10.พระอาจารย์เรียกอีกคนหนึ่งมาแสดง

2024-10-13 07:44:32 - mindcyber

    พระอาจารย์เรียกอีกคนหนึ่งมาแสดง

     คนนี้โง่กว่ากลิ้งได้ 6 รอบ

      ผู้น้อยนับได้แต่เมื่อสักครู่นี้นับไม่ทัน พระอาจารย์เรียกต่ออีกคนนี้กลิ้งได้ 3 รอบ คนสุดท้ายกลิ้งรอบเดียว พระอาจารย์บอกให้ทุกคนตบมือ ผู้น้อยคิดว่าคนนั้นกลิ้งเก่ง ทำไมพระอาจารย์ไม่ให้ตบมือ คนสุดท้ายรอบเดียว พระอาจารย์กลับบอกให้ทุกคนตบมือ ผู้น้อย จึงเรียนถามพระอาจารย์ว่าเพราะอะไร ? 

     พระอาจารย์ ถามคนที่ตีลังกาเก่งๆ

      "เจ้ามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว" 

     คนนั้นตอบว่า   "3 ปีกว่า"  

     แล้วถามอีกคนหนึ่งที่ตีลังการอบเดียว

      "เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว" 

     เขาบอกว่า  "7 ปีแล้ว"   

     ฝึกอยู่ 7 ปี ตีลังกา 1 รอบ คนแรกคุกเข่า 3 ปี ตีลังกาเก่ง

     ผู้น้อยพูดว่า

      "ก็ดีนะได้ออกกำลังกาย" 

     พระอาจารย์บอกว่า

      ทั้งนี้เป็นการแสดงว่า คนมารับธรรมะ แต่ไม่ได้เข้าชั้นศึกษาพุทธระเบียบ ไหว้พระไม่เป็น หลังจากตายแล้วจิตญาณเบาจะกราบก็ตีลังกา ต้องคุกเข่า จนใจสะอาด จึงจะไม่ตีลังกา" 

     พระอาจารย์พูดอีกว่า

        "ศิษย์เจ้าจงรีบไปบอกกับทุกคน มีกายเนื้อฝึกฝนง่าย ฝึกฝนในโลกมนุษย์หนึ่งวัน ดีกว่าฝึกฝนที่นี่หนึ่งปี"  

      พระอาจารย์: คนเหล่านี้ล้วนได้รับธรรมะ ขณะมีกายเนื้อ ดื้อ พูดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา เข้าชั้นฝึกฝน อาจารย์แนะนำรับรอง พูดกับเขาว่า

       "นี่เธอรับธรรมะแล้วนะ ต้องกลับมาสถานธรรม ฝึกฝนพุทธระเบียบ"  คนเหล่านี้ไม่สนใจ กลับพูดว่า

       "ฉันหาเงินสำคัญกว่า ไหว้ไไปไหว้มาก็แค่นั้น งานของฉันสำคัญกว่า"  เป็นเพราะไม่ได้ใกล้ชิดสถานธรรม ไม่ได้ฝึกฝนพุทธระเบียบ เมื่อตายกลับไปไหว้ไม่เป็น ก็ไม่ได้เข้าพบพระองค์ธรรมมารดา ต้องฝึกฝน จนใจว่างเปล่า คุกเข่าบนเบาะกราบจึงจะไม่ตีลังกา รับธรรมะแล้ว อย่างน้อยที่1 สุด ชัน-ฉือเจี้ย จะต้องเป็น หลังจากตายแล้วจะได้ขึ้นไปกราบพระแม่องค์ธรรม

     หาก ชันฉือเจี้ย ไม่เป็น ก็จะต้อง มาฝึกอยู่ที่พุทธาลัยแห่งนี้ ที่พระอาจารย์ถามคนที่คุลเข่า 

     มีคำพูดใดที่จะฝากให้หลินถันจู่ไปบอกไหม ? 

     ทุกคนล้วนมีความเห็น ทุกคนต่างยกมือขึ้น

     พระอาจารย์ให้คนแรกที่แสดงพูดก่อน เขาคุกเข่าตบพื้นพูดอย่างโกรธแค้นว่า ฉันเกลียดผู้แนะนำรับรองหลังจากรับธรรมะ เพื่ออาหาร 3 มื้อ ฉันไม่ได้เข้าชั้นเรียนเลย ผู้แนะนำไปเรียก 2-3 ครั้ง ฉันไม่ไปสถานธรรม จากนั้นก็ไม่ยอมมาเรียกฉันอีกวันนี้ฉันจึงเป็นแบบนี้ เพราะผู้แนะนำรับรอง หากผู้แนะนำไปหาหลายครั้ง ฉันก็มาแล้ว

      พระอาจารย์: ศิษยได้ยินไหม? 

 หลินถันจู่: ได้ยิน แต่อย่างนี้ก็ไม่ถูก ผู้แนะนำ รับรองไปหา เธอไม่มาเอง เวลานี้พูดอย่างนี้ช้าไปหรือเปล่า? ที่เขาพูดมีเหตุผลและไร้เหตุผล ด้านหนึ่ง เพราะเขาไม่มาเองอีกด้านหนึ่ง เมื่อผู้เเนะนำรับรองชวนไปรับธรรมะแล้ว จะต้องส่งเสริมให้ถึงฝั่งจึงจะมีบญกุศล

      พระอาจารย์: กลับไปเจ้าต้องส่งเสริม หากไม่ไปเข้าชั้นศึกษาธรรม ยังไม่เป็นไร แต่พุทธระเบียบต้องเป็น กลับไปจะได้ไม่ลำบาก หากเจ้าไม่สร้างบุญ ไม่ร่วมชั้นศึกษาธรรม เพียงแต่มรรคผลจะใหญ่ หรือเล็กเท่านั้น ทุกคนยังสามารถไปกราบพระองค์ธรรมมารดาได้แต่ถ้าเจ้ากราบไหว้พระไม่เป็นเจ้าก็ร่วมกราบไหว้กับผู้อื่นไม่ได้ข้อนี้ต้องไปบอกให้ทุกคนทราบ

     ต่อมาพระอาจารย์ได้เรียกพุทธบริกร ที่แขวนป้ายลงทะเบียน 3 คน ออกมาสาธิตวีธีการกราบพระให้ผู้น้อยดู

     คนที่ 1 กราบอย่างไร (โจ้อี๋ กุ้ย) มือไม่โค้ง ใช้ฝ่ามือกราบ

     คนที่ 2 มือกราบ แต่ศีรษะไม่ก้มกราบ

     คนที่ 3 แบบมาตรฐาน มือกราบ ศีรษะก็ก้มลงด้วย

 

 

      พระอาจารย์:  ศิษย์ เจ้าดูซิว่าใครกราบได้ถูกต้องหลินถันจู่ ลำดับที่ 3

      พระอาจารย์:  "ใช่" สิ่งที่ต้องแก้ไข พวกเราต้องแก้ไขหากอนาคตสำเร็จธรรมกลับไป จะได้ไม่ถูกคนหัวเราะเยาะ เป็นศิษย์ของอาจารย์ ไป ถึงสวรรค์ กราบพระอย่างนี้ อายแย่เลย

      หลินถันจู่:  พระอาจารย์ให้ผู้น้อยกลับไปพูดกับทุกคน พวกเราเป็นศิษย์ของพระอาจารย์จะต้องกราบพระให้ดีเหมือนกับไป ชัน-ฉือเจี้ย พระแม่องค์ธรรม ต้องกราบไหว้ให้เป็น อย่าให้พระอาจารย์เสียหน้าพระอาจารย์ยังบอกอีกว่าญาติธรรมแก่ๆไม่มีแรงก็ไม่ต้องคุกเข่าไม่เป็นไรแต่การกราบพระต้องเป็น ญาติธรรมใหม่จะต้องขอร้องตัวเองให้กราบพระให้เป็นคนที่แข็งแรงต้องกราบ พระให้สวยงาม จึงจะเป็นเกียรติแก่พระอาจารย์

      พระอาจารย์:  หอบำเพ็ญเคี่ยวกรำ มีอยู่ 3 แห่ง

      แห่งแรก หอบำเพ็ญเคี่ยวกรรมสำหรับญาติธรรมทั่วไป หากยังบำเพ็ญไม่สมบูรณ์ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ก็จะมาเสริมบำเพ็ญต่อที่นี่

      แห่งที่สอง หอบำเพ็ญูเคี่ยวกรรมสำหรับพุทธบริกร อาจารย์บรรยายธรรมประธานสถานธรรม บุคคลในขั้นนี้หากยังบำเพ็ญไม่ดีพอ ก็มาบำเพ็ญต่อที่นี่

      แห่งที่สาม หอบำเพ็ญเคี่ยวกรรมสำหรับเฉียนเหยิน อาจารย์ถ่ายทอดธรรมผู้ที่สามารถเลื่อนขึ้นมาในหอบำเพ็ญเคี่ยวกรรมนี้ก็คือผู้ที่รอเข้ารับเลือกใน3,600 อริยะ 48,000 ปราชญ์ ให้รออยู่ในหอบำเพ็ญเคี่ยวกรรมแห่งที่สามนี้ ต่อไปก็คอยติดตามพระบรรพจารย์ลงสู่โลกโลกีย์อีกครั้งเพื่อไปร่วมงานประชุมนาคเกสร  (หลงหัวต้าฮุ่ย)  

      หลินถันจู่: พระอาจารย์ครับ ยากลำบากอย่างนั้นลูกศิษย์จะบำเพ็ญ ได้ถึงขั้นนี้หรือ

      พระอาจารย์:  ได้ซี ขอเพียงตั้งใจบำเพ็ญให้ดี ต้องประสบผลสำเร็จแน่นอน จำนวนคนในที่นั้น ยังไม่ครบเลย ถึงแม้ศิษย์ไม่อาจเลือนชั้น มาอยู่ในหอบำเพ็ญแห่งที่สามนี้ หาก บำเพ็ญได้ดี ก็สามารถเป็นพุทธบริกร ผู้ชี้นำ หัวหน้าชั้นหรือ หัวหน้ากลุ่มบนสวรรค์ก็ได้

ต่อมาไปชมที่อีกแห่งหนึ่ง ห้องนั้นเป็นห้องสีดำแม้แต่หลังคาฝาผนังล้วนเป็นสีดำ

      มีทหารเฝ้าอยู่ ทหารเปิดประตูให้พวกเราเข้าไป ในนั้นมืดมาก มองไม่เห็นอะไร

       "ดำ"  ในใจของผู้น้อยคิด

      พระอาจารย์ คงจะพาผู้น้อยมาชมภาพยนตร์ เพราะยามปกติที่ เข้าไปโรงภาพยนตร์ เวลาที่เข้าไปใหม่ๆ ก็มืดอย่างนี้แหละ ยืนอยู่สักครู่หนึ่ง จึงจะมองเห็นทาง หากมี ที่ว่างจึงเดินเข้าไป แต่ที่นี่ ผู้น้อยยืนมองอยู่ตั้งนาน ก็ยังไม่สามารถมองเห็นอะไร

More Posts