mindcyber 1 month ago
admin #avajee

ครั้งที่ 9 สัมภาษณ์คนร้ายวางเพลิงในอเวจี

    พระจี้กงประทับทรง วันที่ 25 มีนาคม  2527

อันยากดี มีจน ผลกรรมแต่ง

ล้วนปลูกแตง ได้แตง อย่าสงสัย

หากยิ้มรับ สภาพตน ดลสุขใจ

อิจฉาไย ทุกสิ่งสรรพ์ อนิจจัง

 

พระจี้กง :สุภาษิตกล่าวว่า “ชีวิตคนเราการไม่สมหวังในสิบมีแปดเก้า” ดังนั้นทุกคนจึงควรสำรวจตนเอง ค้นหาสาเหตุความผิดพลาด แล้วเร่งปรับปรุงตนใหม่ มิใช่ว่าพอประสบกับเรื่องไม่สมหวังก็โทษผู้อื่น อะไรหน่อยก็โยนความผิดให้ผู้อื่น อย่างเช่น กิจการงานหรือชีวิตสมรสไม่ราบรื่นก็โทษฝ่ายตรงข้ามหรือคู่สมรสว่าบกพร่อง โดยไม่สำรวจตนเองก่อน ว่าบกพร่องอะไรแล้วเร่งปรับปรุงตน มิใช่ปล่อยให้เลยตามเลย จนหมดหนทางแก้ไข

ชิวเซิง :นั่นซิครับ ถ้าหากทุกคนยอมสำรวจตนเอง ควบคุมตนเอง เรื่องทุกอย่างย่อมทำได้ด้วยความราบรื่นแต่บางคนไม่เป็นเช่นนั้นยังชอบไปโทษผู้อื่นอยู่เรื่อย

พระจี้กง :เพราะฉะนั้นสันดานมนุษย์จึงน่าเวทนาเช่นนี้ อันวิบากกรรมจากอีตชาติ ย่อมส่งผลถึงชาติปัจจุบันนี่คือสัจธรรมอันเที่ยงแท้ ผู้ที่มีปัญญานั้น กลับยิ้มต้อนรับวิบากกรรมนี้ ดังคำกล่าวที่ว่า “รู้จักเพียงพอย่อมสุขนิรันดร์” เปรียบดังผู้ที่ยากจนหรือพิกลพิการ พวกเขาแม้จะเกิดมาต่ำต้อยหรือขาดแคลน แต่พวกเขาก็ยังสามารถจะพอใจในสภาพของตนได้ ดังนั้นจึงมีภาษิตกล่าวไว้อีกว่า “แม้มิอาจเทียบชั้นสูง แต่เทียบชั้นต่ำกว่ายังมีเกิน” เปรียบดังคนขี่ลาเห็นคนขี่ม้าอยู่เบื้องหน้า ย่อมเทียบไม่ติด แต่เมื่อเหลียวดูเบื้องหลังยังมีชายลากรถผู้หนึ่งกำลังพยายามเข็นรถอย่างเหงื่อไหลไคลย้อย แบบนี้ตนเองยังไม่ใช่ผู้โชคดีกว่าอีกหรือ ? ฉะนั้นคนเราจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนัก ถ้ายึดถือเกินไปกลับจะทำให้จิตใจเพิ่มธาตุพิษอันมิพึงประสงค์ได้

ชิวเซิง :นั่นซิครับ

พระจี้กง :ฉะนั้นคนเราจึงควรยึดการทำคุณประโยชน์แก่สังคมเป็นหลัก การให้ทานโดยไม่หวังผลตอบแทน ย่อมทำให้สุขใจ ถ้าหากทำน้อยแต่หวังผลมากนั่นแหละคือ “โลภ โกรธ หลง” เอาละ...ได้เวลาเดินทางแล้ว

ชิวเซิง :ครับ...ผมนั่งดอกบัวมั่นดีแล้ว ไปได้แล้วครับ

พระจี้กง :วันนี้จะพาเธอไปชมสภาพของบุคคลร้ายกาจคนหนึ่ง

ชิวเซิง :ร้ายกาจยังไงครับ ?

พระจี้กง :อีกสักครู่ก็จะรู้เอง

พระจี้กง :ถึงแล้ว..วันนี้ไม่ต้องไปรบกวนเจ้าหน้าที่ยม เราตรงเข้าไปในคุกเลย

ชิวเซิง :ก็ดีครับ...แบบนี้จึงจะได้ดูของจริงกว่า

พระจี้กง :เดินช้า ๆ อย่าทำให้ตื่นตกใจ

ชิวเซิง :ครับ...โอ อาจารย์ดูซิ ข้างหน้านั่นมีกลุ่มลูกไฟสีเขียวกำลังเต้นขึ้นเต้นลง เดี๋ยวไปซ้ายเดี๋ยวไปขวา เหมือนกับไฟปีศาจรวดเร็วมาก โอ ....นั่นลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นแล้ว

พระจี้กง :เดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย เธอก็จะได้เห็นชัดเจน อันที่จริงนั่นไม่ใช่ลูกไฟ แต่เป็นวิญญาณบาปตนหนึ่งที่ร่างกายลุกเป็นไฟมันกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต จึงกระโดดโลดเต้นด้วยความกลัวสุดขีด

ชิวเซิง :อ้อ...ที่แท้อย่างนี้เอง เสียงร้องโหยหวนแสดงถึงความเจ็บปวดทรมานมาก อาจารย์รีบไปช่วยเขาทีเถิด

พระจี้กง :เรารีบเข้าไป

ชิวเซิง :โอ...วิญญาณบาปตนนั้นเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว น่ากลัวเหลือเกิน

พระจี้กง :ชิวเซิง...ไม่ต้องกลัว นี่คือผลลงเอยของคนบาป

ชิวเซิง :ทำไมไฟกลุ่มนั้นจึงมีพลังอำนาจเช่นนี้ ชั่วเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็เผาไหม้จนเหลือแต่โครงกระดูก แล้วไฉนจึงได้ปรากฏเป็นเปลวไฟสีเขียวเล่าครับ ?

พระจี้กง :เพราะว่าไฟนี้คือ ไฟโลกันตร์ ซึ่งเป็นไฟที่รวมตัวกันขึ้นจาก “ธาตุยม” ดังนั้นจึงปรากฏเป็นสีเขียว แต่อย่าดูแคลนว่าเป็นเพียงไฟโลกันตร์นะ เพราะว่าพลังอำนาจของมันรุนแรงกว่าไฟธรรมดาถึงร้อยเท่าทีเดียว

ชิวเซิง :แล้ววันนี้จะทำการสัมภาษณ์ได้อย่างไรล่ะครับ

พระจี้กง :อาจารย์จะเสกน้ำมนต์ให้ เดี๋ยวเขาก็จะค่อย ๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นมา

วิญญาณบาป :โอย...เจ็บตายแล้ว เจ็บตายแล้ว

ชิวเซิง :นี่คุณ....สวัสดี...ขอให้คุณเล่าถึงกรรมที่ได้สร้างครั้งเป็นมนุษย์ได้มั้ยครับ ?

วิญญาณบาป :ท่านเป็นใคร...ผมอยู่ที่นี่ก็ทุกข์ทรมานพออยู่แล้ว ยังจะให้เล่าอะไรอีก

ชิวเซิง :นี่คุณ....ผมคือคนทรงแห่งสำนักเซิ่งเทียนเมืองไถจุง ได้รับเทวโองการให้มาท่องนรกอเวจี ถ้าหากคุณยอมเล่าถึงเรื่องที่ได้กระทำครั้งเป็นมนุษย์เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนสติชาวโลก เชื่อว่าพระอาจารย์จี้กง คงจะรายงานให้ท่านยมบาลทราบ ซึ่งอาจจะลดความทุกข์ทรมานของคุณให้เบาบางลงได้บ้าง

วิญญาณบาป :ขอเพียงแต่สามารถลดความทุกข์ทรมานลงได้ ผมก็ยินดีจะเล่า

ชิวเซิง :งั้นคุณก็รีบเล่ามา

วิญญาณบาป :ผมเป็นคนที่เติบโตท่ามกลางความยากจนในสลัมแห่งหนึ่ง พ่อแม่ก็อายุมากและเจ็บป่วยบ่อย ๆ เมื่อสมัยเป็นเด็ก ไม่ว่าอาหารการกินหรือเครื่องนุ่งห่ม ล้วนแต่สู้ใครอื่นเขาไม่ได้ เหตุนี้จึงก่อให้เกิดความรู้สึกมีปมด้อย พอผมโตขึ้นก็ไปหางานทำที่ต่างถิ่น โดยได้ทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง การได้เห็นอาหารการกิน และเสื้อผ้าที่สวมใส่ของคนงานด้วยกันซึ่งล้วนแต่ดีกว่า ทำให้คิดถึงสภาพของตนเอง อันเทียบกับคนอื่นไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยใจว่าสังคมช่างอยุติธรรม ปล่อยให้ผมโดดเดี่ยว ผมจึงมักจะหาเรื่องวิวาทอยู่เนือง ๆ ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มปลีกตัวออกห่างไม่มายุ่งกับผมอีกต่อไป ทำให้ผมยิ่งทวีความคั่งแค้นโทษฟ้าโทษดินพอมีเรื่องไม่สบอารมณ์สักหน่อย ก็หาเรื่องทะเลาะวิวาทก่อเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ผู้จัดการโรงงานเห็นผมร้ายกาจเช่นนั้นก็พยายามตักเตือนด้วยความหวังดี แต่ผมหาใส่ใจหรือเชื่อฟังความหวังดีนั้นไม่ จนผู้จัดการโรงงานเห็นว่าหมดหนทางอื่นแล้ว จึงปลดผมออกจากงาน ผมไม่เพียงแต่ไม่สำรวจความประพฤติของตนเอง ยังกลับเพิ่มความร้ายกาจยิ่งขึ้นโดยแอบวางแผนปฏิบัติการแก้แค้น คืนวันหนึ่งผมได้ลอบเข้าไปในโกดังโรงงาน เอาน้ำมันเบนซินถึงหนึ่งราดไปที่ซึ่งติดไฟง่าย แล้วจุดไม้ขีดไฟ ฉับพลันโรงงานทั้งหลังก็ตกอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง คนงานสิบกว่าคนที่นอนหลับอยู่ในนั้นต่างก็หนีออกไม่ทัน คนทั้งหมดถูกเผาทั้งเป็นอยู่ในกองไฟนั่นเอง

ชิวเซิง :โอ...โหดเหี้ยมจริง ๆ แล้วต่อจากนั้นละ?

วิญญาณบาป :หลังจากนั้นผมก็เที่ยวหลบ ๆ ซ่อน ๆแม้ว่าจะถูกทางตำรวจออกหมายจับ และประกาศจับ แต่ผมได้เปลี่ยนชื่อแซ่แล้วไปทำงานที่เหมืองหินทรายแห่งหนึ่ง จนเมื่อถึงวัยกลางคนผมเกิดมีอาการปวดที่หัวใจอย่างรุนแรงและรู้สึกคล้ายกับว่ามีสิ่งลึกลับแฝงเร้นในตัว ได้พยายามเสาะหาหมอยาและหมอผีรักษา แต่ไร้ผล ในที่สุดจึงได้เสียชีวิต

ชิวเซิง :แล้วเหตุการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?

วิญญาณบาป :หลังจากตายแล้ว ก็ถูกยมทูตขาวดำจับไปที่เมืองนรก ได้ถูกท่านยมบาลด่าประฌามเสียพักใหญ่แล้วจึงถูกส่งไปรับโทษทัณฑ์จากนรกขุมต่าง ๆ ตามลำดับ ครั้งสุดท้ายได้ถูกตัดสินให้มาทนทุกข์ทรมานที่นรกอเวจีนี่ ทุก ๆว ันต้องถูกไฟโลกันตร์เผาอย่างเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ทุกครั้งเมื่อถูกเผาจนเหลือแต่โครงกระดูกแล้วพวกนิรยบาลก็จะเอาน้ำคืนวิญญาณสาดให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก แล้วก็ต้องถูกไฟโลกันตร์เผาผลาญอีก เป็นอยู่เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหลือเกินแล้ว

ชิวเซิง :ก็ใครใช้ให้คุณอยากใจคอคับแคบ ทั้งวางเพลิงอีกด้วย จึงต้องรับกรรมเช่นนี้

พระจี้กง :เอาละ....ดึกมากแล้ว วิญญาณบาปตนนี้มีความรู้สึกสำนึก และวันนี้ได้เล่าเรื่องตามความเป็นจริงบันทึกลงในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ เราจะแจ้งไปยังท่านยมบาลให้ลดโทษลงบ้าง

วิญญาณบาป :ขอบคุณพระอาจารย์ที่เมตตากรุณา

พระจี้กง :ชิวเซิงนั่งดอกบัวให้มั่นคง เตรียมตัวกลับกันเถิด

ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้

พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง


0
146

ธรรมสัมพันธ์พบยาก

ปทุมชาติโพธิสัตว์ (เหลียนฮวาเซินต้าลือ)

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

บันทึกอานิสงส์ผลบุญจากการนับถือ หนังสือเทวราชโองการ

สำนักธรรมเคอยุ่นถัง

1654918052.jpg
mindcyber
4 months ago

ทำอย่างไรจึงจะพบสุข

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ครั้งที่ 44 ตอน ท่องแดนลากไส้นรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
4 months ago

วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่2

สุนัขดำครวญครางถึงเวรกรรมที่ตนก่อไว้ สัตว์เลี้ยงทุกข์ทรมานเพราะชาติก่อนได้ทำชั่ว

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago