mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่สิบสี่

เผยแผ่คุณธรรม             มนุษย์สมานฉันท์ฟ้าปราณี

จิตที่ใฝ่ธรรม                 วิญญาณสุขสบาย

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2526

กลอนนำเสด็จ

       คนเราเกิดมาก็                     ตายไปเป็นเรื่องธรรมดา

หากบรรลุธรรมา                        ละขันธ์ห้าทิ้งทุกข์โศก

ลิ้นลมวิญญาณล่อง                     ลอยละลิ่วพ้นสามโลก

วิญญาณเดิมพระทรงโปรด           ดุจดอกบัวท่ามกลางไฟ

อรหันต์จี้กง : วันนี้แขกเหรื่อมาเยี่ยมสำนักเซี้ยเต็กตึ้งมากมายเจ้ารู้สึกว่าอย่างไร

หยางเซิง  : มีความรู้สึกว่า มนุษย์มีคุณค่า ธรรมจิตอบอุ่นคิดว่าต้องเพิ่มความวิริยะอุตสาหะ

อรหันต์จี้กง : ธรรมกิจของสำนักเซี้ยเต็กตึ้งเจริญรุดหน้า ได้รับความช่วยเหลือทั้งคนทั้งสวรรค์ บรรดาศิษย์ต่างสมัครสมานล้วนมีสัมมาคารวะ อันเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติธรรมผู้พบเห็นต่างชื่นชม ทำให้เกิดความปีติยินดี ธรรมะต่างเกื้อกูลกัน ดังนั้นความเจริญหรือความเสื่อมลงของสำนักขึ้นอยู่กับความสมานฉันท์ของปวงชนหรือไม่ สำนักหลายแห่งที่เกิดการแตกแยก ล้วนขึ้นอยู่กับการแก่งแย่งชิงเด่น เอาชื่อเสียงซึ่งก่อให้ผู้ที่ใฝ่ธรรมจริงชะลอเท้าไม่กล้าเข้าใกล้

หยางเซิง : อาจารย์พูดจากน้ำใสใจจริง ซึ่งศิษย์เองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน สำนักเซี้ยเต็กตึ้งกำเนดขึ้นท่ามกลางพายุฝนศิษย์จึงรักหวงแหนมาก จึงได้ทุ่มเทจิตใจ บริหารภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของเบื้องบน ซึ่งบรรดาศิษย์ของสำนักสามารถจะบรรยายธรรมได้ทุกคน ไอแห่งธรรมจึงกระปรี้กระเปร่าทำให้การประทับทรงและกิจการสังคมมีความก้าวหน้า ซึ่งทั้งหมดดังกล่าวมาแล้ว ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชักจูงและความช่วยเหลือแห่งเทพ พุทธ ทั้งมวล

อรหันต์จี้กง : ช่วงเกือบสิบปีมานี้ เราศิษย์อาจารย์สนิทชิดเชื้อกัน ประทับทรงแต่งหนังสือผสานจิตโปรดผู้คนได้ไม่น้อยทำให้หันหน้าเข้าพึ่งพระธรรม อาจารย์รู้สึกชื่นใจ แต่ทว่าในช่วงหลายปีมานี่ เจ้าก็ต้องพบกับอุปสรรคมารต่าง ๆ ไม่น้อย ดังนั้นเจ้าต้องเผื่อใจไปขอบคุณพวกมารที่สร้างอุปสรรคหากปราศจากอุปสรรคมาร เจ้าก็คงไม่คิดฟันฝ่าวงล้อม วิริยะอุตสาหะ จนได้เลื่อนฐานะขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า “มหาสัทธรรมอยู่เบื้องหน้า ไม่มีใครสามารถขวางกั้น” คนต้องมีจิตเพื่อปวงชนไม่เห็นแก่ตน ไปทำงานสิ่งใดก็ตามย่อมได้รับความช่วยเหลือทั้งจากสวรรค์ ปฐพี และมนุษย์ แท่นบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์แห่งบ่อเก๊ก กำลังเริ่มก่อสร้างอันนี้เป็นธรรมสถาน สำหรับโปรดสัตว์ในอนาคต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นสถานที่สำหรับคัดเลือกพุทธะ หรือสำนักตามโชคชะตา ซึ่งมีความหมายลึกซึ้ง ขอให้แต่ละท่านนำไปไตร่ตรองกันเอาเอง อาตมาขอช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ อีกแรงหนึ่ง ตรียมตัวขึ้นบนบัวอาสน์

หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทาง.......อาจารย์ทำไมพากระผมมาที่นี่ละ?

อรหันต์จี้กง : ที่นี่เป็นที่ “สบายที่สุด” (ที่เก็บศพ)!

หยางเซิง : ที่นี่อึมครึมมืดสลัวน่ากลัว ทำไมอาจารย์บอกว่าเป็นที่สบายที่สุด

อรหันต์จี้กง : เออ เอ่อ! ชีวิตคนชุลมุนวุ่นวาย มีเวลาว่างสักกี่มากน้อย พวกที่สามารถหลุดพ้นจากความวุ่นวายก็สามารถที่จะสบายใจพักผ่อนได้

หยางเซิง : กระผมเห็นวิญญาณผีเหล่านี้ บ้างก็ดูโศกเศร้า บ้างก็ดูหวาดผวาไม่เห็นเขาสบายใจเลยนี่

อรหันต์จี้กง : หยางเซิงเจ้าพูดถูกแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่ไม่สบายใจเมื่อตายแล้วก็ไม่สบายใจ อันนี้เพราะเหตุใดหรือ เพราะความเป็นห่วงกังวลในตอนมีชีวิตอยู่ ก็ยังติดตามมายังอีกภพหนึ่งคนเราตายแล้วแต่วิญญาณยังไม่ตาย เนื้อหนังเน่าเปื่อยแต่จิตกังวลยังอยู่ ดังนั้นพวกเราไม่สามารถ “หมดสิ้นทุกอย่าง”

หยางเซิง : หากเป็นเช่นนี้ ตอนมีชีวิตอยู่ควรได้ตระเตรียมไว้ก่อนเพื่อจะได้สบายในตอนหลัง วิญญาณจะได้เบาสบาย

อรหันต์จี้กง :ท่านขงจื้อกล่าวว่า “มีรู้เกิด จะรู้ตายฤๅ” มนุษย์ตอนจะมาเกิดก็สะลึมสะลือ ตอนจะตายก็ขมุกขมัวไร้สติจากไป คือ จะมาเกิดก็ไม่ทันรู้ตัว เกิดเสียแล้ว และยังไม่ทันรู้ตัวอีกก็ตายเสียแล้ว ดังนั้นจึงยากที่จะเตรียมตัวได้

หยางเซิง : ถ้าเช่นนั้น จะทำอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยง ที่จะตายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

อรหันต์จี้กง : อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ ตอนจะใกล้ปีใหม่ ผู้คนรู้จักตระเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ ไว้ใส่ตอนปีใหม่ เวลาพบกันก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงความยินดีต่อกัน มนุษย์รู้วันใหม่จะมีมาถึง ก็ต้องเข้าใจรู้ว่าเวลาแห่งการตายรออยู่ ดังนั้นควรตระเตรียมตัวไว้เสมอว่า พรุ่งนี้จักตาย วันนี้เราก็จักเตรียมตัวให้พร้อม หากมนุษย์สามารถทำได้เช่นนี้ เพื่อนฝูงที่พบหน้ากันในปรโลก ก็จะแสดงความยินดีต่อกัน ดุจเดียวกันศิษย์รัก ! เจ้าจงดูซิว่า วิญญาณผีสองตนที่อยู่ข้างหน้า คุยอะไรกันอยู่

หยางเซิง : เอียงหูฟังวิญญาณผี คุยกัน

วิญญาณ ก : “เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ท่านก็มาด้วยหรือ ท่านนำเงินทองมาได้มากน้อยแค่ไหน”

วิญญาณ ข :  “เงินทองของผมคงเหลือไว้ที่เมืองมนุษย์ ที่ต้องใช้หนี้ก็ใช้หมดแล้ว ลูกเมียก็มีกินไม่ต้องห่วง ถึงแม้ผมจะไม่ได้เงินติดตัวมาแม้แต่สตางค์เดียว แต่ก็ไม่เป็นหนี้สินเขารู้สึกเบาสบายดี นอกจากนั้นลูกเมียก็ยังเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ผมมาด้วย ก็ยังเอาใช้ที่ยมโลก นำมาสร้างบ้านใหม่ได้หลังหนึ่ง”

วิญญาณ ก : “กระดาษเงินกระดาษทอง เผาแล้วเอามาสร้างบ้านได้อย่างไร”

วิญญาณ ข :  “ผงเงิน ผงทองนี่ เป็นของดีที่นับค่าไม่ได้ทำไมจะใช้ไม่ได้ละ”

วิญญาณ ก : จริงซินะ ท่านจึงแบกถุงกระดาษเงินกระดาษทองไว้เต็มหลังเลย (ในขณะที่วิญญาณผีสองตน กำลังสนทนาอยู่นั้น ท่านอรหันต์จี้กง และคุณหยางเซิงก็หัวเราะกันขึ้นมา)

อรหันต์จี้กง : ท่านทั้งสอง! อย่ามัวแต่ฝันเฟื่องกลางวันอยู่เลยมิน่าล่ะทุกคืนพวกท่านจึงนอนกันไม่อิ่มเลย ตอนกลางวันก็ยังนอนอยู่ไม่ยอมลุกขึ้น พวกท่านไม่ต้องปลูกบ้านใหม่หรอกพวกขี้เถ้ากระดาษเงินกระดาษทองนี่ ลูกเมียของท่านได้เผากระจุยกระจาย อยู่บ้านพักตากอากาศ ตามป่าเขา ผงขี้เถ้ากลายเป็นปุ๋ย ให้พวกหญ้าได้เจริญเติบโต ดำรงความเขียวขจีนับหมื่นปี (วิญญาณทั้งสองตนได้ฟังคำตักเตือนจากพระจี้กงจึงได้ตื่นจากภวังค์ แล้วเข้าใจ ใจก็คิดว่า สุสานหลุมฝังศพมิได้ใช้เหล็กเส้นมาก่อสร้าง เพื่อให้กระดูกของข้า ฯ ได้อาศัยอยู่ชั่วระยะหนึ่ง อีกไม่กี่สิบปีให้หลัง สุสานก็จะแตกพังทลายก็เหมือนกับกระดาษเงินกระดาษทองนี้ จะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า)

อรหันต์จี้กง : ทั้งสองท่านก็ได้บรรลุถึงสภาวะของมนุษย์จะได้ไม่เพ้อฝันฟุ้งซ่าน “ให้ใจนี้ตายไปเสีย” ไปแสวงหาชีวิตใหม่ที่ยังมาไม่ถึงจะดีกว่า โรงเรียนในมนุษยโลกนั้นจบลงแล้วก็ควรที่จะถอดชุดนักเรียนทิ้งเสีย (เนื้อหนัง) แล้วเปลี่ยนโรงเรียนใหม่เถิด! หยางเซิงขึ้นบนบัวอาสน์ เปลี่ยนไปที่ใหม่กันเถอะ!

หยางเซิง : ขอรับกระผม! มิทราบว่าอาจารย์จะไปไหน?

อรหันต์จี้กง : สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เจ้าขึ้นบนบัวอาสน์ ข้าฯ จะไปแล้ว

หยางเซิง : ทำไมอาจารย์พามาที่นี่ ดูเหมือนกำลังจัดงานศพในบ้าน หน้าประตูยังติดกระดาษ เขียนว่า “ระหว่างทุกข์” กระผมรู้สึกหวาดกลัว

อรหันต์จี้กง : การเกิดการตายเป็นธรรมดาของมนุษย์ ถ้าไม่มีแก่ตาย จะมีเกิดใหม่หรือ? มนุษย์รู้แต่ชื่นชมยินดีที่ได้อุ้มเด็กทารก หารู้ไม่ว่าเด็ทารกก็คือ เฒ่าทารกที่สับเปลี่ยนเวียนเกิดความยินดีในปัจจุบันนี้ก็คือ ความโศกเศร้าเสียใจเมื่อวันก่อนหมุนเวียนสลับกันไป หากเข้าใจถึงหลักธรรมแห่งการเกิดการตายแล้วก็จะเห็นว่า การเกิดการตายเป็นของธรรมดา

หยางเซิง : แม้อาจารย์จะพูดเช่นนี้ กระผมก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี

อรหันต์จี้กง : อย่าทำเป็นเด็กกลัวไปหน่อยเลย ต้องทำตัวให้เป็นผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน คนเราเวลาตายเพียงสายลมขาดลง เหมือนนอนหลับอันยาวนาน ไม่ควรหวาดกลัว ข้าฯ จะพาเจ้าเข้าไปดูข้างในบ้าน

หยางเซิง : เมื่ออาจารย์พูดเช่นนี้ กระผมก็จะติดตามอาจารย์เข้าไปภายในบ้าน เห็นคน ๆ หนึ่งนอนเหยียดอยู่บนเตียง ลูกหลานกำลังทำความสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูเหมือนเพิ่งตายใหม่ ๆ ทำไมหน้าตาดูราวมีชีวิตอยู่ มีอไม้ก็ยังอ่อนนุ่มอยู่ทำไมเป็นเช่นนี้

อรหันต์จี้กง : ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง คนนี้สิ้นลมเมื่อวานนี้ตอนเที่ยงเป็นผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง โดยปกติชอบทำบุญสุนทาน ได้ถือมังสวิรัติมานาน 30 ปี เพราะฉะนั้นตอนนี้ตายแล้วก็ยังเหมือนเป็นอยู่ ร่างกายไม่แข็งทื่อ

หยางเซิง : ไม่รู้ว่า คนปกติทั่ว ๆไป จะมีสภาพเช่นนี้ไหม?

อรหันต์จี้กง : บางคนมีใจโหดเหี้ยม นิสัยแข็งกระด้าง บางคนยังไม่ทันจะตายร่างกายก็แข็งทื่อเสียแล้ว

หยางเซิง : การปฏิบัติธรรมมีอานิสงส์ถึงขนาดนี้

อรหันต์จี้กง :

 

      1. ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียร จิตใจอ่อนโยน อุปนิสัยนุ่มนวล ดังนั้น พอตายลงจึงยังไม่แข็งทื่อทันที

 

      2. ผู้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม ถือมังสวิรัติ จะมีธาตุที่เบาใส ดังนั้น พอตายลงจึงยังไม่แข็งทื่อทันที

 

      3. ผู้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม จิตมีแต่กุศล ยึดมั่นในเทพ พุทธ ทำให้รู้สึกซาบซึ้งถึงจิตแท้เบื้องบน ธาตุที่สว่างช่วยคุ้มครอง ดังนั้น พอตายลงจึงยังไม่แข็งทื่อทันที

           ด้วยเหตุผล 3 ประการดังกล่าวมาแล้ว จึงได้เห็นสภาพเช่นนี้

หยางเซิง : สถานภาพแล้วแต่ผู้บำเพ็ญเพียรจะได้รับ มิใช่เกิดได้เองตามธรรมชาติ เห็นบุตรหลานเขามีอาการเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทุกคนก็มีสัมมาคารวะ เห็นมีรัศมีเปล่งประกายบนศีรษะ เห็นแล้วพวกเขาต้องเป็นครอบครัวที่มีบุญบารมี

อรหันต์จี้กง : ใช่แล้ว! พวกเขาล้วนเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

หยางเซิง : คนตายแล้ววิญญาณลอยจากร่าง แต่ทำไมไม่เห็นกายทิพย์ละครับ

อรหันต์จี้กง :  ผู้มีบุญกุศลคนหนึ่ง เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่อยู่ในบ้านตอนที่จะสิ้นลม มีเหล่าเทพ พุทธ มาโปรด เหลือแต่ร่างให้บุตรหลานได้กราบไหว้ ผู้ที่สิ้นลมแล้วดูเหมือนมีชีวิตอยู่คือทางที่เขาไปสุคติภูมิ มีคำกล่าวว่า “ไม่ได้เกิดในที่ดีแต่ขอให้ตายดี” ขอให้มนุษย์มาสบาย กลับก็สะดวก อย่าให้ตอนตายมียมทูตหน้าขาว – ดำ มาฉุดกระชากลากตัวหากเป็นเช่นนี้ ก็คงเคราะห์ร้ายไม่ใช่น้อย วันนี้เราอย่ารบกวนพวกเขาอีกเลย ปล่อยให้เขาแสดงความกตัญญูให้เต็มที่เถอะ! ตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีใครคอยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พ่อแม่ จะมีก็ครั้งนี้นี่แหละเป็นการแสดงความกตัญญู เราไปที่อื่นกันเถอะ!

หยางเซิง : ขอรับกระผม........

อรหันต์จี้กง : ที่นี่เป้นท้องนา เรามาเกี่ยวข้าวกันเถอะ!

หยางเซิง : เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้เอามา จะเกี่ยวข้าวได้อย่างไร

อรหันต์จี้กง : คนออกบวช ออกนอกบ้านไม่ถือมีดพร้า ใช้มือต่างมีดแล้วกัน

หยางเซิง : นาแถวนี้ดูเหมือนถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้วส่วนหนึ่ง พรุ่งนี้คงมาเก็บต่ออีก

อรหันต์จี้กง : นับว่าเจ้าก็รู้ดี

หยางเซิง : กระผมก็ยังเป็นผู้ไถหว่านอยู่

อรหันต์จี้กง : อย่ามัวเสียเวลา เจ้าดูกองฟางนี้ซิ แล้วมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง

หยางเซิง :  หญ้าฟางตายแล้ว เพราะถูกมีดเคียวตัด มันนอนอยู่บนพื้นดิน มิช้านานก็ถูกเผาเป็นขี้เถ้า กลายเป็นปุ๋ยแต่ทว่าได้ทิ้งเม็ดข้าว (ลูกหลาน) จำนวนมาก เพื่อสืบทอดชีวิตของบรรพชน ให้คงอยู่ในโลก จะได้ช่วยชีวิตมนุษย์ให้กระปรี้กระเปร่าต่อไป

อรหันต์จี้กง : พูดถูกแล้ว หญ้าฟางแก่ตายแล้ว แต่ชาวโลกไม่รู้สึกโศกเศร้าก็มองดูว่า ของเก่าถูกแทนที่ด้วยของใหม่ดุจเดียวกัน มนุษย์มีสายสัมพันธ์กัน ฟ้าดินก็มีสายสัมพันธ์เช่นกัน ขอเพียงเกิดก็ให้สบาย ตายก็ให้สบาย เกิดตายดุจเดียวกัน ตอนนี้ข้าฯ จะกอบข้าวเปลือกสักกอบหนึ่งนำมาปลูกทันที

หยางเซิง : เห็นอาจารย์กอบข้างเปลือกมากำมือหนึ่ง แล้วเดินไปที่ขอบนาบนร่องผักแปลงหนึ่งซึ่งเตรียมไว้สำหรับปลูกของสภาพพื้นดินยังชุ่มน้ำอยู่ อาจารย์ก็หว่านเมล็ดข้าวเปลือกลงไป

อรหันต์จี้กง : ข้าฯ จะเอาพัดโบกลงบนแปลงผัก เรียกให้มันงอกขึ้นมา “ข้าวเปลือก ข้าวเปลือกรากเก่าเปลี่ยนรังใหม่จากบ้านหลังโน้น มาอยู่ที่นี่ มีน้ำมีลม อยู่ไปชั่วคราวก่อนแตกหน่อออกราก โผล่พ้นดินขึ้นมา ตื่นเถอะ ตื่นเถอะ!”

หยางเซิง : พอท่านอาจารย์กล่าวสัจจวาจา ข้าวเปลือกที่หว่านลงไป ก็เริ่มแตกหน่ออกรากน่ามหัศจรรย์จริง ๆ

อรหันต์จี้กง : ที่เฒ่าที่แก่ก็ตายไป เด็กเล็กเด็กทารกก็เกิดมาดูแล้วช่างน่ารักน่าเอ็นดู ไม่เหมือนพวกหญ้าฟางแก่ รูปร่างโก่งงอและเหลืองแห้ง นี่แหละชีวิตมนุษย์ วิถีแห่งการเกิดการตาย มีความแยบคายฉะนี้ ขอให้ชาวโลกจงเข้าใจ! เอาละ! เตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง : กระผมนั่งบนบัวอาสน์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์กลับได้

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง


0
192

วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่15

บนแผงเนื้อ (สุนัข) หอมหมาเคีองแค้น สุนัขขาวสนองบ้านตระกูลตั้ง

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago

งานบุญปล่อยชีวิต

พระอาจารย์เมฆขาว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

บำเพ็ญใจ

เฉินจวิ่นฟูจือ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

สัมพันธ์

พระกุมารแห่งสระทิพย์อู๋จี้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

หยุดโลภ หยุดโกรธ หยุดแย่งชิง

ขุนพลเตี๋ย ผู้ชนะร้อยครั้ง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago