mindcyber 3 months ago

วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่9

เต่าทรงศีลแสดงธรรมะอันลึกล้ำ ปลาไหลบำเพ็ญธรรมชำระบาป

อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 8 สิงหาคม 2524 กลอนว่า:

   เวียนเกิดเวียนตายไม่หยุดยั้ง

ก่อกรรมยังทำเข็ญชอบัดสี

เกิดเป็นร่างเดรัจฉานศีลบ่มี

พากเพียรดีบ่มนิสัยให้ละมัย

เป็นสัตว์ดัดฝึกเพียรแสนยากนัก

เปลี่ยนโฉมลักษณ์ร่างล้างดวงฤทัย

เบิกฟ้าใหม่สวรรค์โปรดสามโลกไท

หฤทัยแปรเปลี่ยนเป็นจิตทิพย์

อรหันต์จี้กง :มนุษย์ที่เกิดมาในโลกที่อิสระและเสรี ไม่ต้องเป็นห่วงกับปัจจัย 4 ยังสุรุ่ยสุร่ายไร้ประโยชน์ยอมสละความเป็นมนุษย์ซึ่งควรจะประพฤติอยู่ในศีลธรรม ประพฤติแต่บาปกรรมประดุจดังร่างอยู่บนสวรรค์วิมาน แต่เท้าอยู่ในเมืองนรกปานนั้นเสาะแสวงหาความมืดมิด น่าสงสารยิ่งนัก โชคดีที่สวรรค์ยังปราณีต มีเมตตาธรรม สัจธรรมอุบัติขึ้นในโลก เผยแผ่ธรรมกอบกู้มวลสัตว์ ถ้าหากคนยังประพฤติชอบบำเพ็ญธรรม โอกาสทองพลาดไปแล้ว การสำนึกผิดก็สายเกินไป สัตว์เดรัจฉานแม้ร่างต่างคน แต่วิญญาณนั้นไม่ต่างกัน มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ป่าเขาจะลึกทึบเพียงใด ก็ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ร่ำไปสักวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อบำเพ็ญเพียรถึงที่สุดแล้วก็ย่อมจะละร่างกลับขึ้นสู่สวรรค์แดนบรมสุข ถ้าหากไม่เชื่อฉันจะพานายหยางไปดูให้กระจ่างตาจะได้ยืนยันว่า ข้ากล่าวไม่ผิด หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางได้

หยางเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง :คืนนี้เราไปฟังธรรมเทศนากันเถอะ

หยางเซิง :ไปฟังธรรมเทศนาที่ไหนกันครับ

อรหันต์จี้กง :มนุษย์บำเพ็ญเพียรเป็นสิ่งธรรมดา แต่สัตว์เดรัจฉานบำเพ็ญเพียรนี่ซิอัศจรรย์นัก ถึงทะเลสุริยัน-จันทรา(ทะเลสาปสุริยัน-จันทรา อยู่ตรงกลางของไต้หวัน)แล้วลงจากปทุมทิพย์ได้

หยางเซิง :อากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ มาถึงทะเลสาปน่าจะ ถือโอกาสดี อยากลงอาบน้ำสักครั้งก็จะดี

อรหันต์จี้กง :ศิษย์รักอย่าไร้เดียงสานักเลย วันนี้เรามาเยี่ยมเยือนเต่าที่เขามาปล่อยเมื่อครั้งก่อน “เต่าทรงศีล” เจ้าเต่าทรงศีลโผล่หัวขึ้นมาหน่อย มาดูซิใครมา วันก่อนช่วยชีวิตเธอวันนี้กลับมาหารีบขึ้นฝั่งเถอะ เล่าถึงความลี้ลับให้ฟังหน่อย!

