“ชีวิตวัยรุ่นจมปรัก ยาเสพติดเหมือนยาพิษ”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ชีวิตวัยรุ่นจมปรักน่าสงสาร
ทำลายกาลอนาคตโดยไม่รู้
ไม่ห่วงใยพ่อแม่ที่เลี้ยงดู
ถึงตายโหงสำนึกรู้ก็สายแล้ว
อาจารย์ : น่าสงสาร! สังคมปัจจุบันกดดันไม่สดใส ทำลายจิตใจและกายพวกวัยรุ่น ทำให้หันมาเสพยาเสพติด (ผงขาว ยาม้า ยาขยัน ตลอดจนทินเนอร์) ยาพวกนี้ ทำให้เกิดสภาพจิตหลอนมีความเพ้อฝัน ใจเบาหวิวเหมือนจะลอยได้ ทำให้ลืมความกดดันไปชั่วขณะ พอยาหมดฤทธิ์ กลับกลายเป็นผลร้ายที่ร่างกายได้รับ ซึ่งวัยรุ่นรู้ไม่เท่าทันหรือคาดคิดไม่ถึง
หยงปี่ : อาจารย์.....ท่านเข้าใจอย่างละเอียดเช่นนี้ หรือเป็นเพราะว่าอาจารย์ได้ทดลองเสพมาแล้ว
อาจารย์ : อาจารย์ได้เคยทดลองมา แต่น่าเสียดายพวกยาเหล่านี้กลับไม่เกิดผลอะไรกับอาจารย์ ซึ่งที่จริงแล้วอาจารย์คิดจะลองดูถึงสรรพคุณของยา เพื่อนำมาพิจารณาดูว่าเยาวชนปัจจุบันทำไมจึงนิยมชมชอบที่จะเสพยาเสพติดเหล่านี้ ความคาดหวังกลายเป็นความว่างเปล่าเสียแล้ว
หยงปี่ : อาจารย์มีน้ำใจยิ่งนัก! สมกับที่เป็นเทพเซียน ผมไม่เข้าไปเมืองนรกแล้วใครจะเข้า
อาจารย์ : ไม่ต้องมายกยอ ให้เจ้าไปทดลองดูว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรก็ได้
หยงปี่ : อมิตตาพุทธ! ศิษย์เป็นปุถุชนไฉนเลยจะไม่ถูกเจ้าผงขาวมอมเมา เพราะฉะนั้น ศิษย์จึงไม่คิดจะเปื้อนเปรอะมันเข้า มีคำกล่าวว่า “พระโดดกำแพง” หมายถึงความหอมของเนื้อสุนัขแม้แต่พระได้กลิ่นก็ยังต้องโดดกำแพงมาหา ศิษย์โชคดีที่ไม่ไปแปดเปื้อนมัน ท่านจะลองก็ลองอย่าพาศิษย์ลงไปลุยน้ำด้วย
อาจารย์ : เจ้าคิดเตลิดไปถึงไหน ที่อาจารย์ต้องการให้เจ้าทดลองเพราะคืนนี้ไปเมืองตายโหงก็เพื่อหาคนคนหนึ่งที่ติดยาเสพติดจนกลายเป็นวิญญาณผีตายโหง เจ้าเอาใจใส่หน่อยเพื่อให้เขาได้ขุดเอาความลับในตัวของเขาออกมา เพื่อส่วนรวมของโลกเพื่อให้ชาวโลกมีความหวาดระแวงกลัวภัย
หยงปี่ : ที่แท้คือเช่นนี้เอง เช่นนี้ก็ไม่เป็นไร มีคำถามหนึ่งที่ค้างในใจผมมานานแล้ว
อาจารย์ : ดีแล้ว ประทานผ้าแพรฟ้าปกป้องตัว หลับตาออกเดินทาง......ตอนนี้เจ้าลองมอง ๆดูว่าที่นี้เป็นที่ไหน
หยงปี่ : พวกผีเหล่านี้สีหน้ายังกับเปรตใต้ทะเลลึก หน้าเขียวซีดฟันก็แสยะน่าเกลียดน่ากลัวมาก บางตนยังมีเหงื่อเม็ดเป้ง ๆ เท่าถั่วท่วมหัว นัยน์ตาทั้งสองข้างมีเส้นเลือดแดงถลนออกมาน้ำลายไหลยืดที่มุมปาก ใบหน้าก็ขาวซีดจนออกเขียว ถ้าพวกเขาอยู่ที่ป่าช้า ไม่ต้องแต่งตัวก็เหมือนผีแล้ว คอยแต่หลอกหลอนคนให้หัวโกร๋น
อาจารย์ : เลอะเทอะใหญ่แล้ว พวกเขาก็เป็นผีอยู่แล้ว ตอนนี้จะลองไปถามผีตนหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ กำลังนั่งอยู่บนก้อนหินสีดำ ดูเป็นผีวัยรุ่น
หยงปี่ : เฮ้ย! พูดกับพวกผียาเสพติดเหล่านี้ ไม่ช่วยคุยเอาเสียเลย พอเห็นหน้าตาพวกเขาขนก็ลุกซู่ขึ้นมาทันที เป็นเพราะคำสั่งอาจารย์ขัดขืนไม่ได้ก็ต้องยอมไปดู....เฮ้ย! น้อง ๆ เรามาคุยกันหน่อย เจ้ากล้ามานั่งที่นี่คนเดียวหรือ
วิญญาณผี : ฉันพอใจที่นั่งอยู่ที่นี่ ท่านมายุ่งทำไม
หยงปี่ : เอ้อ! ใจดีไม่เห็นดีด้วย เห็นข้ามาสนใจเจ้าหน่อย
อาจารย์ : บุญไม่ถึง เอาความกระด้างใส่เขา ศิษย์โง่เอ๋ย! อาจารย์เอง ดูอาจารย์เอามือยื่นแล้วเจ้าก็กวักมือ เจ้าเกาซื่อตง อายุยังน้อย ก็เสพยาเสพติดจนประสาทหลอนตกลงไปตายโหงในคลอง ตอนนี้ก็ยังไม่คิดให้ดี กลับเนื้อกลับใจ ยังทำเย่อหยิ่งไม่สุภาพ ให้ฟังปิยวาจาของข้าตักเตือน ให้ระบายความในใจออกมาจะดีขึ้นหน่อย เท่าที่ข้าตรวจตอนนี้เจ้ากำลังเสียใจและเจ็บปวดอยู่ ใช่หรือไม่
วิญญาณผี : เฮ้อ! ไม่ใช่ ๆ ผมเองมันไม่ดี แต่ละวันเอาแต่หาเรื่องเดือดร้อนกดดัน เสพยาฉีดยาให้มึนเมาไปวัน ๆ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน ไม่สามารถมีความสงบ ในที่สุดพวกเพื่อน ๆ ก็ตีจากไปไกล คนข้าง ๆ ก็ได้แต่ชี้ ๆ พอตายแล้วก็มาที่นี่ วิญญาณก็ยังขุ่น ๆ มัว ๆ ไม่สดใส ผมเองก็ได้แต่เสียใจ เคียดแค้นอยากจะเอาหัวชนหินตายอีกที
หยงปี่ : ไม่ได้ ๆ! คนฆ่าตัวตาย เป็นบาปเพราะอกตัญญู ผีฆ่าตัวตายก็ยิ่งบาปใหญ่ ฟังข้าตักเตือนดีกว่า อดทนหน่อยเผชิญหน้ากับความจริง ข้าคิดว่า ตอนเจ้ามีชีวิตอยู่เป็นเพราะไม่กล้าสู้ความจริง จึงเป็นเหตุให้เสพยาเสพติด
วิญญาณผี : ก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ว่าก็เป็นสาเหตุอันหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือ ถูกเพื่อนเลวหลอกลวง จึงได้รับผลอันน่าเวทนาเช่นนี้ รู้ตัวก็สายเสียแล้ว
หยงปี่ : ไม่สาย ถ้าหากเจ้าเอาเรื่องที่ผ่านมา ตีแผ่ให้ชาวโลกได้รับรู้ หากสามารถนำมาตักเตือนพวกที่ติดยาเสพติดอยู่ได้กลับเนื้อกลับใจ หรือให้พวกที่ไม่รู้อะไรได้หวาดระแวงกลัวสิ่งที่เจ้าได้รับจะเป็นมหากุศล จะช่วยให้เจ้าได้พ้นทุกข์ในเร็ววัน
วิญญาณผี : ขอบใจที่ชี้แนะ อันที่จริงการเสพยาเสพติดเป็นเรื่องของคนโง่กับพวกที่ไม่รู้ แต่ก็เพราะไม่รู้และโง่จึงได้ไปติดสิ่งเลวร้ายพวกนี้ เท่าที่ผมรู้ พวกเสพยามี 3 ประเภท
1. ถูกพวกวายร้ายต้องการขายยา โฆษณาชวนเชื่อ ใช้มาตรการอันเลวร้ายหลอกลวงคนให้ติดเหยื่อเพื่อให้ติดยา พวกวายร้ายก็จะได้เงินไม่ขาดมือ
2. พวกชอบลองของ อยากลองดูรสชาติของยาเสพติดว่าเป็นอย่างไร ในที่สุดก็ตกเป็นทาสของยาเสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้น
3. ถูกเพื่อนเลวชักนำ จับกลุ่มกันเสพเห็นเป็นของสนุก ด้วยเหตุนี้ยิ่งถลำก็ยิ่งลึก สรุปได้ว่า ถ้าตัดการซื้อขายอย่างเด็ดขาดได้ก็สามารถตัดภัยจากยาเสพติดได้
หยงปี่ : ก็คงไม่ได้กระมัง! ที่ว่ายาเสพติดบางชนิดต้องได้รับการอนุญาตจากนายแทพย์เสียก่อนจึงใช้ได้ อันที่จริง ในวงการแพทย์ ยาเหล่านี้ก็มีความสำคัญไม่น้อยจะห้ามการซื้อขายได้อย่างไร
อาจารย์ : พวกเธอไม่ต้องเถียงกัน เพราะต่างก็มีเหตุผล ข้าจะสรุปให้ “ยาเสพติด” เป็นยาที่องค์การกระทรวงสาธารณสุขเขาห้ามไม่ให้ประชาชนใช้ได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นการตัดภัยจากยาเสพติด ขึ้นอยู่กับทุก ๆ คนต้องรักษาสัญญา ปฏิบัติตามกฏหมาย ก็จะไม่เป็นภัยกับผู้ใด อีกอย่างหนึ่ง สมาคมของเยาวชนต้องมีสิ่งนันทนาการอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นการเลี่ยงต่อการแปดเปื้อนกับสิ่งไม่ดี ในที่สุด พวกวายร้ายขายยาต้องให้หน่วยรักษาความสงบเอาจริงเอาจัง จะได้ไม่เอาสิ่งนี้เป็นอาชีพ ก็จะสามารถขจัดภัยร้ายให้กับเยาวชนที่ไม่รู้เหล่านั้นได้
อาจารย์ : คืนนี้แต่งหนสังสือพอแค่นี้.....ข้าจะนำเจ้ากลับสถานธรรม