ภัยพิบัติจากธรรมชาติป้องกันยาก เป็นผีตายโหงขังแดนสี่
“ภัยพิบัติจากธรรมชาติป้องกันยาก เป็นผีตายโหงขังแดนสี่”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
แต่งหนังสือจนครบเล่มเผยแผ่ไป
ยืดอายุขัยกุศลแรงชนแซ่ซ้อง
คอยดูกาลข้างหน้าประกาศก้อง
คนทั้งผองจะกระจ่างปลอบเตือนใจ
อาจารย์ : คืนี้เป็นบทสุดท้ายของหนังสือ จะไปเที่ยวแดนขังสี่ และสถานที่พิเศษอื่น ๆ ก็จะเป็นการจบการท่องเที่ยว หนังสือก็สำเร็จสมบูรณ์ ประทานแพรฟ้าร่วมป้องกันตัว เราออกเดินทางกัน
หยงปี่ : อาจารย์หมายความว่าหนังสือเล่มนี้จะแต่งจบแล้ว ถ้าอย่างนั่นคืนนี้ก็ต้องเที่ยวแดนขังสี่แน่นอน
อาจารย์ : ใช่แล้ว
หยงปี่ : ผีตายโหงที่ขังในแดนขังสี่ เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติและตนเองไม่มีความสามารถจะต่อต้านหรือป้องกันได้ ถ้าเช่นนั้นผีตายโหงในแดนขังนี้จึงเป็นผีตายโหงที่น่าสงสาร
อาจารย์ : ไม่เสมอไป แม้สาเหตุจากการตายโหง ถึงจะไม่ใช่เวรกรรมที่ตนก่อไว้ แต่ในความมืดมนนั้น ก็ใช่จะถูกกำหนดไว้ในดวงชะตา หากแต่เป็นกรรมจากอดีตชาติก่อน ๆ ผูกพันมา
หยงปี่ : คงจะใช่ มิฉะนั้นพวกเขาก็ต้องไม่มีเหตุผล จะต้องตายโหง
อาจารย์ : แดนขังสี่ไม่ใช่เกิดจากการก่อของตนเองในชาตินี้ดังนั้นจุดมุ่งหมายในการฝึกอบรมก็จะไม่เคร่งครัดเหมือนแดนขังทั้งสามที่กล่าวมาแล้ว แต่อยู่ที่นี่ก็มีพิเศษ
หยงปี่ : อาจารย์ครับ มีพิเศษอะไรหรือ ศิษย์มาถึงที่นี่ไม่เห้นมีอะไรเลย
อาจารย์ : ที่เจ้าไม่เห็นผีตายโหงเมื่อมาถึงที่นี่ก็เพราะเป็นความพิเศษที่ไม่เหมือนแดนขังอื่น ๆ ที่ไให้การอบรมเหมือน ๆ กันแต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน มีชั้นเรียนเล็ก ๆ หลายชั้น พนักงานอบรมจำนวนมากจะบรรยายเล็งเป้าหมายไปที่สาเหตุการตายโหงอันสืบเนื่องมาจากกรรมในอดีตชาติก่อนๆ
หยงปี่ : อ๋อ....นี่คือความแตกต่างจากแดนขังอื่น ๆ
อาจารย์ : หนังสือ “เที่ยวเมืองตายโหง” ก็จบลงเพียงเท่านี้ ศิษย์รักเจ้ามีความรู้สึกอย่างไร
หยงปี่ : ศิษย์มีความสับสน กลัวแต่ว่าจะทำให้อาจารย์เสียแรงเปล่า
อาจารย์ : อาจารย์จะไม่พูดมากเกินไป เจ้าทำตัวให้ดีก็แล้วกันอาจารย์จะส่งเจ้ากลับสำนัก....ถึงแล้ว ข้ากลับละ