อุปมาดั่งการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำสุดท้ายย่อมว่างเปล่า ในคุกสวรรค์นั้นมีทัณฑสถานหลายแห่ง มีคนต่างๆ นานาที่ถูกจองจำกักขังยกตัวอย่าง เช่น คนที่ผิดต่อปณิธาน คนที่ผิดศีล ฯลฯคนบำเพ็ญที่ผิดศีลควรทำอย่างไรดี? ก่อนอื่นต้องดูว่ามีจิตสำนึกขอขมาแค่ไหน? มีความผิดบาปมากน้อยเท่าไหร่? ใช่ว่าฟ้าเบื้องบนจะละเลยในคุณงามความดีที่เจ้าเคยสร้างสมมาก็หาไม่ บุญกุศลก็ส่วนบุญกุศล ก็ต้องมอบมรรคผลให้เจ้า แต่ความผิดบาป
ต้องชำระสะสางให้สิ้นก่อนเท่านั้นเอง
อะไรคือ “ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำสุดท้ายย่อมว่างเปล่า” ก็คือผู้บำเพ็ญที่บำเพ็ญปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต แต่เป็นการบำ
เพ็ญปฏิบัติอย่างหลับหูหลับตา เลอะๆ เลือนๆ ทำไปก็รั่วไหลไปด้านหนึ่งได้กินเจแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งก็ฆ่าไก่ด้วย ด้านหนึ่งฉุดช่วย
คนแต่อีกด้านหนึ่งก็ขายเนื้อหมู คนประเภทที่ว่านี้ต้องมาสิ้นสุดลงเอยที่นี่แน่นอน หากจะถามว่าเขาบำเพ็ญได้ดีหรือไม่นั้น? เชื่อ
ว่าเขาบำเพ็ญได้ดีไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องเช่นกัน นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างเท่านั้น
โทษทัณฑ์อย่างนี้คือ การมีสระน้ำหนึ่งสระทุกคนจะได้รับตะกร้าที่ทำจากไม้ไผ่กันคนละหนึ่งใบ ให้ไปตักน้ำในสระเพื่อ
ถ่ายไปยังอีกสระหนึ่งที่ว่างเปล่า อย่างนี้จะทำอย่างไรดี? ให้เจ้าทำดูได้หรือเปล่า? ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำไม่สามารถรองรับน้ำไว้
ได้ใช่หรือไม่? น้ำในตะกร้าที่ตักจะรั่วไหลออกไปหมดใช่หรือเปล่า? การบำเพ็ญธรรมก็เช่นกันอารมณ์อุปนิสัยไม่เปลี่ยนแปลง
แก้ไข ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ถึงจะไม่มีความผิดบาปร้ายแรงแต่ก็ได้สะสมความผิดบาปเล็กๆน้อยๆก็ไม่แตกต่างอะไรกัน กรณี
อย่างนี้ต้องมาฝึกฝนเคี่ยวกรำที่นี่ แล้วจะฝึกฝนเคี่ยวกรำอย่างไร?ก็เรียกให้เอาตะกร้าไม้ไผ่ไปตักน้ำ ตักจนบาปหนี้เวรกรรมทั้งหมด
ถูกลบล้างไป เมื่อบาปหนี้เวรกรรมลบล้างจนสิ้นตะกร้าก็จะตักน้ำได้เองโดยปริยาย น่าอัศจรรย์จริงๆ ฟังเข้าใจหรือไม่? นั่นก็หมายความว่าบุญกุศลของเจ้าได้ปรากฏแล้วในที่สุด แม้ตะกร้าไม้ไผ่ก็สามารถรองรับน้ำได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับคนที่บาปกรรมไม่มาก ทัณฑสถานที่ว่านี้ไม่ใช่อยู่ในถ้ำแต่อยู่นอกถ้ำ