ปลาว่ายทวนน้ำ ฝึกฝนทวนกระแส
ลองดื่มน้ำขม หมดขมขื่นก็หมดเคราะห์ร้าย
อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2526
กลอนนำเสด็จ
จะถือศีลกินเจ ชีวิตเหเหตุปางก่อน
เดินทวนกระแสร้อน จิตบ่หวั่นฝึกฝนตน
จุดหมายแดนนิพพาน ใจห้าวหาญกัดฟันทน
จักสำเร็จมรรคผล จำฝ่าพายุคลื่นลม
อรหันต์จี้กง : ชีวิตมนุษย์แม้จะมีช่วงเวลาแห่งความสบายอกสบายใจ แต่ก็เจือปนไปด้วยรสแห่งความขมขื่น เผ็ดเปรี้ยวมาแล้ว มีบางคนว่า “ทุกบ้านมีหนังสือสวดมนต์บ่นทุกข์” คนรวยก็มีทุกข์เหมือนกัน อย่างคนที่รวยมหาศาล เรื่องกินอยู่หลับนอนไม่สนใจ ซึ่งทำให้ผู้เป็นแม่ทุกข์ยิ่งหนัก ส่วนคนจนก็เหนื่อยยากกับการทำมาหากิน สุขภาพของครอบครัวก็ไม่ดี ค่ายาจ่ายมากกว่าค่าอาหาร พวกเขาก็ทุกข์ระทมเช่นกัน บางคนมีใจอยากจะปฏิบัติธรรมก็ถูกผู้คนเย้ยหยันบ้าง หรือมีโรครุมเร้าบ้าง หรือฐานะการเงินไม่อำนวยบ้างซึ่งทำให้การปฏิบัติธรรมถูกขัดขวาง เหมือนใจพร้อมแต่กำลังไม่พอ ซึ่งที่กล่าวมานี้เกิดจาก “ผลกรรม” ธุรกิจการงานการศึกษา การเจ็บป่วย การปฏิบัติธรรมล้วนมีอุปสรรค คอยขัดขวางทำลายน้ำใจคน ขัดความผาสุกของคน ชาวโลกพบกับอุปสรรคเหล่านี้ ก็อย่าได้เกิดความเจ็บแค้น ควรสงบจิตสงบอารมณ์ พินิจพิจารณาถึงสาเหตุ ความสำนึกผิด โดยไม่บ่นกัดฟันต่อสู้จนกว่าจะพ้นความทุกข์ยาก ขจัดปัดเป่าเคราะห์ให้สิ้นไป จนกว่าจะพบกับความเจริญมีชัย วันนี้ข้าฯ จะพาหยางเซิงไปสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบเคราะห์กรรม เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าใจ หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นบัวอาสน์
หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว มิทราบว่าคืนนี้อาจารย์จะไปไหน
อรหันต์จี้กง : เยี่ยมผู้คน เขาปรับทุกข์ใจหมองหม่น ครุ่นคิดหนักหากอดทนได้ก็จะถึงเส้นทางใหญ่ ! ไปกันเถอะ
หยางเซิง : เอ๋ะ! วันนี้ทำไมอาจารย์พาผมมาที่ริมแม่น้ำใหญ่นี้ละ
อรหันต์จี้กง : ฮาฮ้า! บนดินมีมนุษย์ บนฟ้ามีเทวดา ในน้ำก็มีปลา พวกเขาล้วนแต่ฝึกฝนเพื่อหาหนทางอยู่รอด ที่พาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้รู้ถึงธรรมข้อหนึ่ง เจ้าดูซิ น้ำในแม่น้ำนี้ใสจนมองเห็น ลองดูว่าเจ้าเห็นอะไรบ้างไหม?
หยางเซิง : ในกลางค่ำคืนอย่างนี้ แสงจันทร์ก็ไม่มี การมองเห็นด้วยสายตามีจำกัด พอมองเห็นปลากำลังว่ายบ้าง แต่ไม่ชัดเจนนัก
อรหันต์จี้กง : เออ เอ่อ! ยังเป้นตาเนื้อ แม้จะมองได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่ก็ไม่เห็นถึงพื้น ข้าฯ จะโยนมุกทิพย์ลงไปเม็ดหนึ่งเจ้าก็จะมองเห็นดีขึ้น
หยางเซิง : ศิษย์ยังมองไม่สู้ชัดเจน ต้องอาศัยพุทธบารมีของอาจารย์ช่วย ท่านอาจารย์พุทธบารมีเหลือล้น พอโยนมุกทิพย์ลงไปเท่านั้น ก็สามารถมองทะลุถึงพื้นแม่น้ำฉับพลัน ปลาใหญ่น้อยว่ายไปมา ซึ่งเป็นภาพที่พบเห็นได้ยาก
อรหันต์จี้กง : ปลาพวกนี้ต่างว่ายทวนกระแสน้ำ เจ้าเข้าใจความหมายอะไรไหม?
หยางเซิง : สายน้ำจ๊อกๆ หากปลาไม่ว่ายทวนกระแสน้ำ ก็ต้องถูกพัดพาไปถึงไหนๆ
อรหันต์จี้กง : ใช่แล้ว! หากพวกลูกปลาไม่ว่ายทวนกระแสก็จะถูกน้ำตีกระจายไป พวกมันว่ายทวนกระแสเพื่อความก้าวหน้า นอกจากนี้ยังทำให้พวกมันมีพละกำลังที่จะดำรงชีวิตให้รอด โดยอาศัยแบบนี้ค่อยๆ เจริญวัย เจ้าจงดูนักว่ายน้ำที่ดีจะเห็นกล้ามเนื้อแข็งแรง หากพวกปลาอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งร่างกายก็จะอ่อนแอ เป็นโรคได้ง่ายการเจริญเติบโตไม่มากในที่สุดก็อยู่ไม่ได้ ลูกปลาที่ว่ายทวนกระแส เช้าเย็นได้โต้กับคลื่นลม เหมือนกับการออกกำลังกายจึงเติบใหญ่ขึ้นได้ คนเราหากอาศัยอยู่ในสังคมเล็ก ๆ ไม่มีการแข่งขัน อารมณ์เฉื่อยชา ทำธุรกิจใหญ่ย่อมไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติธรรม ควรได้ลิ้มรสความทุกข์ยากและมารทดสอบ ได้รับการฝึกฝนหล่อหลอมจนได้รับความสำเร็จเป็นของทิพย์
หยางเซิง : อาจารย์พูดถูก เห็นพวกลูกปลาต่างแก่งแย่งกันว่ายทวนกระแส เป็นเช่นนี้ทุกวันจนกระทั่งเติบใหญ่ หากมนุษย์ประสบแต่ความราบรื่น เหมือนนั่งเรือไร้คลื่น ก็จะอยู่ห่างไกลฝั่งธรรมขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน หากไม่มีลมพัดโต้มาเขาก็ไม่มีโอกาสได้กลับมายังที่นี้อีก
อรหันต์จี้กง : ชาวโลก นั่งเรือตามกระแสไปเกิด หากไม่รู้จักนั่งเรือทวนกระแส ก็ไม่อาจได้กลับคือสู่สวรรค์ บ่อเก๊กแดนนิพพาน เห็นทุกอย่างในน้ำแล้ว พวกเราไปยังที่หมายอื่นต่อไป
หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว........
อรหันต์จี้กง : วันนี้พาหยางเซิงมาเยี่ยมชาวบ้านแห่งหนึ่ง
หยางเซิง : อาจารย์พาผมมาที่นี่ ที่ไหนกัน
อรหันต์จี้กง : ที่นี่เป็นเมืองไถ่เปย ในเขตชุมชน เป็นบ้านผู้ปฏิบัติธรรม แซ่อึ้ง
หยางเซิง : อ๋อ เป็นเมืองไถ่เปย ไฟฟ้าสว่างไสว เห็นผู้คนภายในบ้านมีไอธรรมครอบคลุม แต่ทำไมจึงมีชั้นหมอกคล้ำคลุมอยู่บนใบหน้าของแต่ละคน มองดูเหมือนมีแววแห่งความทุกข์แฝงอยู่ ที่จริงเป็นเพราะเหตุใด?
อรหันต์จี้กง : ที่นี่เป็นจุดหมายที่เราจะมา แต่เราจะไม่รบกวนพวกเขา เพื่อจะชี้แนะถึงมติสวรรค์บางอย่าง ให้ผู้คนได้รับรู้เพื่อให้รู้ว่า “กรรมนี้มีผล” ช่างน่ากลัว!
หยางเซิง : บุคคลภายในบ้านมีไอแห่งกุศลธรรม แต่ถูกคลุมด้วยหมอกที่หมองคล้ำ เป็นเพราะเหตุใด?
อรหันต์จี้กง : บ้านตระกูลอึ้ง มีงานศพเมื่อปีที่แล้ว พอมาปีนี้ภรรยาก็มีเนื้องอกเกิดขึ้นในลำไส้ต้องได้รับการผ่าตัด ตอนนี้ก็ยังไม่หายเป็นปกติ แถมเจ้าบ้านยังถูกหนีหนี้อีก เหมือนตายทั้งเป็น ถึงแม้ว่า คนทั้งบ้านจะกินเจ แล้วทำไมยังมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอีก หลายคนพูดว่า “ปฏิบัติธรรมถือมังสวิรัติ เบื้องบนไม่คุ้มครองเลยสักนิด” ทำให้คิดว่า ธรรมะสวรรค์ไม่ยุติธรรมวันนี้ ข้าฯ จึงมาที่นี่เพื่อคลี่คลายถึงผลบุญผลกรรมให้กระจ่างเพื่อให้ชาวโลกหายข้องใจ
1. ทำไมบ้านตระกูลอึ้งจึงสูญเสียลูกชาย? เป็นเพราะหัวหน้าครอบครัว ชาติก่อนมีอาชีพฆ่าสัตว์ ชีวิตสัตว์นับไม่ถ้วนถูกสังหารเนื่องจากมีกิจการร่วมกับผู้อื่นแต่ถูกผู้ร่วมทุนโกงไปจิตใจเจ็บแค้น วันหนึ่งได้ไปทวงหนี้ที่บ้านลูกหนี้ ลูกหนี้พูดจาไม่เข้าหู เลยใช้มีดแทงลูกหนี้ตาย อีกอย่างหนึ่งที่ถูกเขาโกงไปทำให้เกิดโทสะระงับอารมณ์ไม่ได้ จนถึงขั้นฆ่าตัวตาย ลูกหนี้ที่ตายไปกลับมาเกิดใหม่ มาเป็นลูกชายเขา เป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อจบชั้นมัธยมแล้ว ก็ออกมาทำการค้า กำไรเงินมามากมาย มีความกตัญญูเป็นเลิศ เงินทองหาได้เท่าใดก็เอามาให้กับพ่อแม่ จนกระทั่งปีที่แล้ว เงินทองที่หาได้จนครบจำนวนที่เป็นหนี้บ้านตระกูลอึ้ง เท่ากับชดใช้หนี้ที่โกงไปในชาติที่แล้ว ก็เกิดเจ็บป่วยกะทันหัน เป็นโรคมะเร็งของตับถึงแก่ความตาย ทำให้พ่อแม่เสียอกเสียใจจนแทบจะตายตามลูกยังหนุ่มแน่น ถูกพญามัจจุราชพรากชีวิตไป จิตใจจะโกรธแค้นปานไหน คิดดูก็แล้วกัน อันนี้เพราะต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ชดใช้หนี้ อันเป็นผลของกรรม
2. ภรรยาเจ้าบ้านเจ็บป่วยเป็นโรคมาก เร็วๆนี้ก็ผ่าตัดเอาเนื้องอกออก ทั้งนี้เพราะภรรยาชาติก่อนก็มีอาชีพฆ่าสัตว์ชีวิตถูกฆ่าไปจำนวนมาก ผ่าท้องควักไส้ไม่รู้สึกเท่าไร วันนี้เลยมีกรรมติดมา จึงมีโรคมาก ให้มีเนื้องอกในท้องจะได้ถูกผ่าท้องควักไส้บ้าง เป็นการชดใช้กรรมเก่า ดังนั้น พวกนักฆ่าทั้งหลายโปรดสังวรณ์ ถ้ากรรมน้อยก็ถูกผ่าตัด ถ้ากรรมหนักก็ถูกฆ่าถึงแก่ชีวิต
3. บ้านตระกูลอึ้งทำไมเกิด ผีซ้ำด้ามพลอยอย่างนี้แถมยังถูกล้มหนี้อีก ทั้งนี้เพราะชาติก่อนขายเนื้อ โกงตาชั่งตลอดชัวิตเงินที่หาได้ไม่บริสุทธิ์ ชาตินี้ก็ต้องชดใช้หนี้เขา
หยางเซิง :กรรมสนองกรรม น่ากลัวยิ่งนัก ขอเรียนถามอาจารย์ ชาติที่แล้วบ้านตระกูลอึ้งเคนทำบาปกรรมมามากมายแล้วทำไมชาตินี้ยังได้มาเกิดเป็นคนอีก แถมยังได้กินเจกันทั้งบ้าน
อรหันต์จี้กง :ถึงแม้เขาจะสร้างเวรก่อบาปมามาก แต่เนื่องจากเขามีญาติคนหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดตอนวัยชรา วัดวาอารามทรุดโทรม ฝาผนังพังทลาย จึงเป็นโอกาสอันดี สืบเนื่องจากบ้านตระกูลอึ้งได้ฆ่าสัตว์มามากมาย จึงมีความเกรงกลัวเกิดขึ้น จึงได้สละทรัพย์จำนวนหนึ่งมาบูรณะซ่อมแซมและได้รับการอบรมจากเจ้าอาวาส จนถึงกับงดเว้นการฆ่าสัตว์สำนึกบาปที่ได้ทำมา ยึดมั่นในพระรัตนตรัย หมั่นสวดมนต์ปฏิบัติธรรม อยู่กับบ้าน แต่ระยะเวลาบั้นปลายมีจำกัดการบำเพ็ญเพียรยังไม่ถึงที่สุด ดังนั้นในชาตินี้จึงได้เกิดมาเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ดี นี่ก็เนื่องจากผลกรรม
หยางเซิง : ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง พวกเขามีใจปฏิบัติธรรม แล้วเจ้ากรรมนายเวรทำไมจึงพร้อมใจกันมาทวงหนี้เล่าขอรับ หากไม่มีจิตแน่วแน่ เกรงว่าคงถูกโจมตียับเยินไปหมด
อรหันต์จี้กง : เพราะบ้านตระกูลอึ้งได้อธิษฐานไว้อย่างหนึ่งแรงกล้าว่าวชาตินี้จะขอสำเร็จมรรคผล เจ้ากรรมนายเวรพอได้ยินเข้าจึงพากันมาทวงหนี้ เพราะเกรงว่า หากสำเร็จได้ไปยังแดนสุขาวดีแล้ว การทวงหนี้ก็หมดหวัง
หยางเซิง : อ๋อเป็นเช่นนี้เอง โดยมากผู้ปฏิบัติธรรมมักจะได้รับสภาพเช่นดังกล่าวมาแล้ว ไม่รู้ว่ามีเหตุอย่างเดียวกันหรือไม่
อรหันต์จี้กง : ผู้ที่มีใจปฏิบัติธรรม มักกล่าวว่า “ชาติหน้าไม่ขอมาอีกแล้ว” คำพูดเช่นนี้สั่นสะเทือนถึงสามโลก ใครที่มีหนี้กรรมย่อมถูกเขามาตามทวงเอาหนี้ เมื่อใครที่คิดจะพ้นทุกข์ชั่วกาล ก็ควรจะกัดฟันทนเอา จงสปอร์ตหน่อยเป็นหนี้เขาก็ต้องชดใช้หมดหนี้ เมื่อพบกับเรื่องที่ไม่ราบรื่นอุปสรรคนานา ก็แสดงว่าเธอกำลังใช้หนี้อยู่ ควรจะพูดว่า “รู้สึกขอบคุณด้วยดี” อย่าเอาแต่โทษฟ้าโทษคน เมื่อหมดหนี้กรรม ก็จะเบาสบาย ถึงตอนนั้นโลดเล่นไปซ้ายไปขวาได้ตามใจเจ้า ไม่มีใครควบคุม ตอนนี้ฟ้าดินเป็นของเจ้า
หยางเซิง : กฎแห่งกรรม มีจริง อาจารย์ได้อธิบายให้ฟังจนเข้าใจขอท่านที่พบอุปสรรคหรือมารผจญ ก็ขอให้เห็นกระจ่างก็สามารถจะสิ้นเวรกรรมได้
อรหันต์จี้กง : วันนี้พอเท่านี้ เตรียมตัวกลับสำนัก
หยางเซิง : ผมนั่งบนอาสน์เรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับได้
อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์วิญญาณกลับเข้าร่าง
โดยเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระเจ้ากวนอู หรือพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ องค์ที่ 18