้าร้าน ฮาฮ้า! ขอจบเพียงเท่านี้ หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนัก

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง

0
112

ครั้งที่ 17 ท่องแดนเหล็กขูดหน้านรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago
ซุปแห้ว

ซุปแห้ว

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ประจักษ์ แจ้งองค์จิตสะอาด

พระเจ้าอ๊วงเทียน

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ตัวอย่างหลายคดีจากศาลนรก

1654918052.jpg
mindcyber
9 months ago

วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่3

นกแก้วพูดได้เพราะปากคอเราะราน นกห่านป่านกนางแอ่นสนทนาล้ำลึกถึงจิตคน

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago