ครอบครัวของ เกิ่น เปิ่น สู นับตั้งแต่บรรพบุรุษลงมาหลายชั่วคน ไม่อนุญาตให้คนในบ้านรับประทานเนื้อวัวควาย ครั้งหนึ่ง เกิ่น เปิ่น สู เกิดล้มป่วย หมอได้ตรวจดูในตำรายาและบอกแก่เขาว่า ต้องใช้สมองวัวมากินรักษาโรคเมื่อเพื่อนฝูงรู้ข่าวจึงมาเยี่ยมพร้อมกับนำสมองวัวมาให้ แต่เขาไม่ยอมกินกลับนำไปให้คนรับใช้กินเสีย เขาคิดว่าทำเช่นนี้คงไม่ผิดอะไร
คืนต่อมาเขาเคริ้มฝันไปว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งสวมมงกุฏสีทองใส่เสื้อสีเหลืองอร่ามน่าเกรงขาม ได้กล่าวตำหนิเขาว่า “เจ้าเป็นคนกินเนื้อวัว ตัวช่างเหม็นเสียจริง ๆ” เกิ่น เปิ่น สู รีบตอบทันทีว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยกินเนื้อวัวควายเลย” สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระองค์นั้นจึงหยิบเอาสมุดเล่มหนึ่งออกมาดูแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้กินเองแต่ก็ล่วงละเมิดทำผิดกฎของบรรพชนนำไปให้คนอื่นกิน เป็นเหตุให้บั่นทอนอายุขัยของตนเองแต่เจ้าก็พอยังมีจิตเมตตาเหลืออยู่ ที่แม้จะล้มป่วยก็ไม่ยอมกิน ฉะนั้นเราจะให้โอกาสเจ้าสักครั้งหนึ่ง หากสามารถสร้างบุญกุศลพูดให้คนร้อยครอบครัว หยุดกินเนื้อสัตว์ได้เจ้าก็จะมีอายุยืนยาวต่อไป” ในฝัน เกิ่น เปิ่น สู ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ในใจว่า เขาจะทำอย่างไรให้คนตั้งมากมายเลิกกินเนื้อได้ และสำหรับตัวเขาเองหากต่อไปมีคนเอาเนื้อมาให้อยู่เรื่อย ๆ แล้วจะจัดการอย่างไรเล่า ?
สิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถล่วงรู้วาระจิตของเขา จึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้ามีความแน่วแน่มั่นคง ก็ย่อมที่จะช่วยพวกเขาได้ อย่าว่าแต่เพียงร้อยครอบครัวเลย ส่วนเนื้อที่มีคนให้มาหากไม่กินก็นำไปฝังเสีย ทำเช่นนี้แล้วมีอะไรที่ต้องหวาดหวั่นอีก เรากลัวแต่ว่าจิตใจของเจ้าจะไม่หนักแน่นพอละซิ” ครั้นตกใจตื่นขึ้น เกิ่น เปิ่น สู จึงรีบลุกขึ้นไปบันทึกเรื่องราวในความฝันของเขาไว้ แล้วตั้งเป็นกฎให้คนในบ้านทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พร้อมกับออกไปชักชวนให้คนเป็นจำนวนมากเลิกฆ่าสัตว์มากิน หลังจากนั้น เกิ่น เปิ่น สู ก็หายเจ็บป่วยมีสุขภาพร่างกาย และอายุยืนออกไปอีกนาน