mindcyber 2 months ago

คุกถอนตะปู

พวกเจ้าเคยจับจ้องมองคนอื่นอย่างไม่วางตาไหม? อย่างนี้ก็คือ ตอนมีชีวิตอยู่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ยโสโอหัง ชอบทำลายชื่อเสียงของคนอื่น มองไม่เห็นความดีของคนอื่น เห็นคนอื่นได้ดีแล้วทนไม่ได้คอยเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น และยังชอบจับผิดคนอื่น หรือขุดคุ้ยหาข้อด้อยข้อบกพร่องของคนอื่น เพื่อทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ อย่างนี้ล้วนเป็นความผิดบาปที่ยิ่งใหญ่ เบื้อง

บนจะบันทึกบาปเหล่านี้เอาไว้


การลงโทษของคุกนี้ก็คือ ในมือของทุกคนจะถือค้อนอันใหญ่และก็จะมีตะปูให้ถืออีกคนละหนึ่งด้วยพอมีความคิดใดๆเกิดขึ้นปุ๊บ ตะปูก็จะตอกตรึงเขาเอาไว้กับพื้น เมื่อตอกไปแล้วหนึ่งตัว ก็ยังมีตัวที่สองอีกแต่ว่าค้อนเหล็กอันนั้น จะแบ่งตามแต่ความผิดบาปของแต่ละคน มีทั้งที่เบาและมีทั้งที่หนัก และมีพื้นที่แข็งหรือพื้นที่นุ่ม เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความผิดบาปของแต่ละคนเอง ถ้าความผิดบาปหนักหนา พื้นก็จะยิ่งแข็ง ค้อนก็จะยิ่งหนักนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปลักษณ์ แต่เป็นเพราะการกระทำที่ผิดบาปของตัวเอง จึงทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น


แต่ถ้าจิตใจนิ่งสงบ ไม่มีความคิดอื่นใดเกิดขึ้น สำนึกขอขมาต่อเบื้องบน เปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองเป็นคนใหม่ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณของตัวเองใสสงบผ่องแผ้ว แล้วนั่งได้อย่างเรียบร้อยอย่างนี้ก็จะไม่มีความรู้สึกแปลกๆ หรือมายาภาพ ไม่ต้องได้รับความทุกข์เข้าใจหรือไม่? ผู้ได้รับโทษเคี่ยวกรำอยู่ในคุกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะตัวเองมีสายตาที่สั้นและตื้นเขิน เหมือนนั่งอยู่ในบ่อแล้วแหงนมองดูท้องฟ้า เป็นเหมือนกบในกะลาอย่างไรก็อย่างนั้น


บางคนจำกัดที่ของตัวเอง บางคนปิดกั้นตัวเอง ถ้าเขาเข้าใจกาลเวลาของฟ้า เห็นคนอื่นเดินก้าวไปข้างหน้า เขาก็จะเดินก้าวไปข้างหน้าตาม แต่ผู้ที่ถูกลงโทษเคี่ยวกรำอยู่ในคุกนี้ ก็จะไม่เหมือนกันเขาเห็นคนอื่นเดินก้าวไปข้างหน้า แต่ตัวเองเต็มใจที่จะย่ำอยู่กับที่ ไม่เดินก้าวไปข้างหน้าตามคนอื่น แม้จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาฟ้า แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะเดินตามกาลเวลาของฟ้า ไม่เต็มใจที่จะทำตามคำชี้แนะชี้นำของเบื้องบน


ปัจจุบันนี้ มีนักธรรมอาวุโส เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือ และญาติธรรมอาวุโสจำนวนมาก ได้ใส่ร้ายทำลายเรื่องของการปรกโปรดสามโลกเพราะเขาไม่ได้เข้ามาร่วมด้วย ได้ยินคนอื่นเขาพูดมาอย่างนี้ ก็พูดตามไปอย่างนั้น ฟังเขาลือๆ กันมาอย่างนี้ น่ากลัวไหมล่ะ? คนอื่นเขาพูดอะไรกันมา ไม่ควรที่จะเชื่อเพราะอาจจะไม่จริงก็ได้ ปัจจุบันนี้มีนักธรรมอาวุโสมากมายในอาณาจักรธรรม ที่ไม่ได้เข้าใจถึงกาลเวลาของฟ้าใส่ร้ายลบล้างเรื่องของสามโลก พวกเจ้าลองคิดๆ ดูว่า การปรกโปรดสามโลกนี้ใช่หรือไม่ใช่ว่า ตอนที่พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิงยังคงมีชีวิตอยู่ได้ปฏิบัติเรื่องใหญ่ที่ว่านี้? ใช่หรือไม่ใช่ว่า ในพระโอวาทของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มีการกล่าวถึง “ฉุดช่วยอย่างกว้างขวางทั้งสามโลก”หรือ “ยุคสามวาระท้ายปลายกัป” ใช่หรือไม่ใช่ว่า ได้มีการหยิบยกกล่าวถึง “ยุคท้ายปลายกัปเก็บงานพร้อมสมบูรณ์”?


ในขณะที่พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิงยังมีชีวิตอยู่สามารถปรกโปรดสามโลกได้ แล้วทำไมหลังจากที่พระอาจารย์ชายพระอาจารย์หญิงได้ละกายสังขารไปแล้ว ศิษย์ทั้งหลายจึงไม่สืบทอดต่อพระปณิธานของพระองค์ทั้งสอง โดยกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติสืบต่อไปอีก? นี่ก็เหมือนกับว่า ในวันนี้มีอาจารย์คนหนึ่งถ่ายทอดเคล็ดลับของการรักษาโรคให้กับลูกศิษย์ไป ถ่ายทอดให้ไปสิบตำรับยา พออาจารย์ได้ตายจากไปแล้ว ลูกศิษย์คนนั้นก็ไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดลับที่ว่านี้ไปให้คนอื่นๆ ต่อ ได้แต่พูดอย่างง่ายๆ เป็นเพียงตำรับยาอย่างง่ายๆ อย่างนี้จะเป็นวิธีการที่ตรงเป้าหรือไม่ตรงเป้า


การปรกโปรดสามโลกนั้น เป็นมหาปณิธานของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง พวกเจ้าเองก็เป็นถึงศิษย์ของพระอา-จารย์ชายกงฉังและพระอาจารย์หญิงจื่อซี่ ล้วนแต่เป็นลูกที่ดีของเบื้องบน ก็ควรที่จะกล้าแบกรับขึ้นมา จะต้องเข้าใจกาลเวลาของฟ้า อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอน้ำใจเพราะไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างชัดเจน แล้วก่อให้เกิดการใส่ร้ายทำลาย ดั่งกับนั่งมองฟ้าอยู่ในบ่อ ขีดเส้นตีกรอบขังตัวเองไม่เต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้าเดินไม่ทันก้าวย่างของนักธรรมอาวุโส


ผู้ที่ได้รับการลงโทษเคี่ยวกรำอยู่ในคุกนี้ ก็เป็นเพราะพวกเขาเกิดมายาภาพหลอน เช่น คิดว่าตัวเองอยู่ในบ่อน้ำ เป็นเพราะข้างล่างมีสุนัขทองแดง สัตว์ดุร้ายที่ตัวเป็นไฟ และยังมียักษ์ที่รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดอัปลักษณ์ ที่มาคอยหลอกหลอนและลงโทษประหัตประหารพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นมีเชือกเส้นหนึ่งหย่อนลงมาจากด้านบน ต่างก็พยายามที่จะปีนป่ายเชือกเส้นนั้นให้ได้ แต่เชือกก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ความคิดของแต่ละคน บางเส้นมีหนามแหลมขึ้นเต็มไปหมด บางเส้นมีหนอนพิษบางเส้นมีเดือยแหลม บางเส้นเล็กละเอียดเหมือนเส้นไหม บางเส้นหยาบใหญ่เหมือนถังใส่น้ำ


เพราะความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความผิดบาปก็ไม่เหมือนกัน ข้อผิดพลาดก็แตกต่างกัน ดังนั้นการลงโทษจึงแตกต่างกันไปไม่เหมือนกันเลย แต่ทุกๆ คนก็จะต้องหนีตายขึ้นไปข้างบนให้ได้แต่พวกเขาจะมีความรู้สึกแปลกๆ ตรงที่ว่าไม่ว่าพวกเขาจะปีนขึ้นไปได้สูงขนาดไหนแล้วก็ตาม แต่สัตว์ร้ายสุนัขทองแดง รวมทั้งยักษ์ร้ายเหล่านั้นก็ยังอยู่ใกล้ๆ พวกเขาไม่ได้หลีกห่างกันไปไหนเลย ก็ยังตามคุกคามตอแยอยู่นั่น ผู้บำเพ็ญธรรมเกิดมีจิตใจที่หวั่นกลัวได้หรือไม่? หากจิตใจเกิดความหวั่นกลัวก็จะตกไปสู่อสูรกายภูมิได้ง่ายๆ ก็จะตกไปสู่แดนมารแล้วเกิดมีภาพมายาเพ้อฝัน หากพวกเจ้าหวาดกลัวหรือหวั่นกลัวเมื่อใด ก็จะเหงื่อกาฬแตก ใจฝ่อหวาดผวา หวั่นกลัว และสั่นเทิ้มสั่นเทาด้วยความไม่รู้ ใช่หรือไม่ใช่ นี่ก็เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง


บางครั้งให้พวกเจ้าได้รู้ถึงกาลเวลาของฟ้า ให้ได้รู้ถึงเจตนาของเบื้องบน แต่พวกเจ้ากลับไม่กระตือรือร้น ไม่ก้าวไปข้างหน้าได้แต่ยึดติดกรอบของตัวเองตายตัว คิดแค่ว่าฉุดช่วยผู้อื่นได้จำ-นวนหนึ่งแล้วก็จะได้กลับคืนเบื้องบน นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างมหันต์ เพราะมีคำพูดที่พูดกันเสมือนว่า“ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” แต่ถ้ารู้ทั้งรู้แล้วก็ยังกระทำผิด ผิดบาปก็ย่อมหนักกว่าปกติ ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่รู้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิดเลยจริงๆ แต่ว่าผู้ที่รู้ว่าผิดและก็ยังตั้งใจกระทำผิด ก็จะต้องถูกลงโทษเพิ่มทบทวีเป็นสองเท่าตัว

0
237
พระอมิตพุทธเจ้า

พระอมิตพุทธเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ความเป็นมาของการจัดพิมพ์หนังสือ พระบรมมหารัตนเทวราชโองการ

1654918052.jpg
mindcyber
9 months ago

ชีวิตมีหวังปรากฏชัด

เซียนหั้งเซียงจื้อ

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ใช้ปัญญายอมรับความจริง

การมาอยู่ในโลกนี้เหมือนทางผ่านทางหนึ่ง เวลาเรามา เรามาอย่างสบายไร้กังวล เวลาเราไปก็ไปอย่าง...

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

อริโยวาท

หานเซียงจื่อ(หนึ่งในแปดเซียน)

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago