“เจ็บป่วยนานวันใจเบื่อหน่าย โกรธแค้นเหตุไม่กระจ่าง”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
เจ็บป่วยนานช้ำระบมระทมทุกข์
โทษมหันต์ดูถูกคุณผู้ให้เกิด
อกตัญญูกรรมหนักมิอาจละเมิด
จงรับเถิดในคืนนี้ชั่วประจักษ์
อาจารย์ : คนที่ฆ่าตัวตายเป็นการดูแคลนการเกิด ไม่ว่าเพราะเหตุผลอันใด อันแรกก็ผิดมีบาปเพราะอกตัญญู เพราะฉะนั้นพวกที่ฆ่าตัวตาย นอกจากจะเพิ่มการอบรมสั่งสอนแล้ว เมื่อส่งต่อไปยังยมโลก บนเอกสารก็จะเซ็นต์กำกับไว้เป็นพิเศษเมื่อทางยมโลกพิจารณาสอบสวนแล้ว ต้องได้รับโทษหนักเพิ่มขึ้น 1 ถึง 3 เท่า ภายหลังชั่งน้ำหนักระหว่างบาปและบุญก็ให้ยมบาลกำหนดแน่นอนลงไปอีกที ประทานแพรฟ้าป้องกันตัว หลับตาเสียเตรียมออกเดินทาง....ถึงแล้ว ลืมตาเถอะ
หยงปี่ : ครับ....ที่นี่เหมือนโรงพยาบาล เป็นที่ไหนกัน
อาจารย์ : เมืองผีตายโหง ชั้น 4 แดนขัง 2 ห้อง 3 รับพวกฆ่าตัวตายโดยเฉพาะ มีกำหนดอายุขัยภายใน 20 ปี
หยงปี่ : (ค่อยพิจารณาดูถี่ถ้วน) อาจารย์ครับ ! ทำไมวิญญาณผีที่นี่ล้วนมีภาพที่น่ากลัว มีเลือดไหลออกตามทวารทั้งเจ็ด มีหน้าตาบวมเขียว ดำคล้ำ นัยน์ตาถลน แต่มองดูอายุก็ไม่น้อยแล้ว
อาจารย์ : พวกินยาฆ่าตัวตาย ย่อมไม่มีใบหน้าที่ดูดีหรอก ในห้องนี้ล้วนแล้วแต่พวกที่เจ็บป่วยนานวันจนเบื่อโลกแล้วฆ่าตัวตาย ตอนนี้มีวิญญาณผีเจ้าพนักงานคุมวิญญาณผีมาคนหนึ่ง เจ้าสอบถามเองได้
หยงปี่ : ครับกระผม (ขอบคุณผีเจ้าหน้าที่) ขอถามวิญญาณผีผู้หญิงเป็นเพราะอะไรจึงถูกคุมขังที่เมืองตายโหง
วิญญาณหญิง : ฉันเจ็บป่วยมานานไม่รู้จักหาย ใจเกิดเบื่อหน่ายโลกขึ้น จึงฆ่าตัวตาย ตายแล้ววิญญาณจึงถูกคุมขังที่นี่
หยงปี่ : น่าสงสารมาก ตอนเธอเจ็บป่วยคงไม่มีญาติมาดูแลกระมัง รักษาตัวมานานใช่ไหม มิฉะนั้นเธอคงไม่ฆ่าตัวตายใช่ไหม
วิญญาณหญิง : อันนี้ไม่ใช่จะไม่มีญาติดูแลรักษา แต่เพราะโรครุมเร้า จิตใจนับวันมีแต่ทุกข์ ก็เลยมึน ๆ งงๆ ฆ่าตัวตายพอถึงศาลสอบสวนเห็นม่านฉายภาพจริง จึงรู้ว่าดาวเคราะห์กำลังแรงและขาดโชคช่วย จึงทำให้ไม่พ้นเคราะห์กรรมนี้
หยงปี่ : ดูเธออายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ถ้างั้นอายุขัยบนโลกเหลืออีกกี่ปี
วิญญาณหญิง : ฉันต้องถูกขังในเมืองตายโหง 15 ปี
อาจารย์ : อายุขัยบนโลกเหลือ 15 ปี ก็ขังในเมืองผีตายโหง 15 ปี แต่ว่าเจ้าฆ่าตัวตายมีโทษฐานอกตัญญู เมืองตายโหงไม่มีสิทธิ์สอบสวน แต่ก็เซ็นต์กำกับไปให้ยมโลก ถึงตอนนั้นเจ้ายังมีโทษทัณฑ์ในยมโลกอีกนานเท่าใดก็ยังไม่รู้ ข้าก็จะเอาจุดนี้พูดโดยตรงกับชาวโลก เพื่อตักเตือนชาวโลก การฆ่าตัวตายมีคดีเกี่ยวโยงมาก มีความสับสนเมื่อเทียบคดีอื่น อย่างเช่นว่าคดีอุบัติเหตุ นอกจากคนที่ประสบเพราะเหตุปางก่อน กับปรากฏผลในภายหลังแล้วไม่เกี่ยวโยงกับอะไร แต่การฆ่าตัวตายนอกจากตนเองจะมีโทษฐานอกตัญญูแล้ว ยังต้องให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรมในการฆ่าตัวตาย กับการเกี่ยวข้องกับผู้อื่น จึงต้องเซ็นต์กำกับไว้ในคดี ยกตัวอย่างว่า เจ็บป่วยมานานแล้วไม่มีบุตรกตัญญู หมายความว่า เมื่อเจ็บป่วยนานวันเข้าลูกตัวเองแท้ ๆ ยังขี้เกียจที่จะป้อนหยูกยาให้ถึงแม้จะพูดให้เหมือนกันไม่ได้แต่ก็เป็นส่วนใหญ่ ถ้าผู้ป่วยคนนี้ตนเองทนรับการเจ็บป่วยไม่ได้เลยฆ่าตัวตาย ตัวเขาเองก็ต้องรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดด้วยตนเอง ถ้าหากผู้ป่วยคนนี้เจ็บป่วยแล้วไม่ได้รับการดูแลที่ดีจากครอบครัว ใจเบื่อหน่ายโลกแล้วฆ่าตัวตาย ถ้างั้นตัวเขาเองต้องรับหนี้การจองจำในเมืองตายโหงแล้วยังต้องรับโทษทัณฑ์ที่อกตัญญูอีกด้วย คนในครอบครัวเขาก็ต้องถูกลงบันทึกในสมุดการเกิดการตายของยมโลก ถึงสาเหตุอันเลวร้ายจนทำให้ถึงแก่ความตาย แล้วดูว่าพฤติกรรมนั้นหนักเบาแค่ไหน ก็จะได้รับโทษหนักเบาตามนั้นเป็นการตอบสนอง ที่อธิบายมาแล้ว ข้าจะสรุปให้ชาวโลกฟังว่า ตายดีสู้มีชีวิตอย่างเลว ๆ ไม่ได้ มดมันยังอยากมีชีวิต แล้วมนุษย์ล่ะ ชาวโลกควรเข้าใจถึงชีวิตมีคุณค่าไม่ว่าจะอยู่มุมไหนหรือสภาพอย่างไร ชีวิตที่ปรากฏอยู่นอกจากมีคุณค่าแล้ว ตัวเองก็สามารถที่จะพิจารณาได้ไหมว่าอยู่ในสภาพลำบากแค่ไหน เพื่อให้แต่ละชีวิตยืนยาว สุดท้ายข้าขอให้ชาวโลกจงคิดสักสามครา คดีฆ่าตัวตายคนหนึ่งก็สามารถที่จะฉุดครอบครัวให้เฮงหรือซวยได้ ยิ่งสามารถที่จะฉุดบุญและลาภของลูกหลานได้ เพราะฉะนั้นชาวโลกอย่าได้ดูแคลนจนเกิดเรื่องขึ้น แต่เมื่อพูดกลับมาอีกที เพื่อขจัดไม่ให้ละครเศร้าเกิดขึ้นอีกก็ต้องเผยแผ่ความกตัญญูกตเวทิตาธรรม ผลักดันให้ปฏิบัติจริง ๆ เป็นหน้าที่ที่รีบด่วนเป็นอันดับแรก เอาละ....คืนนี้เที่ยวถึงที่นี่ อาจารย์จะส่งเจ้ากลับสถานธรรม