mindcyber 1 month ago
admin #holy

เส้นทางอริยะ ตอนที่ยี่สิบสี่

ธรรมจิตแกร่งกล้า                      ทุกผู้ดั่งพุทธะ

บำรุงกุศลแต่เนิ่นเนิ่น                  ปฏิบัติให้ดีในชาตินี้

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2527

กลอนนำเสด็จ

ภูเขาเขียวขจี                             น้ำใสมีปลาไหลริน

ใคร่ถามทรงเมฆบิน                    เมื่อไรจักได้พักผ่อน

ให้ผู้ท่องเที่ยวได้                        ทัศนาไปไม่หยุดหย่อน

สุขโลกไม่แน่นอน                      รีบย้อนกลับสู่นิพพาน

อรหันต์จี้กง : วันนี้อาตมานำห่อของขวัญมาห่อหนึ่ง คิดจะมอบให้เป็นของขวัญแก่ศิษย์สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง เพราะว่าในระยะนี้ทุกคนต่างชุลมุนวุ่นวายในการจัดห่อหนังสือ “ตั๊กม้อจี้เฮี้ยง” (พระโพธิธรรมชี้จุดอัศจรรย์) อย่างขะมักเขม้น แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุขดีอยู่! ท่านพระโพธิธรรมคงจะรู้สึกซาบซึ้ง จึงได้ไหว้วานอาตมานำห่อของขวัญมาให้นับว่าทุกคนมีโชคลาภ

หยางเซิง : เห็นท่านอาจารย์ถือของมาห่อหนึ่ง มีกลุ่มควันคลุมอยู่ รู้สึกเหมือนกับเต้นได้ ไม่รุ้ว่าข้างในเป็นของอะไร?

อรหันต์จี้กง : มติสวรรค์เปิดเผยไม่ได้ ขอให้ศิษย์ในสำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ลองทายดูกันก่อน

ศิษย์อาวเอี้ยง : ใจศรัทธา

อรหันต์จี้กง : ผิดไปหน่อย

ศิษย์โค้ว : ธรรมจิตที่เร่าร้อน

อรหันต์จี้กง : เกือบถูกแล้ว หากสามารถใช้ตัวอักษรเพียง 2 คำ ก็จะดีทีเดียว

ศิษย์อาวเอี้ยง : “ใจร้อน”

อรหันต์จี้กง : ถูกต้องแล้ว ใจพวกเราเป็นใจที่เย็นหรือในทรวงอกห่อใจที่ร้อนไว้ ทำไมจึงพูดว่า “ใจร้อน” เพราะว่าคนที่มีความเร่งรีบบริการต่อสังคม มักจะเร่งรีบเสียจนเหงื่อท่วมตัวจึงกล่าวได้ว่า “ใจร้อน” คนผู้หนึ่งที่ทำงานเพื่อธรรมะ แม้จะสวมเสื้อเนื้อบาง ก็ยังรู้สึกว่าร้อน บ่งบอกถึง “ใจร้อน” ผู้ปฏิบัติธรรมมักขาดความใจร้อน คนที่ทำงานไม่ขยันขันแข็งไม่ว่าจะทำงานเพื่อโลกุตระหรือโลกิยะก็ตาม มักไม่พบกับความสำเร็จ ผู้ปฏิบัติธรรมหากใจไม่เร่าร้อนต่อกิจการสาธารณประโยชน์ก็นับได้ว่าไม่มีมรรคผลอะไรนัก ดังนั้นใจของใครก็ตามถ้าเย็นแล้ว ก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหนกัน

ศิษย์หน่ำ : ก็เหมือนกับคนตาย เพราะใจนั้นเหมือนตายแล้วเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ก็เหมือนซากศพที่ยังเดินได้

อรหันต์จี้กง : ตายแล้วยังไม่พอ ต้องส่งเข้าตู้แช่แข็ง  ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวกลิ่นจะออก ก็จะเหม็นแย่เลย! ใจที่ตายแล้ว ทำยังไงได้ ดีที่วิทยาการก้าวหน้า ยังสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ท่านทั้งหลายหากในทรวงอกของท่านเป็นหัวใจของคนอื่น ไม่รู้จะมีความรู้สึกอย่างไรนะต้องยืมหัวใจของคนอื่น จึงจะยังชีพต่อไปได้ นับว่าเป็นโรคที่อาการหนักมาก  พวกเราช่วยกันตรึกตรองดูว่า พวกเราเป็นโรคหัวใจกันบ้างไหม? ทุกคนลองปิดตา แล้วเอามือคลำที่หัวใจดู มันยังเต้นอยู่ใช่ไหม ยังมีชีวิตอยู่ ลองถามมันดูว่ายังดีต่อตนเองอยู่หรือเปล่า

     ฮาฮ้า! คลำพบคนมีน้ำใจ ก็มารายงานข้าฯ ได้ เขาย่อมเป็น “คนจริง” คลำแล้วไม่พบอะไร ก่อนนอนคืนนี้ก็ลองหาดูหากยังหาไม่พบ ก็รีบๆ ลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์ให้ช่วยตามหา ลงแจ้งความว่า “น้ำใจที่สูญหาย” เชื่อแน่นอนว่าคงมีคนช่วยรีบหาให้ ระหว่างอาตมาท่องเที่ยวไปกับก้อนเมฆมักเห็นในที่หลายแห่งข้างถนนมีคนทำน้ำใจสูญหาย ทำให้ข้าฯต้องตามหาไม่รู้จักหมดสิ้น วันนี้เลยเอามาให้หลายหัวใจไม่รู้ว่ามีใครต้องการมั่ง?

ศิษย์โค้ว : พวกเรา ไม่ “ใจโลภ” อยากได้หลายใจ ตนเองมีใจเดียวก็๋พอเพียง ขอฝากเอกไว้ที่หนังสือ “เส้นทางอริยะ” เล่มนี้ส่งทางไปรษณีย์ให้แก่ทุกๆคน เพื่อให้เขาได้ตามหา “น้ำใจ”กลับคืนมา เพื่อจะได้พบหน้าตาที่แท้จริง

อรหันต์จี้กง : ฮาฮ้า! พวกเจ้าช่างมีน้ำใจดีแท้ คนที่มีน้ำใจเต็มเปี่ยม ย่อมใช้ไม่รู้จักหมดยังคิดที่จะมอบให้ผู้อื่น นับว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่มีน้ำใจ คนเราหากสามารถประกอบภารกิจตามน้ำในสวรรค์ น้ำใจเราจะไม่ดับสูญ ผู้ครองธรรมหากแสดงใจเมตตากรุณา ใจที่รัก ใจกุศล ใจที่ให้อภัย ใจที่ช่วยปลดทุกข์ ใจที่รู้จักละอาย ใจที่สำนึกผิด ใจที่รักในธรรม  ใจที่ช่วยเหลือ  ใจที่รู้คุณ  การแสดงความกุศลเช่นนี้ ก็คือหัวใจที่มีน้ำใจหลั่งไหลออกมา เพราะฉะนั้นจึงกล่าวว่า ผู้ปฏิบัติธรรมมีน้ำใจ เพียงดวงเดียวแต่สามารถแสดงออกถึง น้ำใจหลายดวงได้ ดุจเดียวกับเทพ พุทธ ที่สามารถอวตารได้เป็นร้อย ๆ พัน ๆร่างได้ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกัน เพียงน้ำใจของเทพ พุทธ เพียงดวงเดียวก็สามารถอวตารเป็นธรรมรูปอันศักดิ์สิทธิ์ได้ ชาวโลกหากสามารถแสดงออกที่จิตกุศลน้ำใจ ที่นับไม่หมดได้ก็นับได้ว่าเป็นเทพ พุทธ ผู้มีธรรมะสูงส่ง ก็จะสามารถอวตารได้จำนวนนับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่ละอวตารก็ยังมีแสงรัศมีเจิดจรัส ดังนั้นหากคิดจะสำเร็จเป็นเทพ พุทธ ก็พึงแสดงน้ำใจออกให้มาก รับรองได้ว่าจะถึงฝั่งได้ตามใจปรารถนา

หยางเซิง : ท่านอาจารย์กล่าวอย่างแยบยล ไม่ทราบว่า คนที่ทำน้ำใจหายไม่รู้ว่าเขา เอาน้ำใจทิ้งไปได้อย่างไร?

