ก็คือต้องชะล้างใจและแปลงโฉมหน้า ตอนยังมีชีวิตอยู่ถึงจะมีใจบำเพ็ญธรรม แต่อดทนต่อคำพูดของคนอื่นไม่ได้ซ้ำยังไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้จักบำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้คิดแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้องทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ได้ไปให้ร้ายทำลายใคร ก็ยังได้ชื่อมีบุญปัจจัยภายนอก แต่ว่ากุศลจิตภายในมีไม่เพียงพอ ไม่ได้ชะล้างใจและแปลงโฉมหน้าอย่างแท้จริง ไม่ได้แก้ไขความผิดพลาดในอดีตอย่างแท้จริง เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ได้แต่แสดงความจอมปลอมออกมา ชอบให้คนอื่นยกยอปอปั้น และไม่ชอบฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า “ร่วมมือช่วยกันแสวงความเจริญก้าวหน้า” ดังนั้นบำเพ็ญธรรมจึงต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ศึกษาอย่างจริงจังขันแข็ง แก้ไขสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ไม่พาลโกรธ ไม่ทำผิดซ้ำสอง ถ้าหากกระทำความผิดแค่เล็ก ๆ น้อยๆ พวกเจ้าก็คงขัดเกลาได้หมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ที่พุทธาลัย
แต่ถ้าอยู่ที่พุทธาลัยแล้ว ก็ยังไม่สามารถขัดเกลาได้หมดสิ้นก็จะต้องเชิญพวกเจ้ามาเป็นแขกที่คุกสวรรค์แห่งนี้แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวว่าแม้จะเป็นเพียงความผิดพลาดผิดบาปเล็กน้อย ก็ต้องรู้จักตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ต้องรู้จักล้อมคอกเสียก่อนที่วัวจะหาย(คือ ต้องรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อนที่ผลเสียจะเกิดขึ้น) ขณะที่ถูกลงโทษนั้นก็คือ ต้องล้างกายชำระคุณธรรม ใครก็ตามที่ยิ่งรักหน้ารักตาของตัวเอง ผิวหน้าของเขาก็จะยิ่งบางลง มีคนพูดว่าคนหน้าหนาไม่กลัวปล่อยไก่ บำเพ็ญธรรมจึงต้องหน้าหนาเข้าไว้
หากจะพูดว่ามายังคุกนี้เพื่ออาบน้ำแล้วละก็ แต่ยิ่งอาบก็ยิ่งเจ็บปวด เมื่อน้ำราดลงมาครั้งหนึ่งนั้น ก็จะมีความรู้สึกคันเขยอไปทั้งตัวและยังเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงด้วย นี่ก็เพื่อให้เขาได้ชะล้างใจและแปลงโฉมหน้า เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ หากเป็นผู้ที่จิตใจไม่ค่อยดี เขาก็จะมีความรู้สึกชาตัวเองแช่อยู่ในบ่อน้ำสีดำสีของน้ำในบ่อจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ความผิดบาปของแต่ละคน และยังแบ่งเป็นใสกับขุ่นอีกด้วย เป็นเพราะผิดพลาดผิดบาปไม่เหมือนกัน บ่อน้ำจึงลึกจึงตื้นไม่เหมือนกันด้วยและยังแบ่งได้เป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็นน้ำร้อนมีไว้สำหรับผู้ที่มีนิสัยอารมณ์ร้อน ส่วนน้ำเย็นมีไว้สำหรับผู้ที่เย็นชาไร้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แล้งน้ำใจต่อผู้อื่น ดังนั้นจะเร่าร้อนเกินไปหรือจะเย็นชาเกินไปก็ไม่ดีด้วยกันทั้งสองอย่าง