mindcyber 1 month ago
admin #avajee

ครั้งที่ 3 พระจี้กงนำชิวเซิงท่องอเวจี

    พระจี้กงประทับทรง วันที่ 23 กุมภาพันธ์  2527

อันสมบัติ พัสถาน เป็นล้านล้าน

อาจเป็นมาร ขวางนิพพาน อย่าอิจฉา

สิ่งเพียรหา สรรพรูป ล้วนมายา

มิอาจพา ไปได้ ยามม้วยมรณ์

 พระจี้กง :มนุษย์ชาวโลกมักจะดิ้นรน เพื่อแสวงหาความสุขสบายจากวัตถุธาตุ โดยไม่คำนึงถึงแรงกายแรงใจที่ต้องสูญเสียไปเพียงเพื่อแสวงหาลาภยศสรรเสริญ หารู้ไม่ว่าชีวิตคนเราแท้จริงคือความฝันฉากหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นทุกสิ่งพลันว่างเปล่า สุดท้ายลาภยศสรรเสริญก็พาไปไม่ได้ พาไปได้แต่บาปกรรมเต็มตัว เมื่อถึงตอนนั้นจึงจะรู้ว่าหนทางปรภพนั้นเดินลำบาก แต่สำนึกได้ก็สายเสียแล้ว และมีบางคนมุ่งหวังเพียงเพื่อความสุขเพียงชั่วครู่ แต่เป็นการสร้างกรรมหนักร้ายแรง ทำให้ตนเองต้องถูกจองจำอยู่ในนรกอเวจีตลอดกาล ไม่อาจได้ผุดเกิดอีก

ชิวเซิง :ได้ฟังโอวาทของอาจารย์ศิษย์รู้สึกซาบซึ้งนัก สุภาษิตว่า  “ผู้ไม่คิดการณ์ไกล ย่อมประสบทุกข์อันใกล้” จากคำนี้ซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวก็จะเข้าใจได้ดี นักปราชญ์ในสมัยโบราณล้วนแต่มองการณ์ไกล ย่อมไม่มุ่งหวังแต่จะหาความสุขสบายชั่วยาม แต่เป็นการส่งผลทำลายตนเองในภายหลัง ทว่าคนสมัยนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ล้วนแต่เข้าทำนอง “วันนี้มีสุราก็เมาวันนี้” เอาอนาคตของตนเองไปจมปลักอยู่ในหลุมบ่อแห่ง “รูปธรรม” เสพสุขอย่างเต็มที่ เมื่อใดที่บุญเสพหมดก็ต้องลิ้มรสแห่งทุกข์ละ

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ชิวเซิง วันนี้เลือดลมขึ้นสูง จึงได้ระบายความอัดอั้นออกมา

ชิวเซิง :ผู้คนต่างหลงใหลอยู่กับโลกแห่งแสงสี ละทิ้งจิตเดิมแท้ ศิษย์เห็นแล้วไม่อาจนิ่งเฉยจริง ๆ

พระจี้กง :เธอพูดได้คติดี ขอให้เมื่อหนังสือเรื่องนี้ลิขิตเสร็จแล้วคงสามารถปลุกชาวโลกให้ตื่นจากการหลับไหลมารู้แจ้งว่าชีวิตนี้เป็นของจอมปลอม จิตเดิมจึงเป็นของแท้และรู้จักอาศัยร่างปลอมนี้ขัดเกลาจิตอันแท้ ละความชั่ว หันมาทำความดีบำเพ็ญธรรมขัดเกลากิเลส จึงจะไม่เสียแรงเปล่าที่เราศิษย์อาจารย์ได้อุตส่าห์ลิขิตหนังสือด้วยความยากลำบาก  เอาละ...ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว

ชิวเซิง :ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์เดินทางได้

พระจี้กง :ชิวเซิง...รีบลง

ชิวเซิง :อาจารย์...เดินช้าหน่อยครับ เดี๋ยวผมตามไม่ทัน ถ้าหากพลัดหลงอยู่ที่นี่ก็แย่เลย

พระจี้กง :ถ้าหากพลัดหลงก็ไปที่บอร์ดปิดประกาศของเมืองยม ปิดประกาศคนหายซิ

ชิวเซิง :ผมเป็นคนต่งถิ่น เพิ่งมาถึงเมืองยมไม่รู้จักใครจะไปหาบอร์ดประกาศได้ที่ไหน

พระจี้กง :ถ้าหาบอร์ดประกาศไม่พบ อีกสักครู่เมื่อพบเจ้าหน้าที่เมืองยม เธอก็ขึ้นทะเบียนบ้านสัญจรไว้ก่อนซิ เผื่อเวลาพลัดหลงแล้วหาบอร์ดประกาศไม่พบ

ชิวเซิง :ฮ่าฮ่า...นี่เป็นข่าวแปลกใต้หล้าจริง

พระจี้กง :ไม่ใช่ข่าวแปลกใต้หล้า แต่เป็นข่าวแปลกเมืองยม... เอาละ ถึงที่แล้ว

ชิวเซิง :โอ.... เป็นตำหนักวังที่สง่ารโหฐานจริง มีเจ้าหน้าที่ยมยืนตั้งแถวอย่างองอาจ น่าเกรงขามอยู่สองข้าง อาจารย์....แบบนี้เราจะเข้าไปได้อย่างไรกันนี่

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า.. ไม่เป็นไร เมื่อพวกเขาเห็นหนังสือพระราชโองการก็จะให้เราผ่านเข้าไปโดยดี

ชิวเซิง :งั้นหรือ... โชคดีที่มีของวิเศษสิ่งนี้ติดตัว

พัศดี :ต้องการหาใครไม่ทราบ มีบัตรผ่านไหม ?

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า อาตมาคือพระจี้กง ท่านไม่รู้จักหรือ ?

พัศดี :อ๋อ...ที่แท้คือท่านจี้กง กระผมขออภัยครับ

พระจี้กง :นี่คือพระราชโองการให้ลิขิตหนังสือ ท่านรีบไปรายงานผู้บังคับบัญชา

พัศดี :ครับผม

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า...  นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชโองการ

ชิวเซิง :คราวหน้าให้ผมยืมได้ก็ดี

พระจี้กง :ให้เธอยืมหรือ ? ถ้าทำหายจะว่าไง

ชิวเซิง :หายแล้วก็หายไปซิ

พระจี้กง :ถ้าหาย...ชีวิตเธอก็ต้องหายด้วย

ชิวเซิง :ร้ายแรงอย่านั้นเชียวหรือ

พระจี้กง :แล้วเธอคิดว่าสิ่งนี้เป็นของเด็กเล่นหรือ? เธอต้องรู้ไว้เมื่อหนังสือ “ท่องอเวจี” นี้เขียนเสร็จแล้ว พระราชโองการนี้ยังจะต้องส่งกลับสวรรค์เพื่อถวายรายงานพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้

ชิวเซิง :ที่แท้เป็นเช่นนี้ งั้นศิษย์มิกล้ายืมแล้ว

พระจี้กง :ขณะนี้ท่านยมบาลได้ออกมาต้อนรับแล้ว ชิวเซิง..เธอรีบไปคารวะท่านยมบาลและเจ้าหน้าที่ยมเถอะ

ชิวเซิง :กระผมชิวเซิงขอคารวะท่านยมบาลและทุกท่าน

ยมบาล :ลุกขึ้นเถิด มิต้องเกรงใจ

ชิวเซิง :ขอบพระคุณท่านยมบาล

เลขา :ขอเชิญท่านจี้กง และคุณชิวเซิงเข้ามาพักผ่อนข้างในก่อน

ชิวเซิง :โอ...คาดไม่ถึงว่าในเมืองยมจะมีตำหนักวังใหญ่โตเช่นนี้

พระจี้กง :เจ้าศิษย์โง่ นี้เป็นตำหนักเก้า

ชิวเซิง :อ้อ..หรือครับ

ยมบาล :ฮ่าฮ่า คุณชิวเซิงเป็นคนซื่อบริสุทธิ์ไร้มายาจริง ๆ

ชิวเซิง :ขอโทษที่เสียมารยาท

ยมบาล :ฮ่าฮ่า ขอโทษอะไรกัน เชิญเข้ามานั่งข้างในเถอะ

ชิวเซิง :ขอบพระคุณท่านยมบาลที่ให้ความเป็นกันเองเรียนถามท่านยมบาล เขตของท่านดูแลรับผิดชอบภาระหน้าที่อะไรบ้างครับ

ยมบาล :เราคืออ๋องเสมอภาคแห่งตำหนักเก้า มีหน้าที่กำกับดูแลการตัดสินคดีชั้นสุดท้ายของเมืองยมโดยเฉพาะและทำบันทึกการทำบาปบุญตามเป็นจริงของเหล่าวิญญาณครั้งยังมีชีวิต และส่งตัวมอบให้แก่ตำหนักสิบเพื่อจัดการส่งไปเกิด แต่คนที่บาปหนักมีโทษมหันต์ก็จะถูกตัดสินให้ไปจองจำในนรกอเวจี ที่อยู่ในความควบคุมดูแลของเรา ซึ่งไม่อาจได้ผุดได้เกิดอีกตลอดกาล

เลขา :เชิญท่านจี้กงและชิวเซิงดื่มน้ำชา

ชิวเซิง :ขอบพระคุณท่านยมบาล และท่านเลขาที่ให้การต้อนรับอย่าดี โอ...เป็นชาที่หอมดีมาก ดื่มแล้วรู้สึกเย็นซาบซ่าและสบายไปทั้งตัว เยี่ยมจริง ๆ

ยมบาล :ชานี้มีสรรพคุณขับความหนาวเย็น ช่วยให้ประสาทกระชุ่มกระชวย และยังเพิ่มพลังจิตช่วยให้ท่านท่องนรกอเวจีได้โดยสะดวกราบรื่น

ชิวเซิง :ที่แท้เป็นเช่นนี้ ขอบพระคุณท่านยมบาลที่ให้ความเอ็นดู หวังว่าท่านคงให้คำชี้แนะอีกเพื่อให้หนังสือท่องอเวจีนี้สามารถตีพิมพ์ได้โดยเร็ววัน อันเป็นการเตือนสติคนชั่วให้กลับตัวมาทำความดี

ยมบาล :แน่นอน...เราจะพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยให้หนังสือเรื่องนี้เขียนเสร็จสมบูรณ์ ด้วยความราบรื่นเดี๋ยวเราจะมีคำสั่ง ไปถึงเจ้าหน้าที่นรกต่าง ๆ ให้เอื้ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่

พระจี้กง :นี่ก็ได้เวลาแล้ว ขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างดี เราทั้งสองจะลงไปในนรกอเวจี โอกาสนี้ขอลาท่านยมบาลก่อน

ยมบาล :เมื่อเป็นภาระหน้าที่เราก็มิอาจหน่วงเหนี่ยวท่านไว้

ชิวเซิง :กระผมขออำลาท่านยมบาลด้วยครับ

พระจี้กง :ชิวเซิง...จงหลับตา อีกสักครู่จะให้เธอดูทัศนียภาพอันแท้จริงของนรกอเวจีด้วยตาตนเอง

ชิวเซิง :ผมพร้อมแล้ว  (ตอนนี้เห็นแต่พระจี้กงเอาพัดโบกหนึ่งที คนทั้งสองก็ดิ่งลงไปสู่เบื้องล่าง)

ชิวเซิง :อุ๊ย! กลิ่นเหม็นแรงจังเลย ผมเกือบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

พระจี้กง :รีบเอายาสลายพิษเม็ดนี้กินเข้าไป

ชิวเซิง :ครับ..ครับ...ยาสลายพิษได้ผลดีจริง ตอนนี้อาการสบายดีแล้ว..อาจารย์ครับ อาจารย์อยู่ไหนผมมองไม่เห็น อาจารย์เลย  (ตอนนี้พระจี้กงได้เอาแก้ววิเศษออกมาจากกล่อง ฉับพลัน ก็สว่างไสวไปทั่ว)

ชิวเซิง :โอ...แก้ววิเศษนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ อาจารย์เตรียมมาตั้งแต่เมื่อไรครับ?

พระจี้กง :เมื่อครู่นี้ก่อนจะลิขิตหนังสือ อาตมาได้ไปขอยืมที่พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์

ชิวเซิง :อ๋อ....เช่นนี้เอง ข้างหน้านั่นมีคนมา 4-5 คน แต่ละคนสวมหน้ากาก และมีตะกียงติดอยู่บนหัวด้วยเหมือนกับพวกภูตผี

พระจี้กง :ท่านที่กำลังมาเหล่านี้ เป็นเจ้าหน้าที่ยมที่ปฏิบัติงานอยู่ที่นี่ เนื่องจากที่นี่มืดมิดไม่เห็นเดือนเห็นตะวันและมีอากาศเสีย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ยมเหล่านี้ จึงต้องติดตะเกียงอยู่บนหัวจึงจะมองเห็น โดยเฉพาะหน้ากากที่สวมใส่อยู่นั้นใช้สำหรับกันอากาศเหม็นและเป็นพิษ

ชิวเซิง :ที่แท้เช่นนี้เอง ทำให้ผมตกใจ กราบเรียนถามอาจารย์ ทำไมอากาศที่นี่จึงเหม็นมากเช่นนนี้

พระจี้กง :เนื่องจากที่นี่เป็นส่วนลึกที่สุดของนรกชั้นที่ 18 สิ่งสกปรกโสโครกของผู้ต้องโทษที่มีอยู่ จึงไหลเทมารวมอยู่ที่นี่ อากาศจึงย่อมจะเหม็นมาก

พัศดี :นั่นใครบุกรุกเข้ามาถึงที่นี่ ?

พระจี้กง :เราคือพระจี้กง ท่านไม่รู้จักหรือ ?

พัศดี :อ้อ...ขออภัย ขอคารวะท่านจี้กง เมื่อครู่นี้เนื่องจากแก้ววิเศษของท่านสว่างจ้าเกินไป ทำให้พวกเราตาพร่ามัว จึงมองดูไม่ถนัด

พระจี้กง :วันนี้เราทั้งสองได้รับพระราชโองการให้ลิขิตหนังสือ และเพื่อบันทึกเก็บทัศนียภาพอันแท้จริง จึงได้พามนุษย์ปุถุชนมาที่นี่ ท่านต้องอำนวยความสะดวกแก่เราด้วย

พัศดี :ครับผม...เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว พวกเราก็ได้รับการแจ้งมา ผู้คุม...เปิดประตูนรกให้มนุษย์ผู้นี้ชมดูสภาพอันแท้จริงของนรกอเวจี  (ตอนนี้ผู้คุมเปิดประตูนรก พระจี้กงเอาแก้ววิเศษส่องดู)

ชิวเซิง :โอย...ผมทนดูไม่ไหวแล้ว ผมไม่กล้าดู อาจารย์เรากลับกันเถอะครับ

พระจี้กง :อะไรกัน...เพิ่งมาถึงหยก ๆ ก็คิดจะกลับแล้วตั้งสติให้ดีไว้

ชิวเซิง :ครับ  (ตอนนี้ ชิวเซิงพยายามตั้งสติ มองไปที่ชั้นลึกที่สุดของนรกอเวจี ภายในขุมนรกระงมไปด้วยเสียงร้องอันโหยหวนสารรูปพวกสัตว์นรกแทบดูไม่ได้ บ้างก็เต็มไปด้วยแผลเน่าเปื่อย บ้างก็มีเลือดมีหนองไหลเยิ้มเต็มตัว เป็นภาพน่าสยดสยองยิ่ง)

ชิวเซิง :โอ.... มีบางคนเหมือนพวกสัตว์ประหลาด ไม่เป็นรูปผู้คนเลย เพราะเหตุใดพวกเขาจึงได้กลายสภาพเป็นเช่นนี้

พัศดี :นรกอเวจีเรียกอีกอย่างว่านรก 18 ชั้นชื่อก็บ่งบอกความหมายอยู่แล้ว คือแบ่งเป็น 18 ชั้น ซึ่งตัดสินตามความหนักเบาของบาปกรรม ที่บาปเบากว่าก็ย่อมอยู่ชั้นบนที่บาปหนักกว่าก็ต้องไปอยู่ชั้นล่างสุด

ชิวเซิง :แล้วทำไมพวกเขาจึงได้มีสภาพเป็นเช่นนี้

พัศดี :ข้อนี้คุณถามได้ดีมาก เนื่องจากวิญญารบาปที่ถูกจองจำอยู่ที่ขุมอเวจี ตอนเป็นมนุษย์ล้วนแต่เป็นฆาตกรที่กระทำความชั่วร้ายแรง เป็นคนมีความสามารถทางเบียดเบียนผู้คน ดังนั้น เมื่อตกสู่นรกจึงต้องรับโทษทัณฑ์อันหนักจากนรกขุมต่าง ๆ ขั้นสุดท้ายจึงถูกส่งต่อมาจองจำยังนรกอเวจีที่นี่

ชิวเซิง :อาจารย์ครับ...ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่นี่ทั้งเหม็นสาปและร้อนระอุ เรากลับกันเถอะครับ

พระจี้กง :นี่เป็น “น้ำทิพย์” เธอจงดื่มเข้าไปจะสามารถคลายความร้อนได้

ชิวเซิง :ครับ...  ผมจะดื่มเดี๋ยวนี้ โอ.. ดีขึ้นมากแล้ว ขอบพระคุณท่นอาจารย์

พระจี้กง :วันนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้ว อาตมาว่าเที่ยวหน้าค่อยมาใหม่ดีกว่า

ชิวเซิง :โอ... น่าสยดสยองจริง ๆ

พระจี้กง :ก็ตอนมีชีวิตอยู่ใครใช้ให้พวกเขาอยากก่อกรรมชั่ว อกตัญญูไม่ซื่อสัตย์ ไร้เมตตา ไร้ศีล ไร้ธรรม จึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ชิวเซิง :กลับไปครั้งนี้ ผมจะหมั่นตักเตือนชี้แนะผู้คนว่าอย่าก่อกรรมทำชั่วอีก มิเช่นนั้น ถ้าเอาแต่แสวงหาความสุขสมหวังเพียงชั่วครู่ชั่วยาม เมื่อมาถึงนรกอเวจี ก็จะต้องพบกับความทุกขเวทนาอันแสนสาหัส

พระจี้กง :เอาละ... รีบอำลาท่านพัศดี

ชิวเซิง :วันนี้รบกวนท่านพัศดีมามากแล้ว ขอลาก่อน

พัศดี :ขอส่งท่านจี้กงและชิวเซิง

พระจี้กง :ชิวเซิง..รีบขึ้นดอกบัว

ชิวเซิง :ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว เดินทางได้แล้วครับ

พระจี้กง :ถึงสำนักเซิ่งเทียน ชิวเซิง...ลงจากดอกบัววิญญาณกลับเข้าร่าง

เทพดาวหลิว :ค่ำคืนนี้สานุศิษย์ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความอดทน จะให้บันทึกกุศลไว้คนละหนึ่งกุศลเพื่อเป็นกำลังใจ

0
109

ผู้นำที่แท้จริง

1654918052.jpg
mindcyber
11 months ago
video

เพลงพระโอวาท แลกได้แค่น้ำตา

admin
mindcyber
2 years ago
เต้าหู้ผัดขึ้นฉ่าย

เต้าหู้ผัดขึ้นฉ่าย

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ประวัติพระอรหันต์จี้กง ตอนที่ 13

เจ้าอาวาสซ่ง ปิติยินดีในปริศนาธรรม จี้กงโกรธตีไหเหล้าแตก

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

อยากได้

1654918052.jpg
mindcyber
7 months ago