ที่มณฑล ฝู่เจี่ยน มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเป็นคนดีมีศีลธรรมเขาไม่กินเนื้อสัตว์ใด ๆ เลย แต่ภรรยาของเขาช่างตรงกันข้ามราวกับสีขาวกับสีดำ เพราะนางมีนิสัยชอบฆ่าสัตว์ชอบกินแต่เนื้อสัตว์เป็นประจำ อยู่มาปีหนึ่ง ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านตั้งใจจะจัดงานครบรอบวันเกิดของตน นางจึงสั่งให้พ่อค้านำเอา หมู แพะ เป็ด ไก่ มาขังกรงไว้ เพื่อฆ่าเป็นอาหารเลี้ยงเพื่อนฝูงในวันรุ่งขึ้น เมื่อผู้ใหญ่บ้านกลับมาถึงเห็นสัตว์มากมายถูกกักขัง ต่างยื่นคอออกจากกรงส่งเสียงร้องดังระงม เขารู้สึกสงสารจับใจจึงเข้าไปพูดจาขอร้องให้ละเว้นชีวิตสัตว์เหล่านั้นเสีย แต่ภรรยาผู้มีจิตใจหยาบกระด้างกลับปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว
ตกกลางดึกคืนนั้น ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็ฝันไปว่านางเดินเข้าไปในห้องครัวเห็นพ่อครัวกำลังจะฆ่าหมูแล้วฉับพลันทันใดเพียงแค่กระพริบตา จิตวิญญาณของนางก็ถูกดึงเข้าสิงอยู่ในตัวหมูอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พ่อครัวจับหัวหมูแล้วเอามีดที่คมกริบเชือดคอทันที เลือดสดๆ ไหลออก มาทันที วิญญาณของนางในร่างหมูดิ้นทุรนทุรายร้องอย่างเจ็บปวดจนสุดเสียงแต่คนทำครัวทั้งหลายกลับมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของนางเลย มิหนำซ้ำยังเอาน้ำเดือดมาเทราดจนทั่วตัวแล้วลอกหนังแล่เนื้อสับกระดูกเป็นชิ้น ๆ
ทุกครั้งที่มีดสับลงบนก้อนเนื้อและกระดูก มันช่างเจ็บปวดทรมานสุดจะบรรยาย จนหมูทั้งตัวถูกสับจนหมดแล้วจิตวิญญาณของภรรยาผู้ใหญ่บ้านก็ยังไปไหนไม่ได้ พอนางกระพริบตาก็ถูกจับเข้าไปอยู่ในตัวแพะ ไก่ เป็ด ฯลฯ เป็นดังนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งสัตว์ทั้งหมดถูกฆ่าไม่เหลือ ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็ตกใจตื่นขึ้นใบหน้าซีดเผือดตัวเย็นเฉียบเหงื่อโทรมกายแล้วตะโกนร้องโวยวายว่า “ ไม่น่าทำแบบนี้เลย ! ไม่น่าทำแบบนี้เลย !” ในงานครบรอบวันเกิดปีนั้นนางจะงดเลี้ยงโต๊ะฉลองหลังจากนั้นแล้วภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็เปลี่ยนไป และหันมากินเจตามสามีไปจนตลอดชีวิต