เซี่ยปินเหอเตี่ยนฉวนซือ
ตอนมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าก็เป็นเตี่ยนฉวนซือ แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าอยู่ที่คุกสวรรค์รู้สึกละอายแก่ใจเหลือเกิน กระดากอายจริงๆ ได้มารบกวนเวลาของเมธีทั้งหลาย อนิจจาตัวเป็นถึงนักธรรมอาวุโส แต่เป็นเพราะนำพานักธรรมผู้น้อยผิดพลาด ดังนั้นจึงกลับไปรับการเคี่ยวกรำอยู่ที่คุกสวรรค์ ประวัติชีวิตของข้าพเจ้านั้นถ้าพูดแล้วยาว ขอให้เมธีทั้งหลายจงนั่งฟังโดยตั้งใจ
ข้าพเจ้าแซ่ “เซี่ย” มีชื่อว่า “ปินเหอ” มาจาก “คุกธารน้ำแข็ง” คุกธารน้ำแข็งเป็นสถานที่ที่เหน็บหนาวมากๆ เมื่อโทษผิดบาปของตนสะสมจนถึงระดับหนึ่ง ย่อมต้องมารับการเคี่ยวกรำยังคุกแห่งนี้แน่ๆ เป็นเพราะว่ามีชีวิตอยู่ข้าพเจ้าไม่ได้รักษาปณิธานให้ดี และไม่ได้เจริญปณิธานที่ตั้งไว้ด้วย จึงทำให้บรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคนของนักธรรมผู้น้อย และญาติธรรมทั้งหลายต้องตกหล่นไปด้วยเหตุที่ข้าพเจ้านำพาผิดพลาด ข้าพเจ้าจึงต้องมารับทุกข์ยังคุกแห่งนี้ ขณะรับโทษอยู่นั้น ด้วยมีโทษผิดบาปจึงต้องถูกภูเขาน้ำแข็งกดทับ หรือไม่ก็ถูกแช่ตัวอยู่ในธารน้ำแข็ง ความหนาวเหน็บเสียดแทงถึงกระดูก หากสำนึกเสียใจก็จะได้รับการลดหย่อนโทษผิดบาป และได้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ได้ออกจากคุกสวรรค์ บุญคืนสู่บุญ บาปคืนสู่บาปแต่ว่าผิดบาปของข้าพเจ้าหนักหนา ด้วยเหตุที่เกียจคร้านต่อภาระหน้าที่หลายสิบปี
ข้าพเจ้าเป็นคนปลายราชวงศ์ชิงตอนต้น ยุคสาธารณรัฐ(หมินกั๋ว) บ้านเกิดอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) เดิมทีฐานะความเป็นอยู่ร่ำรวย และบิดามารดาให้ความสำคัญกับการอบรมเลี้ยงดู เห็นอย่างนี้จนชินหูชินตาตั้งแต่ยังเล็ก จึงมีความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่อยู่เต็มอก ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมการปฏิวัติ แต่ก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยลบล้างราชวงศ์ ความรู้ที่มีอยู่ก็มีทั้งความรู้อย่างจีนและอย่างตะวันตก
เมื่ออายุ ๑๘ ปี ก็เข้าศึกษาที่มหานครเทียนจิน (เทียนสิน)หลังจากนั้นจึงได้รับวิถีธรรม ข้าพเจ้าเป็นคนจิตใจดีงาม หลังจากรับวิถีธรรมแล้ว ก็จริงจังตั้งใจศึกษาหลักธรรม อายุ ๒๒ ปี จึงเริ่มกินเจ และยังฉุดช่วยเพื่อนร่วมเรียน และญาติมิตรหลายคนให้ได้รับวิถีธรรมด้วย
พออายุได้ ๒๖ ปี ข้าพเจ้าก็ได้เป็นเจี่ยงซือแล้ว ข้าพเจ้าได้เข้าชั้นเตาหลอมจึงตั้งปณิธานเจริญปณิธานอย่างตั้งใจ ขณะที่อยู่ในชั้นเตาหลอม ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์อยู่ไม่น้อย สภาพการณ์ของเมธีในปัจจุบันนี้ดีกว่าสมัยของข้าพเจ้ามากนัก ข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ภักดี ครอบครัวของข้าพเจ้าบังคับให้ข้าพเจ้าแต่งงานแต่ว่าข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย และไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหานั้นจึงได้หลบไปเลี่ยงมาอยู่หลายปี และได้ติดตามปฏิบัติงานธรรมกับนักธรรมอาวุโส
ข้าพเจ้าได้ประสบกับช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ฉุดช่วยกล่อมเกลาเวไนยสัตว์ท่ามกลางดงกระสุน และห่าระเบิด ถึงแม้จะลำบากทุกข์ทน แต่ผลที่ได้รับก็มากด้วยเช่นกัน ขณะที่จีนมีชัยชนะได้ไม่นานก็เริ่มเกิดสงครามภายใน ประชาชนจึงมีชีวิตอยู่อย่างระเหเร่ร่อนลำบากยากแค้น เมื่อบอกกับทุกคนว่า “ภัยพิบัติมาถึงแล้ว” พวกเขาก็จะเชื่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นการปฏิบัติถ่ายทอดธรรมในตอนนั้นจึงราบรื่น
หลังจากที่พระอาจารย์ชายกลับคืนเบื้องบน และพระอาจารย์หญิงสืบทอดพระโองการสวรรค์ต่อ ข้าพเจ้าก็ยังคงกระตือรือร้นไม่ถดถอยไปจากธรรมะเลย
แล้วการทดสอบของข้าพเจ้าก็ได้มาถึง เดิมทีมีนักธรรมอาวุโส บางท่านได้รับบัญชาจากพระอาจารย์หญิง ให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรมแต่ละที่ ในตอนนั้นข้าพเจ้าได้เป็นเตี่ยนฉวนซือแล้วแต่กลับไม่ได้รับบัญชาให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรม ในตอนที่จีนแผ่นดินใหญ่ เริ่มเป็นคอมมิวนิสต์นั้นมีนักธรรมอาวุโสธรรมปริณายกและเตี่ยนฉวนซือ เพื่อจะต้านภัยช่วยโลก จึงถูกพวกคอมมิวนิสต์ฆ่าตายไป ในขณะนั้นด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อน ข้าพเจ้าจึงได้ตั๋วโดยสารเรือ และหนีตายไปยังมหานครซานฟรานซิสโกประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้าพเจ้าหนีรอดไปได้ โดยทอดทิ้งญาติธรรมไว้อย่างไม่สนใจใยดี ข้าพเจ้าคิดว่า “เหลือเพียงภูเขาเขียวยังอยู่ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีฟืนเผาไฟ” ในตอนนั้น ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับบัญชาจากพระอาจารย์หญิงให้ไปบุกเบิกแพร่ธรรม ดังนั้นจิตใจของตนเองจึงครึ่งสว่างครึ่งอับแสง มีนักธรรมอาวุโสบางท่านไปบุกเบิกแพร่ธรรมที่สหรัฐอเมริกา พวกท่านเหล่านั้นต้องลำบากทุกข์ยากมากมาย แต่ว่าข้าพเจ้ารับความทุกข์ที่มากเกินไปไม่ได้!
ข้าพเจ้าได้บุกเบิกแพร่ธรรมยังเมืองใหญ่ๆ ในรัฐอเมริกาแต่ก็ไม่ประสบความสำเสร็จสักทีหนึ่ง ในทางตรงข้ามญาติธรรมที่ได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้หนีมาได้ในตอนแรก ต่างก็แยกย้ายหายหน้าไปจากข้าพเจ้าทีละคนๆ ส่วนญาติธรรมที่ข้าพเจ้าฉุดช่วยมาตั้งแต่แรกนั้นบ้างก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ บ้างก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ต่างก็ไปร่วมกิจกรรมที่โบสถ์กันหมดแล้วเมื่อไม่มีใครเชื่อฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าตนเองผิดพลาดที่ตรงไหน? เดิมทีข้าพเจ้าไปถึงที่ไหนๆ บ้านนั้นๆ ก็ตั้งเป็นตำหนักพระพุทธสถาน เป็นเพราะนี่คือการทดสอบสำหรับข้าพเจ้า เบื้องบนต้องการทดสอบความจริงใจของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่รู้! ข้าพเจ้าบากบั่นต่อสู้อยู่แปดปี ใจธรรมจึงเลือนหายไปหมดสิ้น ข้าพเจ้าพูดว่า ไม่ดูแลความเป็นอยู่ปากท้องของตนไม่ได้ ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการทำการค้า ข้าพเจ้าจึงเก็บพุทธสถาน เวลามีคนถามข้าพเจ้าว่ากินเจด้วยเหตุใด?ข้าพเจ้าก็จะตอบว่าข้าพเจ้าศรัทธากราบไหว้พระพุทธะ จึงกินเจด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าเพียงแต่มีตำแหน่งเป็นเตี่ยนฉวนซือเฉยๆแต่ไม่ได้เจริญปณิธานของตน เป็นเพราะความโง่เขลาไร้ปัญญาของตนเอง และการอยู่คนเดียวไร้ที่พึ่งพิงจึงทำให้นักธรรมผู้น้อยที่ข้าพเจ้า ได้ฉุดช่วยนำพา ต่างเดินผิดหนทางกันไปหมดต่างถลำก้าวไปในหนทางที่ผิดพลาด เมื่อพวกเขาอยู่กับข้าพเจ้าก็จะคุยกันแต่เรื่องทางโลก หรือไม่ก็เรื่องธุรกิจการค้า ข้าพเจ้าทำการค้าที่ใหญ่มาก แต่ไม่ได้แต่งงาน จึงไปขอรับเด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกรวมสามคน เป็นเด็กผู้หญิงสองคนและเด็กผู้ชายอีกหนึ่งคน ให้พวกเขาได้ปรนนิบัติดูแลใกล้ชิด ข้าพเจ้าละกายสังขารเมื่ออายุ ๗๒ ปี เนื่องจากเป็นมะเร็งช่างน่าเศร้าเหลือเกิน!
ตายแล้วก็เลือนรางเลื่อนลอย จึงถูกจับไปรับการเคี่ยวกรำที่คุกสวรรค์ ข้าพเจ้าละอายต่อพระแม่องค์ธรรม ละอายต่อพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ละอายต่อบรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคนของนักธรรมผู้น้อยของตนเอง พวกเขาคงโกรธแค้นข้าพเจ้าแน่ๆ จึงได้ตำหนิตัวเองที่ไม่ได้อยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ต่อไปตั้งแต่แรก เพื่อร่วมเป็นร่วมตายร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนักธรรมผู้น้อยทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ควรที่จะหนีจากมาไม่ควรที่จะกระทำการใดๆ โดยไม่มีบัญชาของพระอาจารย์ไม่ควรที่จะเปลี่ยนแปลงจิตมุ่งมั่น เมื่อเจอกับอุปสรรคขวากหนามจึงทำให้ใจธรรมถดถอยไป ถึงตอนนี้เสียใจก็สายเกินการณ์ไปแล้วข้าพเจ้าอยู่ที่คุกสวรรค์ พระแม่องค์ธรรมเมตตา เห็นว่าข้าพเจ้าไม่ได้กระทำความชั่ว แต่ว่าตั้งปณิธานแล้วไม่ได้เจริญปณิธาน
ด้วยว่าข้าพเจ้ามีปณิธานต้านภัยช่วยโลก ตัวเองเป็นถึงนักธรรมอาวุโส ไม่ควรที่จะรักตัวกลัวตาย ตัวเองเป็นถึงเตี่ยนฉวนซือแบกรับพระโองการสวรรค์ จึงไม่ควรที่จะไม่ตายเพื่อรักษาธรรมไว้ ในปัจจุบันมีเตี่ยนฉวนซือมากมายของแต่ละสายธรรมที่มีสภาพความเป็นไปเหมือนกับข้าพเจ้า มีคนมากมายเมื่อได้รับพระโองการสวรรค์จากพระแม่องค์ธรรมแล้ว แต่ว่าไม่ได้เจริญปณิธานที่มีอยู่ และเพราะปัญหาปากท้องความเป็นไปในครอบครัว หรือเพราะปัญหาเกี่ยวกับสายธรรมจึงเต็มใจเก็บตัวอยู่แต่กับบ้าน ไม่ดำเนินปฏิบัติธรรม และไม่ได้เจริญปณิธานของตนด้วยในอนาคตก็ย่อมเป็นอย่างข้าพเจ้าแน่นอน ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะมีคุณธรรมภายใน แต่ว่าบุญปัจจัยภายนอกไม่สมบูรณ์และความคิดไม่จริงแท้ ถึงแม้ข้าพเจ้าไม่ได้ใส่ร้ายลบล้างใครไม่ได้ก่อกรรมปาก เพราะข้าพเจ้าระมัดระวังคำพูดเป็นอย่างมากแต่ว่าปิดบังธรรมะไว้มิให้ปรากฏ ถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีผ่านมาข้าพเจ้าจึงโดนลงโทษจากจิตสำนึกอันดีงามของตน ก่อนที่จะละกายสังขาร ข้าพเจ้ากลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับพระแม่องค์ธรรมเมื่อละกายสังขารแล้ว ข้าพเจ้าก็ยิ่งไม่มีหน้าที่จะไปเข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรมได้
วันนี้เพราะพระอาจารย์จี้กงเมตตา ต้องการให้ทุกคนได้รู้ว่าพระโองการสวรรค์ไม่ใช่ของเด็กเล่น ปัจจุบันเป็นการปรกโปรดสามโลกอย่างกว้างขวาง ทุกคนจะทำงานวิ่งเต้นให้กับพระโองการสวรรค์ ไม่ง่ายอย่างนี้หรอก แต่ใจกับปากจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยเหตุที่ตนเองเป็นเตี่ยนฉวนซือจึงกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อสูญสิ้นลมหายใจแล้ว วิญญาณจะกลับไปสู่ที่ใดยามที่ตายลงล่ะ?
เมธีทั้งหลาย เมื่อได้ตั้งปณิธานก็ต้องเจริญปณิธานด้วยในปัจจุบันนี้ มีเตี่ยนฉวนชือมากมายเหลือเกินที่เดินผิดหนทางเหมือนอย่างข้าพเจ้า หวังว่าข้าพเจ้าจะได้ช่วยเตือนสติทุกท่านได้บ้าง อย่าได้แย่งชิงกันและกัน อย่าได้เป็นเหมือนอย่างข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติตามบัญชาพระอาจารย์ พุทธระเบียบในอาณาจักรธรรมคือ ต้องสนองรับเบื้องสูงและนำพาเบื้องล่าง
ในตอนเริ่มแรกที่ปฏิบัติแพร่ธรรมที่จีนแผ่นดินใหญ่ ก็ต้องปฏิบัติตามบัญชาของพระอาจารย์ หากไม่มีบัญชาจากพระอาจารย์ แม้เรื่องเล็กน้อยก็ยากดำเนินได้ หากผิดต่อบัญชาของพระอาจารย์ ก็เป็นการกระทำที่ขัดต่อเบื้องบน เมธีทั้งหลายจงจำใส่ใจไว้ให้มั่น พวกท่านเป็นถึงผู้นำของสามโลก สิ่งเหล่านี้จะไม่รู้ไม่ได้ ยังมีเตี่ยนฉวนซืออีกมากมาย ที่ได้เดินตามธรรมกาลยุคแดงไป เพราะทำการค้าหรือธุรกิจเมื่อละกายสังขารแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปรายงานตัวยังสถานที่ใด?
อนุตตรธรรมสูงส่งล้ำค่า อย่าเป็นเพราะความไม่สมบูรณ์พร้อมของคนจึงทำลายชื่อเสียงให้เสียหาย แม้ว่าข้าพเจ้าจะมีโอกาสปรากฏกาย แต่เวลาก็มีไม่มากนัก จึงขอร้องว่าศิษย์อนุตตรธรรม ควรที่จะต้องสมัครสมานสามัคคีกัน อย่าได้แบ่งแยกสูงต่ำใหญ่เล็ก หรือเธอเขาเราฉันถ้ามีใจเป็นคู่เปรียบเทียบ ก็จะไม่ใช่จิตใจส่วนรวม/จิตใจยุติธรรม พูดมาก็มากมายแต่ยังต้องให้เตี่ยนฉวนซือช่วยแจกแจงอธิบายให้ด้วย หวังว่าเมธีทั้งหลายจะช่วยบอกเล่าความในใจของข้าพเจ้าไปสู่ผู้อื่น เพื่อจะได้ลบล้างบาปของข้าพเจ้าลงได้บ้าง ข้าพเจ้าละอายแก่ใจจริงๆ ไม่มีหน้าที่จะมาพบพวกท่าน พวกท่านยังมีวันเวลาให้ก้าวเดินอีกมากทิศทางเป้าหมายต้องจับให้มั่น ทุกท่านจงจดจำทุกสิ่งอย่างที่ข้าพเจ้าได้พูดไปไว้ด้วยจึงจะได้ไม่ก้าวถลำเดินผิดๆ อย่างข้าพเจ้า