เมื่อพูดถึงคุกนี้ พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังเพราะว่าพวกเจ้ามักจะผิดร้ายแรง ความคิดของพวกเจ้าเคยตัดขาดบ้างไหม?แม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคิดกันอยู่เลย กลางวันก็คิดมาก กลางคืนก็ฝันฟุ้ง
แท้จริงแล้ว จิตใจของพวกเจ้าไม่ได้พักผ่อนเลย ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบวุ่นวายอย่างนี้ ความคิดจิตใจช่างมากมาย จึงง่ายที่จะมีพันธนาการผูกมัด ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะคิดมาก มีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าอาจจะได้แต่คิดเปล่าๆ มีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าไม่ได้ไปทำยากที่จะจับความคิดได้ จิตใจเหมือนกับลิง ความคิดก็เหมือนกับม้าปล่อยออกไปได้ง่ายๆ แต่จะเก็บกลับมานั้นมันยากบางครั้ง เรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็เอามาคิดสับสนวุ่นวาย ดังนั้นผู้บำเพ็ญจะต้องกำจัดอารมณ์เจ็ด และตัณหาหกทิ้งจะต้องกำจัดสามใจและสี่รูปลักษณ์ จะต้องกำจัดอกุศลกรรมบถสิบ และมิจฉัตตะแปด(มิจฉัตตะแปด คือ 1.มิจฉาทิฐิ 2.มิจฉาสังกัปปะ 3.มิจฉาวาจา 4.มิจฉากัมมันตะ5.มิจฉาอาชีวะ 6.มิจฉาวายามะ 7.มิจฉาสติ 8.มิจฉาสมาธิ (จะเห็นว่ามิจฉัตตะแปดคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอริยมรรคมีองค์แปด)) และจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด ผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์นี้มีผิดบาปหนักหนาเพราะกระทำความผิดตามแต่ความคิดของตนเอง เช่นว่า วันนี้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น เจ้าก็จะคิดไปว่าจะต่อยตีเขาอย่างไรจะเข่นฆ่าเขาอย่างไร นี่เป็นการกระทำผิด เพราะความคิดบำเพ็ญธรรมก็เช่นเดียวกัน เช่นเมื่อตั้งปณิธานกินเจก็มีความคิดที่จะทุศีลแตกเจ ปากเจแต่ถ้าใจไม่เจ ก็เป็นการทุศีลแตกเจแล้ว
ดังนั้นบำเพ็ญธรรม จึงต้องบำเพ็ญที่ปากของตัวเอง และยังต้องบำเพ็ญที่จิตใจของตัวเองอีกด้วย บำเพ็ญความคิดของตัวเองต้องพิจารณาว่าความคิดของตัวเองถูกต้องเที่ยงตรงหรือไม่?ดีงามหรือเปล่า? บริสุทธิ์หรือเปล่า? ผู้ที่กระทำผิดเพราะความคิดหรือทุศีลก็จะต้องมารับโทษอยู่ที่คุกแห่งนี้ และยังมีที่ร้ายกว่านี้อีกตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากเกินไป หรือผู้ที่มีจิตใจคับแคบเกินไป
ที่จริงแล้ว ผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากหรือมีใจคนอยู่มากก็จะต้องไปยังคุกสวรรค์หลายๆ คุกด้วยกัน ไปยังคุกสวรรค์เพื่อค่อยๆฝึกหัดขัดเกลา หากมีความคิดวุ่นวายอยู่มาก ก็จะได้รับความทุกข์ยิ่งมาก การลงโทษนี้ก็คือใจเกิดมายาภาพ เช่น ตัวไปอยู่ในท่ามกลางป่าทึบ หากว่าเป็นผู้ที่มีผิดบาปอยู่มาก ใบไม้ก็จะร่วงหล่นตลอดเวลาใบไม้ร่วงยังไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากเจ้ายังไม่เก็บกวาดใบไม้เหล่านั้นขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นหนอนบิน แล้วหนอนบินนั้นจะต้องกัดใคร? แน่นอนว่ามันก็จะต้องมากัดเจ้าเป็นเพราะว่าในป่าทึบนั้น มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ภายในเมื่อเดินครบรอบแล้ว ก็ต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ ดังนั้นความเร็วที่ต้องใช้ในการเก็บกวาดใบไม้ก็จะต้องเร็วมากขึ้น ใบไม้เหล่านี้ก็คือขยะที่อยู่ในใจของพวกเจ้านั่นเอง คนที่มีขยะในใจอยู่เยอะก็จะยิ่งยุ่งวุ่นวาย เพราะใบไม้จะยิ่งร่วงหล่นลงมามาก
ผู้ที่ยิ่งสงบผ่องแผ้วหรือไร้ความคิดที่ไม่ดีงาม เขาก็จะสามารถย้อนกลับสู่โฉมหน้าเดิมแท้ได้ ก็จะไม่มีใบไม้แห้งร่วงหล่น ต้นไม้แห่งธรรมเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นใบสีเขียว มีลมเย็นพัดโชยมาเมื่อลมเย็นพัดมาแล้ว ร่างญาณก็จะสบาย ก็จะไม่ถูกหนอนบินเหล่านั้นกัดต่อย
พวกเจ้าได้เจริญปณิธานไปพลาง แล้วก็ตัดพ้อต่อว่าไปด้วยหรือเปล่า? อย่างนี้ไม่ได้! จะต้องถูกลงโทษ เป็นเพราะจิตใจของเจ้าไม่บริสุทธิ์ดีงาม อย่าได้แปดเปื้อนกันนะ อย่างนี้เข้าใจไหม?
ดังนั้น ผู้ที่ทำผิดในสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้น จะต้องรีบสำนึกขอขมารีบบำเพ็ญขัดเกลา ใจที่ผ่านมาแล้วในอดีตอย่าได้มี อย่าได้มีความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนและเห็นแก่ตัว จะต้องบำเพ็ญขัดเกลาให้ความคิดนั้นบริสุทธิ์ผ่องแผ้วเป็นหนึ่งเดียวความคิดใดๆ ไม่ก่อเกิดก็ได้แล้ว นั่นจึงจะเป็น “ความว่างอย่างแท้จริง” ไม่ใช่ “ความว่างอย่างเท่าเทียม”