หยางเซิง :ยืนอยู่บนฝั่งเห็นฝูงเต่าว่ายน้ำเข้ามาหา ดูเหมือนมันรู้ว่าเรามาเยี่ยมเยือน

อรหันต์จี้กง :ใช่แล้ว พวกเต่านี้เป็นเต่าทรงศีล พวกมันอาศัยอยู่ในน้ำใสสะอาด ระบายลมปราณ ฝึกฝนธรรมะ รัศมีเต็มเปี่ยม สามารถมีชีวิตยืนยาว พวกเต่ามากันพร้อมหน้า ฉันจะคุยกับมันดู “เต่าเอย” จากกันนานวัน อยู่ข้างหน้าเจ้าจำได้ไหม? ช่วยชีวิตให้อยู่รอด อยู่ปลอดภัยในน้ำ บำเพ็ญธรรมฝึกฝนกายเปิดเผลเคล็ดลับ ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังหน่อย!

เต่า :ขอบคุณ ท่านอาจารย์ วันนี้ท่านอรหันต์เสด็จมาส่องไสวทั่วทะเลสาป ในใจผมนั้นปลาบปลื้มยิ่งนัก ผมนั้นเดิมทีอยู่ที่ไทเปในทะเลสาบ “ปี่ถาน”(อยู่ในชานกรุงไทเป) วันหนึ่งมีเด็กคนหนึ่งมาพบเข้า นำไปขายให้กับร้านขายของสดๆ ตระหนกตกใจจนน้ำตาไหลนองหน้า โชคดีถูกคนซื้อไปยังเมืองไถจง มาซื้อต่อไป เพื่อนำไปปล่อยเนื่องในงานวันเกิดของมารดา ผมและพรรคพวกเป็นร้อยโชคดี ถูกนำไปที่สำนักเซินเต๋อถัง ได้รับการประพรมน้ำมนต์จากเจ้าแม่กวนอิม รู้สึกตัวถึงอดีตชาติขึ้นมาทันที เนื่องจากชาติก่อนเป็นพระฉันเจ ครั้งแรกก็ตั้งใจดีพอบวชได้ 3 ปี กิเลสก็พอกหน้าขึ้นทุกวัน เกิดความโลภในลาภ สักการะของผู้ใจบุญ เอาของมาเป็นส่วนตัว มิหนำซ้ำยังเอาที่ดินที่ชาวบ้านบริจาคไปขายเข้ากระเป๋า ซึ่งผิดศีล พอตายลงแทนที่จะไปนิพพานกลับไปลงนรก บาปกรรมติดตัวตกลงขุมนรก 5 ปี พอพ้นจากขุมนรกก็เกิดเป็นเต่า ชดใช้หนี้กรรม บำเพ็ญเพียรต่อ อาศัยน้ำใสสะอาดและอากาศที่บริสุทธิ์ดำรงชีวิตอย่างหนาวเย็นและโดดเดี่ยว เนื่องจากมีกรรมดีอยู่บ้างโดยอาศัยกฎแห่งกรรมนี้ จึงได้รับการปลดปล่อย จากท่านผู้ทรงศีลของสำนักเซินเต๋อถัง ด้วยบารมีท่านโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม และอรหันต์จี้กง ทำให้การบำเพ็ญเพียรของผมก้าวหน้าไปเป็นอันมาก บุญคุณท่านใหญ่หลวงนัก ตอบแทนไม่รู้หมด

อรหันต์จี้กง :พวกเธอเดิมทีเป็นสานุศิษย์พระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม อธิษฐานอุทิศชีวิตเพื่อปวงชนเป็นเพราะกิเลสยังไม่สิ้น ทำให้ผิดศีล ทำให้ตกไปสู่อบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานโชคดีที่ยังมีบุญบารมีอยู่บ้าง ทำให้ได้พบกันในวันนี้ กรุณาบำเพ็ญเพียรอย่าได้ขาด ภายภาคหน้าเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมเมื่อไรก็จะละร่างกลับขึ้นสู่แดนสวรรค์อันบรมสุข

หยางเซิง :ท่านเต่าทรงศีล ท่านรู้จักบำเพ็ญเพียร น่าอิจฉายิ่งนัก จะกรุณาเปิดเผยถึงความลี้ลับให้ฟังหน่อยจะได้ไหม?

เต่า :มนุษย์เนื่องจากกามคุณ รุมเร้า ก่อให้เกิดอารมณ์เร่าร้อน ลมหายใจถี่ อายุก็สั้น อีกอันก็เนื่องจากสังคมธุรกิจชีวิตเร่งรีบ หายใจถี่เร็ว เลือดขุ่นข้น ประดุจดั่งน้ำหลากเต็มไปด้วยโคลยตมไหลพุ่งรุนแรง ที่ใดที่ไหลผ่านก็สร้างความเสียหายย่อยยับ ต้นไม้ถูกถอนรากลอยตามน้ำ เพราะความรุนแรงของกระแสน้ำและโขดหินริมธาร ทำให้ต้นไม้กระทบกระแทกจนขาดหัก ดูผิดรูปร่างเดิม มนุษย์หากชอบขวางโลกจิตใจเสื่อมโทรม ดังนั้นร่างกายก็เปลี่ยนแปลง เมื่อคนเราตายลง บางคนก็ไปเกิดใหม่ไม่สามารถยืนตรงเหมือนคน หลังเต่ามันมหนักมาก ไม่มีหนทางยืนขึ้นมาได้เลย

หยางเซิง :ท่านเต่าทรงศีล ท่านก็อย่าได้ลงโทษตัวเองมากไปเลย ท่านกลับเกิดเป็นเต่าทรงศีล สมาธิ ปัญญา ยังมีอยู่ รู้สำนึกคอยฝึกฝนธรรมะ ก็น่าจะสบายใจได้แล้ะ จะกรุณาเล่าถึงวิธีการฝึกธรรมะ เพื่อให้ชาวบ้านได้พิจารณาดูบ้างจะได้ไหม?

เต่า :ได้ครับ ตอนนี้ก็จะเล่าถึงวิธีฝึกหัดธรรมะ บำเพ็ญเพียรมาเล่าให้ชาวบ้านฟังดู เชื่อแน่ว่า ทุกคนคงได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเต่ากับกระต่ายที่แข่ง วิ่งกัน กระต่ายก็คือ “ความโลภ”ของคน ใจไม่อยู่กับร่องกับรอยโลดเต้นไปเรื่อยๆ เต่าก็คือ “ธรรมะ” ของคน นิ่งสงบเงียบ การกำเนิดชีวิตของคนก็เหมือนกับการแข่งขันของเต่ากับกระต่าย เริ่มต้นวิ่งโลดนำหน้าไปไกลๆ อย่างกระต่าย ทำให้อ่อนเหนื่อยจนต้องนอนพัก ในที่สุดเต่าก็ตามมาทันและล้ำหน้าไป ชีวิตเต่านั้นยืนยาว กระต่ายชีวิตสั้นไม่นานก็สูญหาย ส่วนเต่านั้นมีการบำเพ็ญเพียรดี ตัดความใคร่ ห่างจากความเกี่ยวดง พวกท่านต้องเข้าใจความหมายให้ลึกซึ้ง พอมนุษย์เกิดมา จิตเดิมถูกความกระสันอยากของวัตถุบดบัง ดังนั้นจึงต้องอาศัยความเมตตาของสวรรค์ ช่วยชะล้างกิเลสให้หมดจะได้เห็นจิตเดิม เต่าอาศัยอยู่ในน้ำ สามารถมีชีวิตยืนยาว อาศัยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติในการดำรงชีวิตเต่าประดุจทหารเดินดิน กระดองเป็นมันเกราะหุ้ม กายอาศัยความดีเลี้ยงตัว ช่วยเลี้ยงลมหายใจให้ยืดยาว แต่ละลมหายใจระบายสิ่งเสียออกรับลมสะอาดเข้า ปิดกั้นอารมณ์อยาก ปัดเป่ากิเลส อาศัยอยู่ในน้ำไหล หล่อเลี้ยงชีวิต ลองดูในแหล่งน้ำไม่ไหลซิ นานๆ ไปก็กลายเป็นน้ำเน่าส่งกลิ่นเหม็น ยุงก็เกิดขึ้นเหมือนคนที่ตายแล้วเน่าเปื่อย ดังนั้น ชาวโลกถ้าอยากให้ร่างกายกลายเป็นกายทิพย์วิญญาณธรรมดากลายเป็นวิญญาณทิพย์ ต้องถ่ายของเสียออกทุกวัน รับสิ่งใหม่สะอาด เมื่อกายเนื้อแข็งแรงสติก็กระปรี้กระเปร่า วิญญาณเดิมก็สดใส การบำเพ็ญย่อมเกิดผล โดยปกติ การประพฤติธรรมต้องเจียมตัว การพูดจาควรกล่าววาจาในทางสร้างสรร ใช้จมูกสูดดมแต่สิ่งดีงาม ให้วิญญาณอาศัยอยู่กับบ้าน บ้านก็คือสติ สติต้องรู้ตัวอยู่เสมอไม่วอกแวก ธรรมะก็จะอยู่กับบ้านของท่านตลอดไป

อรหันต์จี้กง :ฮ้าฮ้า! การบำเพ็ญธรรมไม่เห็นต้องวุ่ยวาย การรักษาอารมณ์ก็อยู่ที่บ้านได้อย่างแน่นอน ใจคอชอบเหมือนกระต่ายที่วิ่งเต้น ดังนั้นคนที่ฝึกธรรมได้มีสักกี่คน พระพุทธรูปที่อยู่บนหิ้งบูชา มิใช่นั่งอยู่นิ่งๆ หรอกหรือ?

หยางเซิง :พูดมีเหตุผลดี ปกติมักจะกล่าวว่า “สิ่งผิดปกติมักจะเกิดจากปาก หาเรื่องมักจะเกิดจากนักเลงออกหน้า” คำกล่าวนี้มีความหมายมาก เชิญท่านเต่าช่วยให้อรรถธิบายหน่อยเถอะ

เต่า : “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” ชาวบ้านน่าจะสวดมนต์ให้มากหน่อยจะดีกว่า หรือไม่ก็ระบายลมหายใจออกมากๆ หน่อย ร่างกายจะได้รับประโยชน์ นักเลงออกหน้าแสดงความฉกาจฉกรรจ์ บางครั้งก็พ่ายแพ้เสียหน้ากลับบ้านดังนั้นถ้าหดหัวอยู่อย่างเต่า เป็นการสะสมความเก่งฉกาจเอาไว้จะยื่นหัวออกก็ต่อเมื่อระบายความสกปรกของลมหายใจเท่านั้นโดยปรกติไม่ชอบยื่นหัวออกหน้า ชอบหนีไปทางลมเย็นของธรรมะ สะสมบุญบารมีให้สมาธิ ปัญญาหล่อเลี้ยงดวงจิตอยู่เสมอ เต่าที่ชอบออกนอกหน้า โดยไม่คาดฝันก็อาจสูญเสียถึงชีวิต บางคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เปลืองตัวเปลืองใจ เป็นอันตรายของสุขภาพ จิตเดิมแท้ก็อ่อนไหว ไม่มีแรงที่จะบินสู่สวรรค์หนักกายหนักใจ วิ่งลงสู่อเวจีนรกไป ฉะนั้นท่านที่ฝึกหัดธรรมะมีจิตที่อยากหลุดพ้นจากวัฎสงสาร ก่อนอื่นควรฝึกหัดวัชระรักษากาย โดยต้องระมัดระวังเกี่ยวกับลมหายใจ ลมจากจมูกรักษากาย โดยต้องระมัดระวังเกี่ยวกับลมหายใจ ลมจากจมูกไปสู่จุดกลางสะดือย้อยกลับมาสู่ฐานของวิญญาณ อันนี้เป็นเคล็ดลับของเต่า ขอให้ท่านพิจารณาลองฝึกดู

อรหันต์จี้กง :เคล็ดลับอันนี้ เป็นการแพร่งพรายความลับของสวรรค์ คนที่สามารถตั้งใจจริงก็ลองดูได้ พวกเต่าทั้งหลายเริ่มคลานขึ้นมาสู่ฝั่ง อาฮ้า ฉันจะกล่าวเป็นกลอนบทหนึ่ง

เต่าทั้งหลาย เคยอยู่ ในน้ำเย็น

น้ำไม่เย็น เกิดท่วมขัง เหมือนบ่อบาป

แช่อยู่นาน ไร้แสงสว่าง เสื่อมสุขภาพ

เต่าขอกราบ ได้ขึ้นฝั่ง เพราะพากเพียร

เราไปเกาโซง ทะเลสาปเติ้งซิง ไปเยี่ยมเยียนหมู่เต่าที่เธอปล่อยครั้งก่อนเถอะ

หยางเซิง :ดีครับ ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้....อากาศอ้าวผ่านมาทางนี้เหมือนกับผ่านมายังถนนซีเล้ย กลางคืนริมทางมีแสงสว่างกจากแสงไฟฟ้า ชาวสวนปลูกเพิงอยู่ริมทาง มีแตงโมกองอยู่เป็นกองๆ เต็มไปหมด พวกที่ขับรถเก๋งมาก็พากันจอดเข้าข้างทางลงหาซื้อแตงโม บางคนก็ผ่ากินกันเดี๋ยวนั้น กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ท่านอาจารย์จะซื้อสักชิ้นให้แขกได้หรือไม่

อรหันต์จี้กง :บนถนนซีเล้ยมีแตงโม แตงโมเปรียบประดุจผลไม้พุทธเกษตรที่แดนสขาวดี แดนพุทธเกษตร มีน้ำฉ่ำแก้กระหายดีนัก เอาเถอะ ฉันจะเลี้ยงแขกไม่มีปัญหา แต่จงฟังเพลงเกี่ยวกับแตงโมเสียก่อน:

   สมัยก่อนพระถังสัมจั๋งเดินทางผ่านทะเลทราย

ระหว่างทางหมื่นลี้ไร้ผู้คน

เจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีเสบียงอาหาร

อุทรร้อนรุ่มหิวโหยยุ่งดังปอพัน

ริมทางเกิดมีต้นเถาวัลย์หนึ่ง

เถาวัลย์มีใบเขียวขจีชูช่อเหลือง

ถังสัมจั๋งหยุดนิ่งเพ่งพิจารณา

ในเถาวัลย์กลางต้นมีแตงโม

ดูกระจ่างเอามีดผ่าตรงกลาง

ไส้แดงเม็ดดำดังเม็ดทราย

ลิ้มรสหวานปานน้ำผึ้ง

หอมน้ำผึ้งไม่ทิ้งชาน

ถามอาจารย์ จะเก็บพันธุ์ได้เมื่อไร

ถามอาจารย์ จะปลูกแตงได้ที่ไหน

ถามอาจารย์ จะลงเมล็ดได้อย่างไร

ถามอาจารย์ รากจะงอกได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะขึ้นเป็นเถาวัลย์ได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะออกช่อได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะติดผลหนึ่งใบได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะเป็นแตงได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะต้องมาดูได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะยุ่งดังปอพันได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะใช้มีดผ่าได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะเรียกแตงโมได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะมีเม็ดดำได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะมีเนื้อดั่งทรายได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะมีรสหวานปานน้ำผึ้งได้อย่างไร

ถามอาจารย์ จะไม่คายชานได้อย่างไร

(ต่อไปนี้คือคำตอบ)

ไม่มีปีเริ่มต้นเก็บเมล็ดพันธุ์

ไม่มีพสุธาที่ให้ปลูกแตง

ถือศีลกินเจลงเมล็ดพันธุ์

ถือศีลห้าไตรสิกขางอกงามพลัน

สมาธิกล้าปัญญาเกิดดอกหน้าเถาวัลย์

ใจเผลอโทสะขึ้นเกิดดอกเหลือง

ปัญญาชาญฉลาดเกิดผลหนึ่ง

บรรลุสำเร็จอรหันต์ดังผลแตง

รู้แจ้งแทงตลอดลูกโพธิสัตว์

เปล่งรัศมีดุจดังทรายทิพย์

น้ำมนต์ดั่งน้ำผึ้งชุ่มคอหอย

ล้อธรรมะหมุนไม่หยุด ไม่คายชาน

พยมไหว้พระปัญญาเฝ้าพิจารณา

คิดมากห่วงมากยุ่งดังปอพัน

ปัญญาแจ้งตัดสินใช้มีดผ่า

ทางธรรมะที่แท้คือผลแตง

บนทางสู่พุทธเกษตรมีผลแตง

ชาวโลกไม่กินให้รู้ถึงรสชาติ

บางคนกินแตงซาบซึ้งรสธรรมะ

เหมือนดั่งถึงสุขาวดีกราบพระพุทธเจ้า

      ถ้าหากเข้าใจบทเพลงกินแตงนี้ ถึงจะรู้ว่าบนกายเรานี้ก็มีแตงโมหนึ่งลูก(หัว)แตงโมลูกนี้ยังพูดได้ หายใจได้ แต่ชาวโลกไม่รู้จักค้นหาต่างหาก ให้แตงโมมันเกิดเป็นตัวเอง ปล่อยให้มันเน่าเฉาตายไปเองน่าเสียดาย

หยางเซิง :อาจารย์ไม่เสียชื่อที่เป็นพระในศาสนาพุทธ บทเพลงแตงโมนี้แฝงไปด้วยธรรมะอันลึกซึ้ง ลูกศิษย์ฟังแล้วน้ำลายเต็มปาก ไม่กระหายน้ำแล้ว น่าอัศจรรย์

อรหันต์จี้กง :ถ้าหากไม่กระหายน้ำ พวกเรารีบไปที่ทะเลสาปเติ่งชิงกันเถอะ

หยางเซิง :ยามราตรี ทิวทัศน์ทะเลสาบเติงชิงสวยงามมากลมเย็นในฤดูร้อนโชยมา รู้สึกใจสบายสดชื่น ที่นี่ก็คือที่เราปล่อยปลา ปล่อยเต่า ยืนอยู่ริมฝั่ง สามารถพอมองเห็นฝูงปลาว่ายวนเวียน

อรหันต์จี้กง :ฉันชักจูงพวกเธอให้มาปล่อยปลาไหล เรามาถามไถ่พวกมันกันเถอะ

หยางเซิง :ด้านหน้ามีฝูงปลาไหลว่ายมาจริงๆ ด้วย ค่อยๆว่ายมาอย่างนุ่มนวล ดูเหมือนแสดงกิริยาขอบคุณต่อพวกเรา

อรหันต์จี้กง :วิญญาณของปลาไหลมีความรู้สึกไว ฉันจะใช้คาถาชักนำให้พวกมันมายังฝั่ง แล้วก็เป่าเสกให้มันสำนึกถึงวิญญาณดั้งเดิม จะได้พูดคุยกันได้สะดวก “เจ้าปลาไหลกำเนิดอยู่แต่โคลนตม คาวเหม็นไปทั้งตัวลื่นเกลี้ยง หนีไม่พ้นเบญจขันต์ ตื่นเถอะ! ตื่นเถอะ! แปลงร่างสภาพงูมา” ฉันเสกเป่าแล้วปลาไหลค่อยๆ เปลี่ยนร่างแล้ว เจ้าพูดคุยกับเขาได้แล้ว

หยางเซิง :ปลาไหล เธอจำเราได้ไหม?

ปลาไหล :ไม่ค่อยแน่ใจ แต่จำได้ว่า ท่านคือผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ขอขอบคุณที่ท่านได้เชิญเจ้าแม่กวนอิมเสกเป่าพวกเราทำให้พวกเรากลับมาสู่พุทธมรรค แล้วยังนำพวกเรามาปล่อยที่นี่ ไม่ต้องถูกจับลงหม้อแกง

หยางเซิง :ความจำยังดีอยู่ ฉันเป็นคนทรงแห่งสำนัก “เซิ่นเต๋อถัง” วันนี้ติดตามอาจารย์มาเยี่ยมเยือนพวกท่านวันก่อนพวกใจบุญมีเมตตาธรรมได้ไปซื้อพวกท่านจากตลาด นำมาปล่อยที่นี่ สวรรค์ต้องการแต่งหนังสือเรื่อง “ทางบาปสัตว์เดรัจฉาน” เพื่อเตือนสติชาวโลก จึงมาถามหาพวกท่านเป็นพิเศษ ท่านกรุณาเล่าความเป็นมาแต่ปรางก่อนได้ไหม?

ปลาไหล :ก่อนอื่น ขอขอบคุณท่านผู้ใจบุญแห่งสำนักเซิ่นเต๋อถังออกทุนทรัพย์ ช่วยชีวิตผม ไม่ต้องถูกฆ่าแกง บุญคุณอันนี้จะจำไว้ตลอดไป เมื่อมีโอกาสจะต้องตอบสนอง ผมชาติก่อนเป็นพ่อค้า เป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไว มีความสามารถ เงินทองประดุจดั่งสายน้ำไหลเทมา ชีวิตอยู่ในขั้นเศรษฐี และมีวันหนึ่ง มีพ่อค้าด้วยกัน คนหนึ่งหลอกลวงเริ่มฉีดพวกมอร์ฟีนพอฉีดเสร็จ รู้สึกกระชุ่มกระชวยร้อยเท่า ก็สามารถทำอะไรได้ตามต้องการ พอนานวัเข้าค่อยๆ ติดจนเป็นนิสัย การค้าพอตกต่ำรายได้ก็น้อยกว่ารายจ่าย และต้องฉีดมอร์ฟีนเป็นประจำทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น เลยเริ่มต้นค้าขายพวกยาเสพติด ลับๆ ล่อๆ แต่ก็เป็นหนี้สินเขาในที่สุดไม่มีเงินพอใช้จ่าย และเนื่องจากการติดยาเสพติดเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่ง พอนานเข้าปอดก็ดี ตับก็ดี ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเหมือนถูกพิษภัย พอถึงอายุ 49 ปี ก็เป็นมะเร็งปอดและโรคตับอักเสบตาย พอตายลงก็ถูกยมทูตขาว-ดำจับลงสู่ขุมนรก ถูกทำโทษ 12 ปี พอพ้นโทษก็กลับมาเกิดเป็นปลาไหล เกิดในโคลนตมเลื้อยไปเสื้อมา ดูเหมือนกระดูดอ่อน อาหารสามมื้อก็กินแต่โคลนตมน้ำเหม็นเหมือนกับสูดควันพิษของยาเสพติด รสชาติน่าสะอิดสะเอียนเป็นเพราะเคยช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดฆ่าตัวตายเพราะขาดเงิน เลยได้รับผลตอบแทนโดยชาตินี้ท่านผู้ใจบุญซื้อมาปล่อยต้องขอขอบคุณพวกท่านจริงๆ กฎแห่งกรรมตอบสนองไม่เคยเปลี่ยนแปลง หวังว่าชาวโลกจะประกอบคุณงามความดีมากขึ้น จะได้ไม่เหมือนผมตกลงสู่สภาพเช่นนี้ โชคดีที่ได้มาทะเลสาปเติ่งชิงแช่อยู่ในน้ำทั้งวัน ทำให้ร่างกายสะอาด ชะล้างลมพิษร้าย บำเพ็ญเพียรเพื่อสะสมบารมี

หยางเซิง :กฎแห่งกรรมเป็นของน่ากลัวมาก

อรหันต์จี้กง :กฎแห่งกรรมนี้หมื่นปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง ท่านได้ฟังวาจาของปลาไหลแล้ว ท่านรู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง พวกปลาไหลจงอยู่อย่างสงบในทะเลสาปแห่งนี้ ค่อยๆ ชะล้างโคลนตมที่เปื้อนกายเมื่อร่างกายไร้มลทินแล้ว ชาติหน้าก็ได้เกิดมาใหม่เป็นคนอีก

ปลาไหล :ขอบคุณท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยางเซิงที่ช่วยชีวิต

อรหันต์จี้กง :เวลาดึกมากแล้ว เตรียมตัวกลับสำนักเถอะ

หยางเซิง :รับบัญชา ผมนั่งนิ่งบนปทุมทิพย์แล้ว

อรหันต์จี้กง :สำนัก เซินเต๋อถังถึงแล้ว ลงมาได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม 

0
235

ฌานสมาธิในชีวิต

พระกุมารเทพแห่งสระทิพย์

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
วิธีทำหมี่กึง

วิธีทำหมี่กึง

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

เสียงจากเหล่าหมู่

พระชนนีแห่งสระทิพย์อู่จี้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

หนี้กรรมสามชาติ

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

อย่าโกรธ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago