เจียงซิ่วเสียเจี่ยงซือ
ข้าพเจ้ารู้ถึงความผิดพลาดของตนเองแล้ว! ข้าพเจ้ารู้ถึงความผิดพลาดของตนเองแล้ว!
ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ที่เมืองไถหนัน แซ่ “เจียง” ชื่อ “ซิ่วเสีย”นักธรรมอาวุโสของข้าพเจ้าแซ่เฉิน ในตอนที่ข้าพเจ้าอายุได้๒๗ ปี นั้นข้าพเจ้าได้ตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ ติดตามปฏิบัติอริยกิจกับนักธรรมอาวุโส พออายุได้ ๒๙ ปี ข้าพเจ้าก็ได้ผิดต่อปณิธานนั้น เพราะว่านักธรรมอาวุโส ที่ได้ติดตามเตี่ยนฉวนซือในช่วงเวลาเดียวกันกับข้าพเจ้านั้น ต่างได้รับการยกระดับเป็นเตี่ยนฉวนซือ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าความสามารถของตนนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร และมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมาก เป็นทั้งบุ๋นทั้งบู๊และยังเข้าครัวทำอาหารได้ด้วย แต่ยังไม่ได้รับการยกระดับเป็นเตี่ยนฉวนซือ จึงได้รับการเยาะเย้ยถากถางลบหลู่เหยียดหยามจากผู้อื่น ดังนั้นเวลาบรรยายธรรมจึงขาดความมั่นใจไป ในใจของตนเองจึงเกิดความคลางแคลงสงสัย หรือว่าใจจริงแท้ของข้าพเจ้ายังมีไม่เพียงพอ ด้วยกำลังความสามารถของคนอื่นพวกเขายังเป็นเตี่ยนฉวนซือได้ แต่เพราะเหตุใด กำลังความสามารถของข้าพเจ้านั้นแกร่งกล้าสามารถกว่ายังคงไม่ทันผู้อื่นเขาด้วยอายุทางธรรม และการบำเพ็ญของข้าพเจ้านั้นไม่อาจทำให้นักธรรมอาวุโสและเตี่ยนฉวนซือมองเห็นได้ ด้วยเหตุนี้ในใจจึงไม่อาจสงบเป็นปกติได้
เดิมทีข้าพเจ้าไปอาณาจักรธรรมทุกวัน แต่เมื่อข้าพเจ้าจิตใจหวั่นไหวส่ายคลอนแล้ว เดือนหนึ่งจะไปร่วมชั้นเรียนแค่สามครั้ง และก็ได้พบเจอกับเพื่อนเก่าหรือเพื่อนร่วมงานมาเชื้อเชิญอยู่บ่อยๆ เดิมทีได้รักษาปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ ไม่กล้าที่จะมีความคิดหวั่นไหวสั่นคลอน แต่เมื่อผ่านมานานวัน ก็ถูกเรื่องราวทางโลกทำให้ลุ่มหลงไปแล้ว เมื่อได้ฟังว่าพระอาจารย์หญิงได้กลับคืนรายงานพระภาระต่อเบื้องบนแล้ว จึงไม่ได้นับปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ของตัวเองไปด้วย และยังได้เห็นว่า ในขณะนั้นก็มีสามีภรรยามากมายหลายคู่ที่บำเพ็ญปฏิบัติร่วมกัน อยู่เคียงข้างตามติดกันไม่โดดเดี่ยว คู่สามีภรรยาเหล่านั้นมีทั้งเยื่อใยความรักและยังมีมโนธรรมต่อกันด้วย ไม่เพียงแต่ได้บำเพ็ญธรรมแต่ได้เสพสุขของการครองชีวิตคู่ด้วย ดังนั้นตอนที่ข้าพเจ้าล้มลุกคลุกคลานอยู่นั้น สายตาก็ได้เห็นแต่เรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ อย่างนี้จึงคิดเสมอๆ ว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะกล่าวบ่อยครั้งว่า ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวมีภรรยาสามารถบำเพ็ญร่วมกันได้ ทั้งยังปฏิบัติงานทางธรรมและทางโลกได้อย่างละครึ่ง” เป็นเพราะความลุ่มหลงคิดผิดของข้าพเจ้า จึงลืมไปว่าตนเองได้เคยตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ต่อเบื้องบน และมีความคิดอย่างปุถุชนฟุ้งขึ้นมาด้วยเหตุนี้ จึงได้รู้จักเข้ากับวิศวกรคนหนึ่งรูปร่างท่าทางดูดีมีสง่า และยังพูดคุยบอกเล่าความในใจของกันและกันได้ เรียกได้ว่าต่างก็เป็นผู้รู้ใจของอีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนั้น ในระยะแรกๆ ข้าพเจ้ายังไม่กล้าที่จะผิดต่อแบบแผนประเพณี แต่เมื่อค่อยๆ หลีกห่างออกจากอาณาจักรธรรมไปและเขาเองก็ค่อยๆ มีเยื่อใยความรักต่อข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองก็มีความรักให้กับเขาเช่นกัน ข้าพเจ้าจึงไม่อาจห่างจากเขาไปได้ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงค่อยๆ ผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ของตนไปอย่างแอบๆ และทุ่มเทความรักความรู้สึกและเวลาทั้งหมดให้กับผู้ชายคนนั้น ข้าพเจ้าทั้งสองได้เช่าห้องอยู่ด้วยกัน แต่ไม่กล้าเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพียงแต่แอบๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันและปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้นักธรรมอาวุโสได้รู้เห็น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เมื่อผ่านไปได้สามปี ข้าพเจ้าจึงตั้งครรภ์ ข้าพเจ้าทั้งสองจึงอยู่กินกันต่อไป โดยที่ไม่กล้าแต่งงาน เพราะกลัวว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะที่ข้าพเจ้าผิดต่อปณิธานของตน แต่ว่าจะไม่แต่งงานกับเขาก็ไม่ได้เพราะข้าพเจ้ารักเขา ด้วยเหตุที่เขาเป็นวิศวกร บุคลิกท่าทางก็ดีฐานะความเป็นอยู่ทางบ้านก็ดี เขาเองก็สงสารเวทนาต่อข้าพเจ้าในตอนนั้น ข้าพเจ้าละโมบที่เขาให้ที่กินที่อยู่กับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าสามารถเสพสุขใช้เงินเป็นเบี้ยได้อย่างอิสระ สามปีให้หลังตอนที่ข้าพเจ้าจะคลอดลูกนั้น อายุก็ปาเข้าไป ๓๒ ปีแล้ว ด้วยเหตุที่ตกเลือดหลังคลอดจึงลาจากโลกนี้ไป
เมื่อผิดต่อปณิธานแล้ว ข้าพเจ้ามักจะมีความคิดที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ปราศจากปัญญา จนเมื่อข้าพเจ้าละกายสังขารไปแล้วข้าพเจ้าจึงไม่อาจเข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรมได้ แถมยังต้องถูกกักขังในคุกสวรรค์เพื่อให้บำเพ็ญดีๆ เป็นเพราะข้าพเจ้ายังคงกินเจใครจะรู้ว่าข้าพเจ้าไม่เพียงกลับคืนสู่เบื้องบนไม่ได้ แต่ยังมียมทูตขาวดำนำโซ่ตรวนเหล็กมาคล้องลากข้าพเจ้า ลงไปยังนรกภูมิเบื้องบนเอย! ช่างไม่เป็นธรรมกับข้าพเจ้าเลย ช่างไม่เป็นธรรมเลยแม้ว่าจะผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงกินเจอยู่ ทำไมพระอาจารย์จึงไม่มานำพาวิญญาณของข้าพเจ้าช่างไม่เป็นธรรมเลยจริงๆ ข้าพเจ้ากินเจมาตั้งสิบยี่สิบปีแล้ว เหตุใดจึงต้องตกไปสู่กำมือของพญายมราชด้วย พญายมราชได้ให้ข้าพเจ้าไปยังเบื้องหน้ากระจกส่องกรรม จึงได้ส่องเห็นว่าข้าพเจ้าเองผิดต่อปณิธานใหญ่ที่ตั้งไว้ หลอกลวงนักธรรมอาวุโส ดูหมิ่นพระโองการสวรรค์และไม่รู้จักรักทะนุถนอมตนเอง ถึงตอนนี้แล้วข้าพเจ้าจึงเข้าใจแจ่มชัด ผิดบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำนั้นยากที่จะนิรโทษผ่อนผันให้ได้! ข้าพเจ้าเคยได้วิงวอนขอร้องต่อพระอาจารย์ด้วยความลำบาก ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเป็นคนใหม่อีกครั้ง แต่พระอาจารย์กล่าวว่า “ในอดีตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เตือนสติเจ้าไปแล้ว แต่เจ้าก็ฟังไปเหมือนลมผ่านหูหลายครั้งที่บอกกล่าวตักเตือน แต่เจ้าก็ไม่เข้าใจแล้วจะเคืองโกรธโทษใครได้ล่ะ?” ตอนนี้ข้าพเจ้าถูกกักขังอยู่ที่ “นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บ” ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ห่มคลุมกันหนาวได้ที่ต้องเจอะเจอตลอดทั้งวัน ก็คือลมหนาวพัดกระหน่ำเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน และบนพื้นยังเป็นน้ำแข็งด้วย เหน็บหนาวจนทั้งเนื้อทั้งตัวยากจะทนได้ไหว จึงกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นนั้น ช่างเจ็บปวดทุกข์ทนเหลือเกิน ทรมานจริงๆ แถมยังอับอายด้วย ข้าพเจ้าผิดไปแล้วข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้า ผิดไปแล้ว ข้าพเจ้าไม่กล้าอีกแล้วพระอาจารย์โปรดช่วยเหลือศิษย์ด้วย พระอาจารย์โปรดฉุดช่วยศิษย์ด้วย ศิษย์จะสำนึกขอขมาด้วยใจจริง ขอพระอาจารย์ได้โปรดช่วยศิษย์ด้วยเถิด
หลังจากนั้น เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ ขณะที่พระอาจารย์ได้นำพาวิญญาณของสามคุณร่างทรงคนหนึ่ง ไปเยี่ยมชมนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บนั้น สามคุณท่านนั้นได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้ามีโอกาสบรรลุปณิธานได้อีกอย่างหนึ่ง เธอเต็มใจที่จะให้ข้าพเจ้าหยิบยืมกายสังขารของเธอ เพื่อมาปรากฏกายเป็นการชั่วคราวเพื่อบอกเล่าความเป็นมาของตนเอง ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสมาตักเตือนชี้แนะเมธีทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ ว่าอย่าได้โง่เขลาอย่างข้าพเจ้าเป็นอันขาด ถ้าบำเพ็ญธรรมโดยไม่มีปัญญา เชื่อถือตามข่าวเล่าลือของผู้อื่น ที่บอกว่า เมื่อพระอาจารย์หญิงกลับคืนเบื้องบนแล้วพระโองการสวรรค์ก็ถูกเก็บกลับคืนไปด้วย จึงผิดต่อปณิธานที่ได้ตั้งไว้ ข้าพเจ้าผิดไปแล้ว ข้าพเจ้าผิดไปแล้วจริงๆเมธีทั้งหลายบำเพ็ญธรรมก็คือบำเพ็ญจิตญาณของตน ถึงแม้ว่ามหาธรรม(อนุตตรธรรม) จะเผยแพร่มาจากพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ทั้งสองพระองค์ผู้รับสนองพระโองการสวรรค์จากเบื้องบน แต่การบำเพ็ญก็ยังเป็นเรื่องของแต่ละคนเอง การตั้งปณิธานนั้นก็เป็นไปเพื่อเบื้องบน และเพื่อจิตใจอันดีงามของตนเอง โดยไม่ได้เป็นการตั้งเพื่อให้พระอาจารย์ชาย พระอาจารย์หญิงเฉียนเหยิน หรือเตี่ยนฉวนซือได้ดู หากผู้ใดมีจิตใจเป็นไปอย่างนี้ข้าพเจ้าขอบอกเตือนเมธีทั้งหลาย ว่าเราจะต้องกระจ่างแจ้งกระจ่างชัดต่อหลักธรรมสายนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นเหมือนกับข้าพเจ้า คำพูดพกลมเพ้อฝันของผู้อื่น ก็ทำให้เราต้องผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ที่ตั้งไว้ หากเป็นเช่นนี้ เราย่อมมีส่วนอยู่ในนรกถูกภูเขาอินซันในอเวจีทับร่างอย่างแน่นอน
เมื่อข้าพเจ้าเองผิดต่อปณิธานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกไม่สบายที่ตรงไหน ข้าพเจ้าเองก็ยังคิดอย่างปราศจากปัญญา นั่นเป็นเพราะข้าพเจ้าเองได้ตั้งปณิธานกินเจ และไม่ได้ละเมิดแตกศีลเจด้วยและได้บำเพ็ญตนเองอย่างเต็มกำลัง เพียงแต่ไม่กล้าที่จะออกไปบรรยายธรรมเจริญปณิธานเท่านั้น ทุกครั้งที่นักธรรมอาวุโสให้โอกาสข้าพเจ้าได้ออกไปเจริญปณิธาน ข้าพเจ้าก็จะหยิบยกเหตุผลข้ออ้างมาบอกปัด รวมทั้งยังปกปิดกับนักธรรมอาวุโสด้วยว่า ร่างกายตนเองไม่สบาย ปกปิดอย่างนี้มาได้สามปี หลังจากนั้นตอนที่ข้าพเจ้าจะคลอดลูก เบื้องบนจึงได้ให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความไม่สบาย แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็สายเกินไปแล้ว แค่เกิดอาการตกเลือดมากหลังคลอด ก็ถูกยมทูตขาวดำลากตัวลงไปตัดสินโทษและรับโทษยังนรกภูมิ ถึงตอนนั้นข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงแม้ข้าพเจ้าจะได้ตั้งปณิธานกินเจ แต่ก็ได้ผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์เบื้องบนก็ย่อมไม่ให้อภัย ไม่ว่าข้าพเจ้าจะสำนึกขอขมาอีก จะวิงวอนขอร้องพระอาจารย์อีกก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีกายสังขารที่จะไปสร้างบุญเจริญปณิธาน เพื่อลบล้างความผิดพลาดผิดบาปที่ผ่านมาในอดีตได้อีกแล้ว ข้าพเจ้าช่างโง่เขลา ข้าพเจ้าช่างเบาปัญญาจริงๆเหตุใดข้าพเจ้าจึงโลภมากอยากได้ เหตุใดข้าพเจ้าจึงไร้ปัญญาเช่นนี้
ขอวิงวอนให้นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสารด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะผิดพลาดอีกแล้ว ข้าพเจ้าขอคารวะให้ ข้าพเจ้าขอกราบให้ ขอให้ท่านมอบโอกาสให้ข้าพเจ้าอีกสักหน่อย ถึงจะให้ข้าพเจ้าไปเกิดในชาติกำเนิดที่ภูมิวิถีหก ข้าพเจ้าก็เต็มใจขอเพียงแต่ให้ข้าพเจ้า พ้นออกไปจากนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บได้เป็นพอ นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสารช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด!ที่นรกแห่งนั้นทุกข์ทนลำบากเหลือเกิน นักธรรมอาวุโสที่ได้เห็นอยู่ตรงนี้ ก็เป็นเหมือนอย่างข้าพเจ้าที่ได้ตั้งปณิธานใหญ่ หวังว่าทุกคนจะรอบคอบระวังความคิดจิตใจของตนเองตลอดเวลา อย่าได้ก่อเกิดจิตใจวุ่นวายสับสน จนนำมาซึ่งพันธนาการจากเหตุปัจจัย นักธรรมอาวุโสทั้งหลาย ขอให้รู้ถึงความร้ายกาจจริงจังของสิ่งที่ไร้รูปลักษณ์ เพียงแค่จิตใจของเราไม่เที่ยงตรงดีงามหรือกระเพื่อมสั่นไหว มารทั้งหลายก็จะมาช่วยเหลือ น่ากลัวเหลือเกินในตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าจะลงเอยเช่นนี้ ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าจึงรู้แล้วแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายเกินการณ์ วิงวอนให้นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสาร วิงวอนให้พระอาจารย์เมตตาสงสาร ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสพ้นจากนรกแห่งนั้นเพื่อไปเกิดกายใหม่ ต่อให้ต้องไปเกิดในชาติกำเนิดที่ภูมิวิถีหกข้าพเจ้าก็เต็มใจ ข้าพเจ้าไม่อยากอยู่ในนรกแห่งนั้นอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ในนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บอีกแล้วข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาสองปีแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่มีกายเนื้อแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นการเกิดการตายได้
ข้าพเจ้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ในตอนนั้นคิดว่าเบื้องบนคงไม่รู้แน่ๆที่รู้ก็คือว่าข้าพเจ้ากินเจ และไม่ได้แตกศีลเจด้วย แม้จะได้รับการชี้แนะตักเตือนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็คิดว่าจบอยู่แค่นั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดถึงเรื่องของข้าพเจ้า ดังนั้นจึงลุ่มหลงถลำลึกลงไปอีกข้าพเจ้าไม่อยากอยู่ที่นั่นอีก ไม่อยากอยู่ที่นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บอีกแล้ว.. ข้าพเจ้ายินดีที่จะไปอยู่ในคุกสวรรค์เพื่อสำนึกขอขมา ถ้าได้กลับไปอยู่ที่คุกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็จะสำนึกขอขมาและบำเพ็ญขัดเกลาให้ได้ดี