พระโอวาทผู้เฒ่าคุณฟ้า เทียนเต๋อเหล่าเหยิน
ชั้นวิริยะตน (จื้อหลวี่ปัน)
วันที่ 9-10 มกราคม พ.ศ. 2543
ณ วิหารเทียนเซิ่งฝอเอวี้ยน ฮวาเหลียน ไต้หวัน
ข้าควบคุมคุกสวรรค์เผยความลับ
จดบุญบาปดวงเนตรฟ้าพิศชัดหนา
จองจำด้วยไม่บำเพ็ญคุณปัญญา
โทษนานาลงอาญามากมายมี
เราคือ
ผู้คุมคุกสวรรค์เทียนเต๋อเหล่าเหยิน รับบัญชาจาก
พระองค์ธรรมมารดา ลงสู่ธรรมสถานน้อมกายกตัญชลี
องค์ชคัตตรยาพดงส์ เมธีทั้งหลายสราญฤา
พระโอวาทผู้เฒ่าคุณฟ้า
เมธีทั้งหลายบัดนี้ ข้าได้สนองรับพระบัญชาจากพระองค์ธรรมมารดามาไขความลับสวรรค์ เพื่อตักเตือนเจ้าทั้งหลายหน้าที่ของข้าก็คือคุมคุกสวรรค์ เจ้าทั้งหลายควรรู้ว่า มีนรกก็ต้องย่อมมีคุกสวรรค์เช่นกัน คุกสวรรค์อยู่ที่ไหน? อยู่ติดกับพุทธาลัยมีทางอยู่เส้นหนึ่ง เชื่อมผ่านได้ทั้งสองที่ ที่หนึ่งมืดมิดเยือกเย็นอีกที่หนึ่งสว่างและเป็นสุขยิ่ง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าทั้งหลายจะก้าวย่างอย่างมั่นคงและระวังสำรวม กาลนี้หากไม่บำเพ็ญจริงปฎิบัติแท้ ก็จะต้องไปรายงานตัวที่ๆ ข้าควบคุมอยู่อย่าได้คิดว่าพุทธระเบียบหรือ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไม่สำคัญ อีกทั้งไม่เคารพอาจารย์เทิดทูนธรรมะ นิสัยความเคยชินมากมาย หากเป็นเช่นนี้บำเพ็ญไปก็เปล่าประโยชน์ กล่าวแก่เจ้าทั้งหลาย หากเจ้าผิดต่อกฎแห่งฟ้า จะผ่านด่านของข้าก็ไม่ง่ายเลย!...
จะบัญชาให้ขุนนางผู้คุม นำพาญาณเดิมเข้ามายังธรรมสถาน เพื่อกล่าววาจาสักเล็กน้อย (หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเทียนเต๋อเหล่าเหยินกล่าวจบ ท่านได้กระแทกไม้เท้าลงพื้นหนึ่งครั้ง ญาณเดิมก็ได้ประทับร่างของสามคุณอีกท่านหนึ่งล้มลงกับพื้น สะอื้นไห้คลานเข้ามายังห้องประชุม พุทธบริกรจึงเข้าไปช่วยพยุงเข้ามายังกลางห้องประชุม)
ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เจ้ามีเวลาไม่มากนักจงรีบเล่าถึงความผิดของเจ้าที่ได้กระทำไป !
ญาณเดิม : ข้าเป็นผู้ชาย ชื่อว่า “โจวจวิ้นเซิง” ละกายสังขารเมื่อปีหมินกั๋วที่ ๗๐ (พ.ศ.๒๕๒๔) ข้าเป็นเจ้าตำหนักพระ แรกเริ่มนั้นข้าศรัทธาต่อธรรมะมาก หลังจากได้รับธรรมะ ก็ได้ติดตามนักธรรมอาวุโสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม อาวุโสคอยส่งเสริมยกระดับอยู่เสมอ และส่งเสริมข้าให้เป็นอรรถาจารย์ ข้าจึงเป็นทั้งเจ้าตำหนักพระ และอรรถาจารย์ในเวลาเดียวกัน หน้าที่เหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ว่าข้าไม่มีความเคารพในอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บางครั้งถึงกับดูถูกดูแคลน มักที่จะคิดอยู่เสมอว่า อาจารย์ไม่รู้เรื่องในการปฏิบัติงานธรรม ไม่เข้าใจในเรื่องราวต่างๆ เขาจึงถือดีอวดตน คิดว่าอาจารย์ด้อยกว่าข้าในทุกๆ ด้าน บางครั้งก็ปากอย่างใจอย่าง ข้าเป็นถึงเจ้าตำหนักพระ แต่ไม่เคารพต่ออาจารย์เตี่ยนฉวนซือ บาปหนักเหลือเกินในยามที่ทำบุญ ให้ทานข้าก็จะยึดติดในรูปลักษณ์ หากไม่เห็นเป็นรูปลักษณ์ ก็จะคอยสอบถามอาจารย์ว่า เงินทำบุญเหล่านั้นสูญหายไปตรงไหนอาจารย์ท่านบำเพ็ญดี ไม่เคยโกรธแค้น มีแต่คอยพร่ำสอนตักเตือน ต่อมาข้าฟังคำของคนรอบข้างมากไป คิดว่าอาวุโสทำไม่ถูก อาวุโสไม่เอาใจใส่ดูแลผู้น้อยตอนนี้แหละที่ข้าก้าวพลาด จึงปิดสถานธรรมอีกทั้งคบคนเลวๆ จึงทำให้ทุศีลเจแตกใหม่ๆ ก็คิดว่าลองกินดูก็แล้วกัน คงไม่เป็นไร? แต่ก็ไม่สบายใจกินแล้ว ก็กราบพระสำนึกขอขมา ทุกครั้งที่ทำผิดก็จะสำนึกขอขมาจนกลายเป็นความเคยชิน ผิดแล้วผิดอีกตอนนั้นในใจก็คิดว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ภัยคงไม่มาถึงตัว และยิ่งตอนนั้นงานทางโลกก็ไปได้ดีมาก จึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้วอาวุโสทุกท่าน บำเพ็ญธรรมจะต้องบำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรมบำเพ็ญอย่างจริงจัง
ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เมื่อรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงกล้ากระทำ!มีอะไรอีก?
ญาณเดิม : ยังถ่วงผู้คนอีกจำนวนมาก ข้าเล่าเรื่องของข้าให้ผู้ร่วมบำเพ็ญฟัง และยุให้เขาทุศีลเจแตกเหมือนกับข้าด้วยเหตุที่เป็นอรรถาจารย์ มีวาทะศิลป์ ผู้คนจึงหลงเชื่อ เป็นเจ้าตำหนักพระ แต่กลับยกเลิกสถานธรรม เลิกล้มธรรมกิจ ก็เท่ากับตัดหนทางแห่งปัญญาญาณ ของผู้คนไปมากมายเท่าใด?อยู่ในอาณาจักรธรรม ข้าก็มีจิตใจที่คับแคบกลัวคนอื่นเขาจะดีกว่า กลัวว่าจะมีบุคลากรที่เก่งกว่า กลัวว่าตนเองจะไม่มีจุดยืนบำเพ็ญธรรมอย่าได้เป็นเช่นนี้เลย ตอนนี้ข้าเพิ่งจะเข้าใจ ข้าทำผิดไว้มากมายเหลือเกิน ข้าต้องผ่านคุกสวรรค์ด่านแล้วด่านเล่าจิตของข้าทรมานนัก ยิ่งยึดติดมากเท่าไหร่ ก็ยากที่จะวางใจลงได้ในคุกสวรรค์หากสามารถปล่อยวางได้ ก็ไม่ต้องถูกคุมขัง ทุกอย่างจะต้องเป็นอสังฆตะ หวังอาวุโสทุกท่านจะเห็นข้าเป็นดังกระจกขอให้คิดให้รอบคอบและถี่ถ้วน ข้าสานึกผิดแล้วแต่มันก็สายเกินไป เมื่อทำผิดก็ต้องสำนึกด้วยใจจริง อย่าได้สำนึกแล้วสำนึกอีกอาศัยกายสมมติ เร่งรีบสร้างบุญกุศลชำระปณิธานเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถกลับคืนฐานเดิมได้ ยังสามารถบรรลุสู่มรรคผลพุทธะได้อีก
ปณิธานของเราล้วนแตกต่างกันไป บ้างก็มาเพื่อหนุนนำงานธรรม แต่กลับมาลุ่มหลง ข้าสำนึกผิดแล้ว ฮือ..ฮือ..ฮือ......
ผู้เฒ่าคุณฟ้า : เมธีทั้งหลายชั้นนี้เปิดขึ้นมาก็เพื่อให้เจ้าทั้งหลายได้สำนึกผิดขอขมา เจ้าทั้งหลายมีจิตสำนึกขอขมากี่ส่วนมิใช่ว่าทุกคนที่บำเพ็ญ จะต้องกลับไปยังคุกสวรรค์ทุกคนนี่เป็นการชี้แนะเจ้าทั้งหลาย สิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไปเมื่อครู่นี้ทุศีลเจแตก บาปนี้มหันต์นัก จะต้องตกนรกอเวจีไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เมธีทั้งหลายเจ้าจะต้องระวัง อย่าได้คิดว่าไม่มีใครเห็น คิดจะทำอะไรก็กล้าทำ เมื่อใบเทวนาคราชได้ถวายขึ้นสู่เบื้องบน ไม่ว่าจะเป็นวาจา กริยา อาการของเจ้าทั้งหลาย ล้วนอยู่ในมือข้าสิ่งที่ญาณเดิมได้กล่าวไป หากเจ้าเองก็เคยทำผิดในส่วนนั้นจงเร่งแก้ไข และจะต้องเร่งบำเพ็ญจริงปฏิบัติแท้ อย่าได้รอจนถึงประตูคุกสวรรค์ก่อน สายไปไม่ใช่เบื้องบนไม่เมตตา สวรรค์มีประตูเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าก็แหวกเข้าไปเอง ข้าก็จนใจ!
วันนี้ เห็นข้ามาตักเตือนอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่ในคุกสวรรค์ข้ายุติธรรมและเที่ยงตรงเสมอ เวลามีจำกัด หวังเจ้าทั้งหลายจะบำเพ็ญปฏิบัติด้วยความจริงใจ หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป ดีใหม?
นักเรียนในชั้น : ดีครับ/ค่ะ
ผู้เฒ่าคุณฟ้า : นำพาญาณเดิมคืนเบื้องบน ถอน..........