อรหันต์จี้กง : คนที่ใจโลภ เป็นบุคคลที่ทำน้ำใจ หายได้ง่ายที่สุด

หยางเซิง : ทำไมพูดเช่นนั้น

อรหันต์จี้กง : ใจเหมือนน้ำนิ่ง คนที่ใจโลภ อยากมีเงินมากของมาก สวยงามมาก ชื่อเสียงมาก ลองเปรียบดูน้ำแก้วหนึ่งที่เต็มและใสสะอาด หากใจอยู่นิ่งไม่ขยับ น้ำก็จะนิ่ง พอใจเกิดโลภขึ้นเท่านั้น ก็เหมือนนำเอาก้อนหินค่อย ๆ ใส่ลงไปในแก้ว หินแต่ละก้อนก็ทำให้น้ำไหลออกมา น้ำใจก็สูญหายไปหน่อยหนึ่ง คนที่มีความโลภอยู่เต็มอก (เต็มแก้ว) น้ำใจของเขาแม้เพียงหยดเดียวก็ไม่มีเลย ลองดูในโถเลี้ยงปลาทองมีปลาไม่กี่ตัว ปลาไม่ตาย แต่ถ้าใส่ปลาลงไปเต็มโถ เมื่อมันว่ายไม่ได้ ไม่ช้าน้ำก็เน่าเหม็น ปลาย่อมตาย ดังนั้น คนที่โลภน้ำใจย่อมถูกเบียดออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นอาตมาจึงใคร่อยากให้ชาวโลกลองคลำดู น้ำใจ ดูซิว่า “ใจอยาก” ขับไล่เจ้าซึ่งก็มีความหมายเดียวกัน ข้าฯว่า “คนที่ใจไม่ดีก็คือใจที่เต็มไปด้วย ความโลภ ใจเพ้อเจ้อ ใจทราม ใจโหด ใจโทสะ ใจแค้น ใจไม่สบาย เจ็บใจ ใจเหี้ยม ใจพนัน ใจมักมากในกาม ใจหลงทรัพย์  เป็นต้น ในที่บาปที่สุด ก็เหมือนผีมารที่ขับไล่โพธิสัตว์ ศาลเจ้าก็เลยกลายเป็น ศาลผี ไป ชาวโลกเอ๋ยรีบเปิดประตูใจดูซิว่า ศาลเจ้าในใจของเจ้ามีพระโพธิสัตว์หรือ ผีมารอยู่” คืนนี้พูดเสียยาว หยางเซิงขึ้นบนบัวอาสน์เถอะ เตรียมตัวไปสืบหาธรรมะแต่งหนังสือกันเถอะ

หยางเซิง : ขอรับ กระผม! มิทราบว่าคืนนี้จะไปที่ไหน

อรหันต์จี้กง : คืนนี้ไปที่ไร่ลูกท้อ สัมภาษณ์ครอบครัวผู้ปฏิบัติธรรม เราไปกันเถอะ.......

หยางเซิง : นั่งบนบัวอาสน์ไปกับอาจารย์ แพล็บเดียวก็มาถึงบ้าน ๆหนึ่ง

อรหันต์จี้กง : วันนี้พามาเป็นแขกที่นี่

หยางเซิง : ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วจะต้อนรับเราได้อย่างไร

อรหันต์จี้กง : เจ้านี่คิดแต่จะกินฝ่ายเดียว เจ้าลองดูที่เก้าอี้โซฟาร์เจ้าของบ้านกำลังพูดว่าเหมือนได้กลิ่นหอมอย่างนั้น คงจะเป็นเทพ พุทธ มาเยือนกระมัง พอเขาพูดเช่นนี้ คนทั้งบ้านไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กเล็ก ต่างทำจมูกเหมือนดมกลิ่นหอมที่ว่านั้นดู

หยางเซิง : ทำไมคนส่วนใหญ่ พอได้กลิ่นหอม ๆ ฉับพลันก็มักจะว่า เทพ พุทธ ลงมาเยือน

อรหันต์จี้กง : เทพ พุทธ เป็นรัศมีธาตุที่บริสุทธิ์ อันที่จริงไม่มีกลิ่นไม่มีสี แต่หากปราศจากทั้งรูป และกลิ่น คนก็ไม่อาจสัมผัสได้เลย ดังนั้นก็จะเห็นเป็นรัศมี หรือกลิ่นที่หอมสดชื่นเพื่อให้คนได้สัมผัสรู้

หยางเซิง : เป็นเพราะเทพ พุทธ ได้รับควันธูปเป็นประจำในศาลเจ้า ดังนั้น กายจึงมีกลิ่นธูปติดตัวอยู่ ใช่ไหม

อรหันต์จี้กง : ฮาฮ้า ! ใกล้ชาดสีจะแดง ใกล้หมึกสีจะดำ ใกล้ศาลเจ้ากลิ่นธูปจะหอม ใกล้ธรรมจะได้บุญ เป็นเหตุผลที่แน่นอน ชาวโลกหากอยู่ใกล้วัด นาน ๆไปร่างกายก็จะมีกลิ่นหอม อันนี้เป็นพลังที่แฝงเร้น

หยางเซิง : อ๋อเป็นเช่นนี้เอง นับว่าเป็น “รสธรรมสะท้อนธาตุธรรมบังเกิด”

อรหันต์จี้กง : เราเข้าไปเยี่ยมพวกเขากันเถอะ

หยางเซิง : เดินตามหลังอาจารย์เข้าไปในบ้าน ในห้องรับแขกมี 5 คน นั่งอยู่ นอกจาก พ่อ – แม่ ก็ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่งกับลูกเล็กคนหนึ่ง พวกเขาล้วนมีรัศมีแห่งพุทธะเปล่งประกาย  นับว่าบำเพ็ญธรรมได้ไม่น้อย

อรหันต์จี้กง : พวกเขาล้วนกินเจทั้งบ้าน มาได้หนึ่งปี สุขสบายทั้งบ้าน ธาตุธรรมเต็มเปี่ยม

หยางเซิง : มิทราบว่า ชาติก่อนพวกเขาสะสมบุญมาอย่างไร ทำไมจึงกินเจกันได้พร้อมเพรียงกัน เหมือนทะเลไร้คลื่นศิษย์มักเห็นโดยทั่ว ๆ ไปว่า สามีบำเพ็ญธรรมภรรยาไม่หรือภรรยาบำเพ็ญสามีคัดค้าน บ้างลูกบำเพ็ญแม่สนับสนุน บัางลูกบำเพ็ญพ่อขัดขวาง โดยมากการบำเพ็ญมักไม่ราบเรียบ มีอุปสรรค ขอท่านอาจารย์โปรดอธิบายด้วย

