mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่ 4

 พุทธเกิดจากมนุษย์บำเพ็ญธรรม               เทวดาอาคัยบุญบารมี

ธรรมกายคงอยู่เป็นนิจ                             ติดยึดในสังขารทุกข์หนักหนา

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2525

                                   กลอนนำเสด็จ

จิตประภัสสรปาน           โลกมนุษย์คือบ้าน

สังขารหนังหุ้มเนื้อ         เปลี่ยนธรรมกายสุดยัง

ประดับไว้แดนนิพพาน   พักชั่วคราวไม่จีรัง

เยื่อเกาะกระดูกดูน่าชัง    ยิ่งยืนยงคงสุขนาน

อรหันต์จี้กง : มหาสัทธรรมไม่มีความแปลกประหลาด แต่ต้องถือตามความเป็นจริง และก็ไม่ควรที่จะทึกทัวเอาว่าการปฏิบัติธรรมเป็นการหาผลประโยชน์ของกลุ่มคนพวกใดพวกหนึ่ง อันที่จริงการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการรับประทานอาหาร ใครๆก็บำเพ็ญได้ ปฏิบัติได้ โดยไม่มีอะไรแปลกพิเศษ หากแต่ว่าผู้คนมักจะปรุงแต่งต่อเติม จนกระทั่งหลายตนไม่เข้าใจถึงหน้าตาอันแท้จริงของ “ธรรมะ” ก็เลยต้องคาดเดาเอาสร้างมโนภาพ เหมือนกับคนตาบอดที่คลำช้าง บ้างก็บอกว่าเหมือนเส้นเชือก บ้างก็ว่าเหมือนไม้กวาด บ้างก็ว่าเหมือนต้นเสา ว่ากันไปต่างๆนานา ก็เหมือนยิ่งปฏิบัติธรรมยิ่งอยู่ห่างออกไป บ้างก็เลยไปรับเคราะห์กรรม ครั้งก่อนอาตมาได้รับโองการให้แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” มาครั้งนี้ได้บุกเบิก “เส้นทางอริยะ” จุดประสงค์ก็เพื่อปรับปรุงเส้นทางให้ราบเรียบ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจถึงหลักธรรมเพื่อปฏิบัติให้ถึง มีบุญบารมี สันติสุข รวดเร็วและมีประสิทธิผล

หยางเซิง :  การที่ท่านอาจารย์มีจิตที่ต้องการโปรดสัตว์โลกทำให้ศิษย์โง่คนนี้ปลาบปลื้มยิ่งนัก!

อรหันต์จี้กง : จิตสวรรค์กอปรด้วยความเมตตาสงสาร พุทธธรรมก็เปี่ยมไปด้วยความเมตตาการุญ ไม่มีการสั่งสอนมนุษย์ให้เข้าสู่ความทุกข์ยาก ส่วนผู้ที่มีอุปสรรคก็เกิดเนื่องจากความเข้าใจผิดพลาด เป็นการสรรหาเอามาเอง สำหรับอาจารย์เองก็อดทนไม่ไหวที่จะเห็นสัตว์โลกเดินหลงทางโดยไม่ช่วยเหลือ ดังนั้น จึงมีสำนักเซี้ยเต็กตึ้ง จึงได้อาศัยถาดทรายนี้มาเพื่อปรับปรุงเส้นทางอริยะ เพื่อโปรดผู้คนให้กว้างขวางหวังว่าหลายๆคนคงเข้าใจถ่องแท้ถึงจิตอาตมา หยางเซิงเตรียมขึ้นบนบัวอาสน์เถอะ!

หยางเซิง : กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง : ทางอริยะ ฉันเดิน ท่านเดิน พวกเราเดิน ทางกุศล ฉันทำ ท่านทำ พวกเราทำ หนังสือธรรม ฉันอ่าน ท่านอ่าน พวกเราอ่าน ทางสวรรค์ ฉันไป ท่านไป พวกเราก็ไป...ถึงที่หมายแล้ว

หยางเซิง : ที่นี่ที่ไหนนะ

อรหันต์จี้กง : ที่นี่ สำนักพุทธสวรรค์ เป็นที่ซึ่งเหล่าพุทธจะมาโปรดสรรพสัตว์ให้คืนสู่ดั่งเดิมเมื่อถึงวาระสุดท้ายของโลกเป็นสถานที่ซึ่งตั้งอยู่ในแดนสุขาวดี ใช้สำหรับบำเพ็ญธรรม

หยางเซิง : ครั้งก่อนเมื่อแต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองสวรรค์” ทำไมจึงไม่ได้มาที่นี่

อรหันต์จี้กง : ความกว้างใหญ่ไพศาลของสวรรค์ไร้ขอบเขตเราเพียงเลือกเยี่ยมเยือนเพียงบางแห่งเท่านั้น ครั้งนี้เรามาที่นี่ก็เพื่อบุกเบิกเส้นทางอริยะ ก็เลยมาเที่ยวชม อ้อ เห็นทีเจ้าสำนักกำลังมาต้อนรับเราแล้ว

เจ้าสำนัก : ยินดีต้อนรับ ท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยาง ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมสำนักพุทธสวรรค์

อรหันต์จี่กง : มิต้องเกรงใจ! อาตมานำศิษย์รักมาเยี่ยมเยือนที่นี่เจ้าสำนักโปรดช่วยแนะนะให้รู้จักสถานที่ด้วย

หยางเซิง : ขอนมัสการท่านเจ้าสำนัก! วันนี้ กระผมศิษย์โง่ติดตามอาจารย์ได้มาถึงพุทธสวรรค์ โปรดกรุณาชี้แนะด้วยเถิด

เจ้าสำนัก : มิต้องเกรงใจ! สำนักพุทธสวรรค์สร้างด้วยพุทธผลสำหรับผู้ที่ศรัทธาปฏิบัติธรรม รักษาศีล แม้จะไม่ได้มรรคผลหรือสร้างมกากุศลหากมีจิตยึดมั่นในพุทธธรรม ภายหลังการตายก็สามารถเข้ามายังสำนักพุทธสวรรค์เพื่อฝึกฝนปฏิบัติธรรมให้ได้ลึกล้ำยิ่งๆขึ้นไปอีก จนกว่าจะบรรลุมรรคผลบริบูรณ์ ก็จะบรรลุธรรม

หยางเซิง : เบื้องบนทรงพระกรุณามาก เพื่อให้ผู้ตั้งใจได้สำเร็จมรรคผล จึงตั้งสำนัก (ปฏิบัติธรรม) พุทธสวรรค์ขึ้นเพื่อผู้ปฏิบัติธรรมได้ชำระวิญญาณ เป็นการเพิ่มพลังรัศมีให้จิตประภัสสร สดใสสวยงามสมบูรณ์เป็นพุทธจิต นับว่าเป็นบุญบารมีของชาวโลกแท้ๆ

เจ้าสำนัก :  เพื่อโปรดสรรพสัตว์ให้ได้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ของจิตเดิมดังนั้น ที่นี่จึงมีทิวทัศน์อันวิจิตรเช่นนี้ ขอให้ชาวโลกโปรดหมี่นเพียรปฏิบัติธรรม ทุกคนย่อมมีส่วนในสวรรค์อาตมาจะพาคุณหยางไปสัมภาษณ์วิญญาณผู้ปฏิบัติธรรมบางท่าน

หยางเซิง : ขอบคุณเจ้าสำนัก! สำนักพุทธสวรรค์ เหมือนพุทธมหาสมาคมภายในสะอาดกว้างขวาง ปราศจากฝุ่นละออง มีสระบัว มีศาลา ... ต่างๆเป็นต้น ดุจดังอุทยานสวรรค์

เจ้าสำนัก : ข้างๆสำนักยังมีพระอุโบสถ โรงชำระบาป โรงพยาบาล โรงฝึกฝนจิต โรงทดสอบของมาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างด้วยพุทธบารมีทั้งสิ้น เมื่อคนตายลงมีวิญญาณบางตน ที่มีบุญบารมีไม่พอ ซึ่งไม่อาจบรรลุนิพพาน หลุดพ้นจากสามโลกได้ ก็ต้องได้รับการฝึกฝนทดสอบเสียก่อนจึงจะหลุดพ้นจากปุถุชน เข้าสู่อริยบุคคล ดังนั้น ณ แดนสุขาวดีแห่งนี้จึงมีสำนักฝึกฝน เพื่อเป็นการปลูกฝังรากธรรม เพื่อให้พวกเขาได้เข้าสู่ปรินิพพานแท้จริง

หยางเซิง : เหตุไฉนเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมตายลงยังต้องผ่านด่านอันยากสำบากเช่นนี้เล่า

เจ้าสำนัก : เป็นเพราะว่า การปฏิบัติธรรมของชาวโลกล้วนเป็นแบบกึ่งปุถุชน กึ่งอริยะซึ่งยังมีสังขารอยู่ ขอเพียงแต่ให้มีจิตใฝ่ธรรม สั่งสมบุญกุศลให้มาก เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ววิญญาณมาถึงที่นี่ ก็จะใช้เวลาฝึกฝนเพียงระยะสั้นเท่านั้นก็อาจสำเร็จมรรคผลได้ เป็นการจุนเจือสิ่งที่ขาดตกบกพร่องในโลกมนุษย์หากผู้ปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุมรรคผลสมบูรณ์ได้ในโลกมนุษย์ก็ไม่ต้องมาผ่านยังสถานที่นี้ ดังนั้น วิญญาณเหล่านี้ก็แยกย้ายไปรับการอบรมตามสำนักต่างๆเพียรวิริยะฝึกฝนจนสภาพจิตค่อยๆสดใสขึ้น จนจิตเดิมมีความสว่างรู้แจ้งก็จะเข้าสู่เขตแดนอันไร้สิ้นสุด ตอนนี้อาตมาจะพาคุณหยางไปชมดูยังพระอุโบสถ

หยางเซิง : ขอบคุณเจ้าสำนัก เดินตามหลังท่านเจ้าสำนักผ่านไปบนทางสายหนึ่ง สู่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ด้านหน้ามีอาคารหลังหนึ่งมีชื่อเขียนไว้ว่า โรงพยาบาลสวรรค์ เปล่งรัศมีแวววาว

อรหันต์จี้กง : ที่นี่คือ โรงพยาบาลสวรรค์ เราเข้าไปเยี่ยมชมที่นี่กันก่อนเถอะ

หยางเซิง : ก็ดีครับ!

อรหันต์จี้กง : มนุษย์มีโรคมาก จำเป็นต้องให้หมอรักษาชาวโลกไม่มีใครรู้ว่าบนสวรรค์ก็มีโรงพยาบาลเหมือนกันเพราะว่าจะแต่งหนังสือ “เส้นทางอริยะ” จึงได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้รู้

หยางเซิง : บนสวรรค์ก็มีโรงพยาบาลสวรรค์ พึ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก ขอท่านอาจารย์โปรดช่วยอธิบายด้วย

อรหันต์จี่กง : คิดว่าคงจะต้องให้ผู้อำนวยการเขาอธิบายจะได้แจ่มแจ้งดีกว่า

ผู้อำนวยการ : เนื่องจากอยู่ในวโรกาสโปรดสรรพสัตว์อยู่ประชาชนส่วนใหญ่จึงปฏิบัติธรรมกันแต่ในบ้าน และยุคสมัยก็เปลี่ยนไป การปฏิบัติธรรมจึงยังมิได้ละจากธุรกิจการงานดังนั้น การปฏิบัติธรรมจึงเป็นแบบกึ่งปุถุชน กึ่งอริยชนจึงมักมีเรื่องยุ่งๆรัดตัวเสมอ ดังนั่น เวรกรรมจึงไม่มีทางสิ้นสุดลง ถึงแม้จะสร้างบุญก่อกุศลศรัทธาปฏิบัติตามเส้นทางอริยะ แต่ก็มิอาจบรรละถึงธรรมจิตอันลึกล้ำได้ ไม่อาจขจัดความว้าวุ่น มีเพียงจิตที่ศรัทธาเท่านั้น พูดอย่างชาวโลก คือ ยากที่จะทำได้ ถึงแม้ไม่สามารถจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างฉับพลันแต่ก็สามารถที่จะค่อยๆจางคลายหน่ายหนี จบสิ้นเวรกรรม ก็จะสามาระมีหนทางสู่มรรคผล เนื่องจากชาวโลกมีโรคเวรกรรมหนักดังนั้นบนสวรรค์จึงมี (โรงพยาบาล) เพื่อรักษาโรคมนุษย์

หยางเซิง : หากกล่าวเช่นนี้หมายถึงว่า มนุษย์โลกนี้ต่างก็มีโอกาสจะสำเร็จเป็นพุทธะซินะ

ผู้อำนวยการ : ถูกแล้วครับ มนุษย์มีพุทธจิตอยู่แล้ว ทุกคนมีโอกาสสำเร็จพุทธะ เหล่าพุทธะบนสวรรค์ทรงเมตตา หากยังไม่อาจโปรดสิ้นสรรพสัตว์ ก็มิอาจหยุดสู่แดนนิพพาน ดังนั้น สรรพสัตว์จึงมีโอกาสอยู่ใกล้กับกระแสนิพพานมากมาย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะของโลก การสำเร็จพุทธะจึงมีหนทางค่อนข้างมาก ซึ่งเหมาะสมกับการรวมเป็นหนึ่งเดียว ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ หากพลาดโอกาสนี้แล้วก็เกรงว่า สรรพสัตว์คงจมปลักไปอีกนานเท่านาน จะรอโอกาสสำเร็จพุทธะก็ต้องรอจนถึงยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งในยุคนั้นสังคมจะเหมือนกันหมด ทุกคนจะสำเร็จพุทธะ ซึ่งเป็นยุคที่ยังมาไม่ถึง แต่ถ้ามองดูสังคมยุคนี้วิทยาการก้าวหน้า การคมนาคมสะดวก การได้รับพุทธธรรมจึงค่อนข้างง่าย หนังสือธรรมะมีให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่ในโทรทัศน์ แสงพุทธธรรมส่องทั่งถึงซึ่งบ่งบอกถึงความสิริมงคลอย่างหนึ่งมิใช่หรือ?

อรหันต์จี้กง : ท่านผู้อำนวยการกล่าวถูกต้อง ทุกคนท่องพุทโธทุกบ้านกราบพระกวนอิม สำหรับอาตมาก็มาในแนวให้ “ทุกครอบครัวเกิดพุทธะ” ช่างน่ายินดีแท้ๆนี่ก็เป็นมติสวรรค์เช่นกัน

ผู้อำนวยการ : เราคุยกันมากมากพอสมควร ขอเชิญเข้าชมข้างในกันดีกว่า!

หยางเซิง : ที่นี่ดูเหมือนโรงพยาบาล ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ มีผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงไม่น้อย บางคนกำลังรับการฉีดยา บางคนก็รอการเจียดยาอยู่ นายแพทย์แต่งกายด้วยเครืองแต่งตัวสีขาว กำลังสาละวนกับการตรวจผู้ป่วย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้นะ?

ผู้อำนวยการ : โรงพยาบาลสวรรค์บริการรักษาโรคให้แก่ผู้ปฏิบัติธรรมที่สิ้นอายุขัยแล้ว

หยางเซิง : คนตายไปแล้ว ไม่มีกายเนื้อแล้วจะมีโรคได้อีกอย่างไร?

ผู้อำนวยการ : คุณหยางคงไม่รู้อะไร หารผู้ปฏิบัติธรรมยังไม่สามารถขจัดความกังวลของจิต และยังยึดติดในรูปลักษณ์แล้วผู้ตายส่วนใหญ่กว่าร้อยละเก้าสิบ ล้วนตายด้วยโรคซึ่งยังไม่หายจากการเจ็บป่วย ทำให้จิตวิญญาณยังยึดติดอยู่กับการเจ็บป่วย ดังนั้น การตายจึงนำความรู้สึกการเจ็บป่วยไปสู่ปรโลกด้วย จึงทำให้วิญญาณผู้ตายจะดูเหมือนกำลังเจ็บป่วยด้วย ดังนั้น ทางโรงพยาบาลสวรรค์จึงอัญเชิญแพทย์สวรรค์ที่ชำนาญสิบท่านมาช่วยรักษา มีทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ ใช้เวลารักษาเพียงช่วงสั้นๆ เป็นการรักษาด้วยจิตวิทยา ส่วนใหญ่จะหายเจ็บป่วยด้วยการรักษานี้ เป็นการโปรดวิญญาณอีกวิธีหนึ่ง

หยางเซิง : หากเป็นเช่นนี้ มิเกรงว่าจะทำให้ชาวโลกคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อหรอกหรือ

ผู้อำนวยการ : หากชาวโลกคิดแบบนี้ก็คงมีความเห็นผิดไปพุทธพจน์ “มีกรรมไปเกิด” ด้วยวิธีการรักษาแบบนี้จะช่วยให้เขาเหล่านั้นได้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร คุณหยางลองดูที่เมืองนรก พวกวิญญาณก็ไม่มีการเนื้อเช่นกัน แต่ทำไมวิญญาณเหล่านั้นจึงมีความหิวโหย เจ็บปวดทรมานจากการลงโทษการทำบาปก็มีความรู้สึกจากการลงโทษ ดังนั้น ในทางกลับกัน วิญญาณกุศลก็มีรู้สึกเช่นเดียวกัน สืบเนื่องจากยังไม่พ้นจากรูปลักษณ์ จึงจำเป็นได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลสวรรค์ เพื่อเป็นการปลอบประโลมวิญญาณให้ค่อยๆปล่อยคลายจากการติดยึดในรูปลักษณ์ ให้กลับคืนสู่จิตเดิมผมจะพาคุณหยางไปสัมภาษณ์วิญญาณเหล่านั้นดูบ้าง

หยางเซิง : ขอบคุณท่านผู้อำนวยการ เดินมาถึงเตียงผู้ป่วยเตียงหนึ่ง แลเห็นคนหนึ่งมีผ้าพันแผลอยู่บนศีรษะที่ไหล่ก็ปะยาสมุนไพรอยู่ ดูเหมือนได้รับการรักษาทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ เขาทำเสียงครางอยู่บนเตียง.....

ผู้อำนวยการ : ผู้อำนวยการกล่าวกับวิญญาณกุศลแซ่ตั้งว่าคุณตั้ง โรคของคุณใกล้จะหายแล้ว แผลที่ศีรษะไม่มีปัญหาแล้ว ไม่เจ็บปวดต่อไปแล้ว ตอนนี้ท่านพระจี้กงกำลังนำคุณหยางจากแดนมนุษย์มาเยี่ยมท่าน และยังได้นำข่าวทางบ้านมาบอกท่านโดยเฉพาะ ท่านควรสบายใจได้แล้ว รีบเล่าอาการการเจ็บป่วยให้ท่านพระจี้กงฟังซิ ท่านมีอภิญญาแกร่งกล้านะ ท่านมียาในน้ำเต้ามาช่วยเหลือท่าน มีบุญบารมีแล้ว!

วิญญาณกุศล : ผมดีใจ ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นท่านที่นี่ มิทราบว่าที่บ้านผม ลูกเมียเป็นอย่างไรกันมั่ง?

อรหันต์จี้กง : ทุกคนสบายดี เธอหมดอายุขัยแล้ว หลีกห่างจากโลกีย์ทุกข์แล้ว อย่าต้องทุกข์ร้อนอีกเลย ลูกหลานก็มีบุญบารมีของเขาเอง ขอให้วางใจ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา

วิญญาณกุศล : ผมขี่จักรยานไปทำงานถูกรถยนต์ชนล้ม สมองแตก แม้ถูกส่งไปโรงพยาบาลก็รักษาไม่ได้ วิญญาณจึงล่องลอยสู่สวรรค์ สืบเนื่องจากชาติก่อนได้ถือศีลกินเจจึงได้รับอานิสงส์ เช่นนี้ แต่รู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว ดีที่ได้เข้าโรงพยาบาลสวรรค์ เทพเทวดารักษาให้ไม่ต้องใช้จ่าย ตอนนี้ก็เกือบหายดีแล้ว

อรหันต์จี้กง : เธอนี่ช่างหลงงมงายเสียจริง ที่ได้รับบาดเจ็บมันเป็นกายเนื้อของเธอ ตอนนี้กายเนื้อก็ตายแล้ว แต่สัญญาของเธอยังอยู่ จึงจดจำอาการจากกายเนื้ออยู่อีก ไม่อาจลืมเลือนได้ จึงทำให้วิญญาณรู้สึกเจ็บปวดด้วย อาตมาหวังว่าเธอต้องเข้าใจถึงเหตุผล หากยังไม่เชื่อลองคลำดูที่กายอาตมาดูบางครั้งก็รู้สึกมีตัวตน บางครั้งก็ไม่มีใช่ไหม

วิญญาณกุศล : กระผมขอคลำดู ดูเหมือนไม่มีตัวตน!

อรหันต์จี้กง : ฮาฮ้า! พวกเราตอนนี้ล้วนเป็นธรรมกาย มีพลังธาตุเกาะแน่นเป็นร่างเหมือนกับเมฆหมอก มีรูปก็ได้ ไม่มีรูปก็ได้เหมือนมายากล เปลี่ยนแปลงได้ หากเธอยังยึดติดกับกายเนี้อในโลกมนุษย์ เธอก็ถูกหลอกลวงเสียแล้ว!

หยางเซิง : ทำไมพวกเขายังมีความคิดเห็นอยู่เช่นนี้

อรหันต์จี้กง : ฮาฮ้า! สืบเนื่องจากกรรมที่ติดมายังไม่จางคลาย ดังนั้น จึงมีสภาพครึ่งรู้ครึ่งไม่รู้ ถ้าหากวิญญาณเขามีความรู้ในสัญญา เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะก้าวสู่สวรรค์อย่างอิสระเสรีก็จะไม่มีความหลงงมงายติดอยู่ เพราะฉะนั้น ชาวโลกควรทำบุญทำกุศลเพื่อทำอวิชชาให้สิ้นไป มรรคผลก็สว่างไสวไม่มืดมัว คุณตั้งไม่ต้องเจ็บปวด อาตมาจะประทานยาเม็ดอรหันต์ให้

วิญญาณกุศล : กราบขอบพระคุณท่านที่เมตตา!

อรหันต์จี้กง : รับกลืนลงไป อาตมาจะพัดโบกให้เพื่อปลุกให้ตื่น ตื่นขึ้น ฟังอาตมาพูด “โบกครั้งหนึ่ง เจ็บปวดหาย โบกครั้งสอง จิตหมดห่วง โบกครั้งสาม วิญญาณกลับสู่สภาพจิตเดิม”

วิญญาณกุศล : พอกลืนยาเม็ดอรหันต์รู้สึกกายเบาฉับพลัน รู้สึกเจ็บปวดสิ้นสุดลง แต่รู้สึกตกภวังค์

อรหันต์จี้กง : รอสักครู่ก็จะกลับสู่ความแข็งแรง เธอต้องลืมอดีตในโลกมนุษย์เพื่อเสาะแสวงหาชีวิตใหม่บนสวรรค์ เพื่อจะได้ไม่ตกต่ำลง

วิญญาณกุศล : กราบขอบพระคุณที่ท่านอรหันต์โปรดช่วยแนะนำ

อรหันต์จี้กง : วิญญาณคุณตั้งค่อยๆรู้เข้าใจขึ้น ไม่ช้าก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ฟื้นฟูธรรมกาย สุขสบายในสวรรค์ต่อไป หยางเซิง เรากลับสำนักเถอะ

หยางเซิง : ขอรับท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านผู้อำนวยการที่แนะนำ ขอลาไปก่อน

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์วิญญาณกลับเข้าร่าง


0
103

โอวาทศักดิ์สิทธิ์

ไต้ฮงโจ้วซือ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
เต้าหู้ขาวอ่อนน้ำแดง

เต้าหู้ขาวอ่อนน้ำแดง

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago
ยำปลากระป๋องเจ

ยำปลากระป๋องเจ

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

อัสนีบาตประกาศโทษ

1654918052.jpg
mindcyber
11 months ago

ยำมะเขือเผา

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago