mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่สิบแปด

ห้องพระในบ้าน             กราบไหว้พระรัตนตรัย

จิตตนศักดิ์สิทธิ์             หลุดพ้นมหาภูต

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2526

กลอนนำเสด็จ

จอกแหนลอยกระเพื่อม               เคลื่อนไหลตามคลื่นลม

ดุจปฏิบัติธรรมล้ม                      ไร้รากยึดจิตรวนเร

จะเกิดจะตายปล่อย                    ล่องลอยไปใจหักเห

สุดแต่ลมพัดเพ                          ปลิวว่อนชีวิตสูญเปล่า

อรหันต์จี้กง : ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีความยึดมั่น หากขาดความยึดมั่น ก็เปรียบประดุจจอกแหนที่ลอยไปตามลมพลิ้ว เมื่อตายลงแล้วก็ไปเกิดในที่ใหม่โดยไร้จุดหมายที่จะไป คนสมัยนี้กำลังหาที่สงบจิตเพื่อปฏิบัติธรรม ก็เหมือนผู้ขาดปัญญาขาดพลังสติ ซึ่งสาเหตุเกิดจากไม่มีพื้นฐานแข็งแรง (รากไม่ลึก)เวลานี้พอได้ยินข่าวว่าที่ไหน มีอาจารย์ที่มีของดี หรืออิทธิฤทธิ์ผู้คนก็พากันหลั่งไหลไปถามหา เปรียบประดุจเด็กน้อยที่ไม่รู้เดียงสา พอได้ยินที่ไหนมีเสียงกลองดังก็จะแห่กันไปดู

     มหาสัทธรรมเป็นธรรมะธรรมดา ไม่มีความแปลกพิสดาร ดังนั้นจึงสามารถยืนยงมาตลอดเวลาอันยาวนานอะไรก็ตามถ้ามีรูปลักษณ์และความพิสดาร ก็เหมือนการเร่ขายยาในตลาดโต้รุ่ง พวกร่อนเร่ ก็มักคุยโวโอ้อวดถึงสรรพคุณเลิศเลอ รักษาได้สารพัดโรค ในทางกลับกันบรรดานายแพทย์กลับไม่กล้ารับรองการรักษาทุกโรค ผิดกับพวกร่อนเร่กลับสามารถให้หลักประกัน ผู้ที่มีปัญญาก็สามารถดูออกถึงความจริงปลอมได้ หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นบนบัวอาสน์

หยางเซิง : ขอรับกระผม! กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วขอรับคืนนี้จะไปไหนดี

อรหันต์จี้กง : ตามข้า ฯ มาเถอะ..........

หยางเซิง : อาจารย์พาผมมาที่นี่เป็นที่ไหน แต่รู้สึกว่าไอธรรมแห่งบ้านนี้รุ่งโรจน์ พุทธรังสีสาดส่อง ยังมีห้องพระด้วยเจ้าของกำลังอ่านหนังสือธรรมะอยู่บนเก้าอี้ เขากำลังดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ยังไม่รู้ว่าเรามาถึงตัวเขาแล้ว

อรหันต์จี้กง : หยางเซิงยังเห็นอะไรอีกบ้างไหม?

หยางเซิง : เห็นห้องพระสะอาดหมดจด หนังสือธรรมะจัดวางอย่างมีระเบียบ มองดูแล้วสบายตา

อรหันต์จี้กง : อย่างนี้นับว่ามี มารยาท

หยางเซิง : หมายความว่าอย่างไร

อรหันต์จี้กง : หนังสือ ธรรมะ เป็นคำสอนของเทพ พุทธ มีชื่อของเทพ พุทธ อันศักดิ์สิทธิ์พิมพ์อยู่ ผู้อ่านหนังสือก็ท่าทางสง่าผ่าเผย ดุจอยู่หน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า หนังสือไม่วางระเกะระกะ ห้องพระสะอาดสะอ้าน อันเป็นการบ้านของผู้ปฏิบัติธรรม เดี๋ยวให้อาจารย์เสกเขาหน่อย

หยางเซิง : พออาจารย์เอาพัดเคาะบนศีรษะเขาเพียงเบา ๆ ฉับพลันเขาก็รู้สึกตัวขึ้น ธรรมกายค่อย ๆ สว่างขึ้น

อรหันต์จี้กง : ตอนนี้ปรากฎกายนอกกาย (กายที่สอง ) ซึ่งสามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้แล้ว เราจะถือโอกาสสัมภาษณ์เขาตอนนี้

หยางเซิง : ขอรับ คำนับผู้อาวุโส ดูเหมือนท่านปฏิบัติธรรมได้ดีทีเดียว

นักธรรมลิ้ม : มิได้ครับ! ท่านผู้มาเยือนทั้งสองท่านรู้สึกไม่คุ้นหน้า มิทราบว่าท่านผู้ใหญ่เป็นใคร?

อรหันต์จี้กง : ศิษย์โง่เอย ไม่รู้จักหรือ อาจารย์จี้กงไงละ

นักธรรมลิ้ม : ที่แท้เป็นท่านอาจารย์ ศิษย์ขอคารวะ โปรดอภัยโทษที่ล่วงเกิน เท่าที่เห็นรูปท่าน ท่านมีหมวกสวมด้วย แต่วันนี้ท่านมิได้สวมหมวก จึงทำให้จำไม่ได้ แล้วท่านผู้ยังหนุ่มแน่นนี้เป็นใคร?

อรหันต์จี้กง : เขาก็เป็นศิษย์ของข้าฯ เช่นกัน เป็นมิทรงศักดิ์สิทธิ์ติดตามข้าฯ ไปแต่งหนังสือ “เที่ยวนรก – เที่ยวสวรรค์” เจ้าจำไม่ได้หรือ

นักธรรมลิ้ม : อ๋อ! ที่แท้ก็คือ ท่านมือทรงศักดิ์สิทธิ์นี่เอง หนังสือที่ท่านแต่งผมมักได้อ่านเสมอแต่ยังมิเคยเห็นหน้า ดังนั้นจึงไม่รู้จัก โปรดอภัยด้วย

หยางเซิง : มิได้ ผู้คนภายนอกมากมาย มิอาจจำได้หมดผู้ปฏิบัติธรรมหากสามารถจำตนเองได้ ผมคิดว่าจะมีประโยชน์มาก

นักธรรมลิ้ม : เออ เอ่อ! ท่านหยางพูดถูกต้อง พึ่งเขามิสู้พึ่งตนเอง หากจำตนเองได้ จึงจะเป็นผู้รู้ใจตนเอง ผู้คนมากมายที่รู้จึกผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากมาย แต่สำหรับตนเองเป็นใครกลับไม่รู้จัก บางครั้งก็ยังฝ้าฟาง ญาติโยมภายในบ้านยังเห็นเป็นคนแปลกหน้า ตรงกันข้ามที่เพื่อนฝูงนอกบ้านทำราวกับเป็นพี่เป็นน้อง สนิทสนมกันเหลือเกิน แบบนี้เป็นผู้ลืมตน ซึ่งน่าละอายแท้ๆ

อรหันต์จี้กง : คุณลิ้มพูดถูกทีเดียว โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรมเที่ยวเสาะแสวงหาพระนอกบ้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่เคยล่วงรู้เลยว่า พระของตนอยู่ที่บ้าน ควรจะกลับไปกราบไหว้ละทิ้งตนเพื่อตามหาคนนอกบ้าน คงไม่มีทางกลับบ้านได้ วันนี้ ข้าฯพาหยางเซิงมาบ้านของท่านมีจุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าคุณลิ้มรู้เรื่องไหม

นักธรรมลิ้ม : ศิษย์ไม่รู้ครับ

อรหันต์จี้กง : ไม่มีเรื่องก็ไม่เข้าหาพระรัตนตรัย วันนี้พาหยางเซิงมาชมพระรัตนตรัยของท่าน เห็นห้องพระของท่านสะอาดสะอ้านปราศจากฝุ่น หนังสือธรรมะวางเรียงมีระเบียบอากัปกิริยาขณะอ่านหนังสือเหมือนอยู่ต่อหน้าพระ อันนี้นับว่ารู้จักสำรวมมีมารยาทสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม สมกับคำที่ว่า “สิ่งไร้มารยาทไม่ทำ” กิริยาของท่านมีมารยาทนับว่าได้สร้างบุญกุศลไว้ไม่น้อย เพราะการมีมารยาทเป็นการฝึกอบรมอย่างหนึ่งบุคคลธรรมดาจะแข็งกระด้างขาดสัมมาคารวะ ดังนั้นผู้ปฏิบัติพึงสังวรณ์ไว้อย่ามองข้าม

หยางเซิง : เมื่อครู่เห็นอาจารย์ พูดว่า ห้องพระ คือพระรัตนตรัย มิทราบว่าหมายความว่าอะไร

อรหันต์จี้กง : คนปุถุชน “ไม่มีเรื่องไม่เข้าหาพระรัตนตรัย พระรัตนตรัย ก็คือ พระพุทธ มีบุญสัมพันธ์ก็เข้าถึงพระพุทธเวลามีเรื่องก็สามารถขจัดปัดเป่าจนหมดเรื่อง ด้วยเหตุนี้คนบางคนเมื่อมีเรื่องทุกข์ร้อน หรือเรื่องที่แก้ไม่ตก ก็มักจะขอให้พระพุทธเจ้าทรงช่วยเหลือ พระรัตนตรัย ก็คือ พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์” เวลามีเรื่องก็ขอให้ช่วยเหลือ ก็สามารถขจัดปัดเป่าไปได้บ้าง

หยางเซิง : อย่างนี้เรียกว่าเสาะหาพระนอกบ้าน แล้วภายในตัวเองมีพระรัตนตรัยหรือไม่

อรหันต์จี้กง : มีซิ คติพจน์ว่า

            พุทธอยู่ภูผาจิต ไยต้องคิดเสาะหาไกล

ภูผาจิตก็ใช่   หัวใจเจ้าอยู่กับกาย

ทุกผู้ทุกนามมี  เจดีย์ภูผาจิตฉาย

ควรบำเพ็ญเพียรใต้ ภูผาจิตสุขล้ำเอย

จากคติพจน์อันนี้ ก็จะเห็นว่า ทุกคนมีพระรัตนตรัย พึงแสวงหาจากที่นี่ ก็จะแก้ไขทุกสิ่งได้ หากสำเร็จ นั่นคือ พุทธธรรม

      (1) ภูผาจิต  ก็คือ พื้นจิตตน ขงจื้อหมายถึง “พื้นกุศล” ทางเต๋า หมายถึง “ด่านลี้ลับ” ด่านนี้ที่ใจ อยู่ที่ “ธรรมจิต” หากได้รับการชี้แนะจากธรรมาจารย์ แล้วก็จะเข้าใจโดยพลัน ดังนั้นจึงสามารถแสวงหาพุทธจากกายตน  แก้วดวงที่หนึ่ง

      (2) จิตประทับ    มนุษย์หากสามารถรวมเป็นหนึ่งกับพุทธะ ก็จะสำเร็จเป็นพุทธะ คือจิตกับพุทธะ (เหมือนกัน) ใจไม่ห่างจาก    ไร้เดียงสา (จิตที่บริสุทธิ์ของพุทธ เหมือน เด็กไร้เดียงสา) ก็จะได้รับ จิตประทับจากพุทธะ ดังนั้นจึงสามารถแสวงหาพระธรรม จากกายตน   แก้วดวงที่สอง

      (3) พระสูตรแท้   พระสูตรคือทางที่ตรงไปยังพุทธะ ปากภาวนาพระนามพุทธเจ้า จิตก็จับพุทธจิตเป็นแบบของ ลัทธิเซน หรือ ปฐพีวิสุทธิ์ต้องสนใจที่นี่ มิใช่พระสงฆ์ที่หาเงิน ทุก ๆ คนในบ้านก็ภาวนาได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก อย่างเจ้าภาวนาองค์พุทธะที่ล่วงไปแล้ว ข้าฯ ภาวนาองค์พุทธะอนาคตกาล การมาของพระศรีอาริยเมตไตรย ภาวนาให้พระองค์มาเร็วขึ้นมาเปิดงานมหามงคลอันสงบ ทุกๆ คน เป็นพุทธะ ดังนั้น จึงสามารถแสวงหาพระสงฆ์จากกายตน    แก้วดวงที่สาม

     ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็คือ พระรัตนตรัยในกายตน ยามปกติก็ให้จุดธูปไหว้พระ เวลามีเรื่องสามารถขอให้ช่วยได้เมื่อพบเคราะห์ก็จะกลับกลายเป็นดีที่พูดว่า “เข้าได้ถึงพระรัตนตรัย บ่ายก็ละขันธ์ห้าได้” ดังนั้น ถ้าเช้าได้ฝึกฝนธรรมพอบ่ายได้บำเพ็ญเพียร ก็สามารถจะละจากสามโลกได้พ้นจากมหาภูต ไม่ต้องเวียนว่ายนิรันดร์กาล เอาละ เราเตรียมตัวกลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง : ท่านลิ้มกับผมกำลังฟังอย่างออกรส อาจารย์ก็เอาพัดเคาะที่ศีรษะท่านลิ้มแปะหนึ่ง ร่างที่สองของเขาก็ค่อย ๆ รวมตัวกับกายเนื้อ ความรู้สึกตัวค่อย ๆ กลับเข้าที่เราเตรียมตัวกลับสำนัก

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง

หนี้กรรมสามชาติ

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

กรรมของคนใจบาป

ที่เมืองไถหนาน นาย ก. แต่งงานกับนางเฉินมา 20 ปี มีบุตรชายหญิงด้วยกันสามีภรรยามักจะทะเลาะตบ...

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

นกมาร่วมงานศพ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
เกิดเป็นลูกคน ต้องมีความกตัญญูอยู่ประจำใจ

เกิดเป็นลูกคน ต้องมีความกตัญญูอยู่ประจำใจ

1654918052.jpg
mindcyber
7 months ago

สละตนช่วยคนเรือล่ม

1654918052.jpg
mindcyber
8 months ago