อรหันต์จี้กง : ที่มาที่นี่ในคืนนี้ ก็เพื่อจะอธิบายถึงผลกรรมของผู้ปฏิบัติธรรมของครอบครัวนี้ มีคำกล่าวว่า “เรื่องราวทั้งหลายในโลกล้วนเกิดจากกรรมสัมพันธ์ เมื่อมีความสัมพันธ์ก็อยู่ร่วมกัน เมื่อไม่มีความสัมพันธ์ก็แยกกันไป” กรรมสัมพันธ์ก็มีทั้งกรรมดีกรรมชั่ว ตัวอย่างครอบครัวนี้ นับว่าเป็นกรรมดีสัมพันธ์ ตายายคู่นี้ชาติก่อนได้ช่วยกันทำงานในศาลเจ้าแห่งเดียวกัน ช่วยเหลืออธิบายความหมายใบเซียมซีบ้าง คอยแก้ปัญหาทุกข์ร้อนบ้าง ซึ่งเป็นการสะสมบุญ เมื่อมาเกิดเป็นคนในชาตินี้ จึงมีกรรมสัมพันธ์ได้แต่งงานกัน และเป็นเพราะชาติก่อนอยู่ใกล้ศาลเจ้า มีกรรมสัมพันธ์พิเศษ จึงทำให้ทั้งคู่นับถือพุทธและบำเพ็ญธรรมร่วมกัน ซึ่งมีรสนิยมต้องกันตลอดจนบุตร บุตรสะใภ้ และหลาน ล้วนเคยไปทำบุญไหว้พระในศาลเจ้าแห่งเดียวกันมาก่อน เพราะเห็นว่าผู้เฒ่าทั้งสองคอยรับใช้ชาวบ้าน ด้วยความศรัทธาทำให้หนุ่มสาวคู่นี้เลื่อมใสจึงมักใช้เวลาว่างในวันหยุด นัดพากันมาช่วยผู้เฒ่าทั้งสองคอยปัดกวาดทั่วบริเวณศาลเจ้า เพราะกรรมสัมพันธ์อันดีในชาติก่อน เมื่อได้เกิดเป็นคนอีกในชาตินี้ จึงได้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มีใจพร้อมเพรียงกันสู่ธรรม

     บางครั้งลูกเล็กวุ่นวาย พ่อบ้านก็ดูแลลูก เตือนให้ภรรยาไปฟังธรรมที่วัด บางครั้งภรรยาก็ดูแลลูก แล้วให้สามีไปทำงานที่วัด เมื่อแต่ละคนกลับมาบ้าน ก็จะนำสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังกันมา มาเล่าสู่กันฟัง เป็นการฟื้นฟูบทเรียน การมุ่งต่อธรรมเช่นนี้ หากพบปะกับเรื่องที่ไม่มงคล ไม่ถูกใจ ก็จะหยุดตรึกตรอง พยายามเข้าใจผู้อื่น ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงเต็มไปด้วยความปรองดองนับว่าเป็นครอบครัวเทวดาปานนั้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นผู้มีบุญที่กระทำไว้แต่ชาติปางก่อน

หยางเซิง : นับว่าเป็นที่น่าอิจฉาในการ “รวมกัน” ครอบครัวเทวดาเช่นนี้ เปรียบเสมือนหนึ่งนำเอาแดนสุขาวดีมาสู่มนุษยชาติ เช่นนี้แล้วแผ่นดินบริสุทธิ์ก็อยู่ใต้เท้าเรานี่เองขอเพียงแต่ให้คอยดูว่า รอยเท้าของเรานะสะอาดหรือไม่

อรหันต์จี้กง : ชาวโลกที่บำเพ็ญธรรมแล้ว พบกับชะตากรรมร้าย ก็ไม่ควรที่จะท้อถอยลังเลใจเป็นอันขาด หากท่านไม่ได้พบสภาพที่ดีงาม ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจะบ่งบอกถึงกรรมสัมพันธ์ ที่ท่านได้ปลูกฝังหน่อเอาไว้เมื่อชาติก่อนว่าทำไว้ไม่ดีงาม แต่ถ้าจิตใจของท่านยังยึดมั่นในธรรม ก็นับว่าท่านเป็นผู้มีรากธรรมที่ดีคนหนึ่ง ก็เหมือนกับผู้ขับรถยนต์ระยะทางไกลที่ขาดผู้ช่วย จึงมีความเหน็ดเหนื่อยกว่า บุคคลพวกนี้มักมีกรรมสัมพันธ์หนัก ต้องทนความลำบากค่อนข้างมาก หากจิตไม่ท้อแท้ต่อพระธรรมมีเพียงมุ่งหวังตลอดเวลา ย่อมทนทุกข์ในทุกข์ ภายภาคหน้าก็จะได้เป็น “เทพเหมือนเทพ” ดังนั้นจึงไม่ควรท้อถอย ยอมลำบากสัก 2 – 3 ปี ความสุขเป็นหมื่น ๆ ปี คนอื่นเขาไม่บำเพ็ญก็ช่างเขา ท่านต้องไม่ท้อถอยหากไม่บำเพ็ญธรรมตามคนอื่น ก็นับว่าท่านถูกปุถุชนชักนำชะล้างมลายไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาติหน้าคิดอยากจะได้อยู่ใกล้พุทธธรรมอีก คิดว่าโอกาสดูช่างจะริบหรี่เสียนี่กระไร จึงมักมีคำกล่าวว่า “เพียงพลาดพลั้งจากรากธรรม จะกลับคืนแสนยากนักหนา” ดังนั้น ถ้าคุณตาบำเพ็ญ คุณตาก็ได้รับ คุณยายบำเพ็ญ คุณยายก็ได้รับ การได้อยู่ร่วมกันเป็นกรรมสัมพันธ์ หากตนเองไม่ขยันเพื่อความก้าวหน้า ภายหลังผู้เหน็ดเหนื่อยก็ไม่พ้นไปจากตนเอง

หยางเซิง : หากสามีบำเพ็ญสามีได้รับ ภรรยาดูแลแต่ลูก ๆ ไม่มีเวลาไปเจริญธรรมแล้ว จะนับว่าภรรยาไม่ได้รับกระนั้นหรือ

อรหันต์จี้กง : ก็มิใช่ ในครอบครัวหนึ่ง มีภาระมาก ไม่อาจไปเจริญธรรมพร้อมกัน หากแต่ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนอีกฝ่ายหนึ่งไปเจริญธรรม ผู้สนับสนุนก็ได้เป็น “ผู้เกื้อกูลธรรม” ก็จะได้รับมรรคผลเหมือนกัน หากฝ่ายหนึ่งไม่สนับสนุนคัดค้านเขาก็จะไม่ได้รับ เพราะผู้คัดค้านย่อมเป็นผู้ไม่เชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเห็นว่า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้น” แน่นอนเรื่องเช่นนั้นก็จะไม่มีกับเขา ดังนั้นหวังว่าชาวโลก ที่มีสภาพไม่พร้อมจะไปเจริญธรรม ก็อย่าได้ขัดขวางผู้อื่นไปเจริญธรรม  ถ้าหากตนเองไม่สามารถเจริญธรรมแต่ช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้สำเร็จธรรมด้วยดี นับว่าเป็นผู้มีบุญมหาศาล ภายภาคหน้าก็จะมีกรรมสัมพันธ์ได้สำเร็จเช่นกัน เอาละสำหรับคืนนี้ เราเตรียมตัวกลับสำนักกัน

หยางเซิง : ขอรับ กระผมนั่งบนบัวอาสน์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์กลับสำนักเถอะ!

อรหันต์จี้กง : สำนักเซี้ยเต็กตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากบัวอาสน์ วิญญาณกลับเข้าร่าง

0
128

ตรง

1654918052.jpg
mindcyber
7 months ago
ซุปแห้ว

ซุปแห้ว

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

บันทึกความศักดิ์สิทธิ์ ของหนังสือเทวราชโองการ

1654918052.jpg
mindcyber
4 months ago
อย่าเบียดเบียนสัตว์เขากำลังชดใช้กรรม

อย่าเบียดเบียนสัตว์เขากำลังชดใช้กรรม

1654918052.jpg
mindcyber
2 years ago

ลืมตน

เซียนหลี่ทิไกว้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago