“ระหว่างทางพบเรื่องประหลาด สอดแนมหาต้นตอ”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ปฏิบัติหน้าที่งานหนักไม่น้อย
ใจไม่ถอยยอมรับเหนื่อยความแค้นลึก
ขอแต่เพียงวิญญาณผีรู้สำนึก
ทนรับฝึกปลอบประโลมแก่ชีวิต
อาจารย์ : เมื่อครั้งก่อนได้ไปเยี่ยมเยือนผู้อำนวยการฝ่ายธุรการคืนนี้จะไปเยี่ยมเยือนผู้อำนวยการฝ่ายพลาธิการต่อ เมืองตายโหงแบ่งการบริหารเป็นสองส่วนเด่นชัด ทำให้ได้รู้สภาพของเมืองพอสังเขป ประทานแพรฟ้าป้องกันตัว หลับตาเสีย....ออกเดินทางได้
หยงปี่ : อาจารย์ครับ “หนังสือเที่ยวเมืองตายโหง” แต่งมาถึงที่นี่เกือบจะ 20 ครั้งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เยี่ยมญาติมิตรของท่านผู้อ่าน ทัศนียภาพโดยรอบกับรายละเอียดภายในของเมืองตายโหงเยี่ยมชมยังกล่าวถึงน้อย อย่างนี้สิ่งที่น่าดูของหนังสือเล่มนี้ก็ดูออกจะน้อยไปหน่อย
อาจารย์ : พูดอย่างนี้ก็ว่าจดหมายที่สอบถามญาติมิตรผู้วายชนม์มากเกินไปล่ะสิ ก็เจ้านั่นแหละที่โทษว่าน้อยเกินไปเมื่อครั้งก่อนขัดแย้งกันแบบนี้ใครจะรับไหว
หยงปี่ : ไม่ขัดแย้งกันแม้แต่น้อย เป็นเรื่องจริงแต่จะขอช่วยทีหลัง ความหมายของศิษย์คือควรจะไปให้พบเห็นในทุก ๆ ด้านคิดถึงความสมบูรณ์แบบของหนังสือที่น่าจะทำ
อาจารย์ : เจ้าคิดจะเอาปัญหาที่ปวดหัวนี้โยนมาให้อาจารย์ใช่ไหม
หยงปี่ : มิกล้าหรอกครับ เพียงแต่ปรึกษาดูเท่านั้น
อาจารย์ : ถ้างั้นพวกเราอาจารย์ศิษย์ก็ขี่ลาร้องเพลง เดินไปดูไป !
หยงปี่ : ใช่แล้ว เหมือนโป๊ยเซียนข้ามทะเล ต่างคนก็ต่างแสดงอภินิหาร
อาจารย์ : เอา พูดคำไหนคำนั้น ห้ามขี้เกียจนะ ถึงเวลาแล้วอย่าร้องให้ช่วย
หยงปี่ : ช้าก่อน พวกพนักงานกำลังทำอะไรกันอยู่ กำลังวิ่งฝึกทหาร น่าสนุกจริงเหมือนคัดเลือกนักกีฬาประเภทลู่และลาน
อาจารย์ : ดีนะ ! เรียกเจ้าหลับตา เจ้ากลับแอบดู ลงไปขวางพวกเขา แล้วถามดูให้กระจ่างไปซิ
หยงปี่ : ได้ครับ ! (คิดจะเข้าไปขวางการวิ่งของหมู่แถว ใครจะรู้ว่าพวกพนักงานเหล่านั้นแต่ละคนก็ผ่านเขาไปโดยไม่สนใจหยงปี่ได้แต่วิ่งตามหลังเขาไป)
อาจารย์ : เจ้าก็เอาแต่เล่น วิ่งตามเขาไป ลืมเรื่องแต่งหนังสืออาจารย์ไม่มีเวลา มัวสบายวิ่งตามเจ้านะ
หยงปี่ : พวกเขาแปลกมาก ทำไมต้องวิ่งด้วย ศิษย์ไม่เข้าใจเลย ไม่แน่อาจจะต้องเข้าไปหารายละเอียดในเมืองตายโหง
อาจารย์ : ได้ อาจารย์จะรอเจ้าอยู่ที่นี่
หยงปี่ : ครับ แต่อาจารย์อย่าลืมรับผมกลับไป (พูดจบ ก็ออกแรงข้าวต้มเผ่นไปข้างหน้า วิ่งตามพนักงานคนข้างหลังสุดไป)
พนักงาน : แย่แล้ว เมื่อคืนเดือนสารท วิสุทธิเทพเบื้องบนตามหาผู้อำนวยการเพื่อมาดูงานทั้งเมือง เผอิญผู้อำนวยการกำลังจัดการวิญญาณผีที่ฝ่าฝืนอยู่ ทำไมบังเอิญอย่างนั้นก็ไม่รู้ วิสุทธิเทพท่านนี้ก็คือ เทพหม่ากูแห่งสระทิพย์ เมื่อกลับไปรายงาน ก็มีคำสั่งจากฟ้าทักษิณลงมาว่า การควบคุมดูแลของผู้อำนวยการฝ่ายพลาธิการไม่เหมาะสม ต้องมีใจรักการอบรมสั่งสอน ไม่สามารถที่จะลงโทษตามอำเภอใจได้ ผู้อำนวยการได้รับคำสั่งต้องตอบเรื่องนี้ ดังนั้นพนักงานฝ่ายพลาธิการทั้งเมืองจึงผลัดเปลี่ยนกันออกวิ่งเพื่อลงโทษตนเอง พวกเราเป็นผลัดที่สาม จะไม่วิ่งแบบอุทิศชีวิตหรอกหรือ
หยงปี่ : อื้อ ! วิ่งแบบมีคุณค่า แต่ทำไมจะเปลี่ยนสภาพเช่นนี้ได้ รอประเดี๋ยวจะเรียนถามอาจารย์ (พอพูดจบ กำลังคิดจะหันกลับไปหาอาจารย์ว่าอยู่ที่ไหน)
อาจารย์ : ไม่ต้องหาแล้ว ให้อาจารย์ตามหาผู้อำนวยการฝ่ายพลาธิการให้เจ้า เพื่อขอคำชี้แจง
หยงปี่ : ครับ ศิษย์ขอคารวะ....ว้าย ! พระเจ้าช่วย ท่านเป็นคนหรือผีกันแน่ (ที่แท้เป็นคนหรือเป็นผีก็ผิดหมด เขากำลังพูดละเมอที่เห็นข้างหน้าเป็นจิตญาณของเทพ)
ผู้อำนวยการ : ฮะฮ้า ! อย่ากลัว ถึงแม้หน้าตาข้าจะน่ากลัว แต่ใจของข้าดีนะ ไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก
หยงปี่ : ศิษย์ไร้มารยาทแล้ว แต่หน้าตาท่านผู้อำนวยการทำให้คนกลัว เอ ! ศิษย์นึกออกแล้ว ในประวัติศาสตร์ชาติจีนดูเหมือนจะมีบันทึกเหมือนท่านอยู่คนหนึ่ง
ผู้อำนวยการ : ถูกแล้ว ข้าก็คือเขา ปกครองเมืองตายโหงมาแค่ 400 กว่าปีเท่านั้น ผู้อำนวยการคนก่อนเป็นชาวอียิปต์ การจัดการของเขาก็แตกต่างกันไป ปัจจุบันข้าได้เปลี่ยนแปลงใหม่แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
หยงปี่ : นี่มันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือศิษย์มีข้อสงสัย 3 จุด จุดที่ 1 ทำไมจึงต้องสร้างเมืองตายโหง จุดที่ 2 ทำไมจึงต้องมี 2 ผู้อำนวยการ จุดที่ 3 ทำไมจึงทำให้พนักงานของเมืองตายโหงต้องลงโทษตัวเอง
ผู้อำนวยการ : จุดที่ 1 การสร้างเมืองตายโหงเป็นความกรุณาของเบื้องบนที่ต้องการขจัดมนุษย์ที่ยังมีอายุไม่ถึงอายุขัยต้องถูกลงโทษในเมืองนรก ทั้งยังช่วยอบรมจิตวิญญาณให้ยอมรับคติของบาปบุญคุณโทษ
จุดที่ 2 การมีผู้อำนวยการ 2 คน เพราะหน้าที่ไม่เหมือนกัน ก็เหมือนยมบาลในเมืองนรกที่แบ่งเป็น 10 ขุม
หยงปี่ : ไม่ถูก การสร้างเมืองตายโหงน่าจะไม่สำคัญ เอาเข้าอยู่ในขุมนรกก็ได้ ทำไมต้องสร้างเป็นเอกเทศ ตามที่ท่านผู้อำนวยการกล่าวไว้ การตายโหงหาใช่มีเพียงมนุษยชาติวิญญาณของพวกอื่นจะไม่มีตายโหงหรือ การแบ่งของขุมนรกก็ขึ้นอยู่กับอำนาจการสืบสวน การสอบสวนของเมืองตายโหงก็ขึ้นอยู่กับศาลสอบสวน หากเป็นเช่นนี้ผู้อำนวยการทั้งบุ๋นและบู๊มีอำนาจอะไร
ผู้อำนวยการ : มีความคิดหลักแหลมดี วันนี้เวลานี้และที่นี่มิใช่สถานที่พูดคุยกัน
อาจารย์ : พูดถูกแล้ว ศิษย์รัก วันนี้หยุดแค่นี้ คราวหน้าเราอาจารย์ศิษย์ค่อยนั่งฟังผู้อำนวยการอธิบายก็แล้วกัน ให้อาจารย์ส่งเจ้ากลับสถานธรรมเถอะ