ในรัชสมัย จิ่ง ฉาว นายทหารหนุ่มชาวมณฑล ยู้หนัน นามว่า สี่ เจิ่น จิง เป็นคนมีนิสัยชอบล่าสัตว์ วันหนึ่ง สี่ เจิ่น จิง ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขาสามารถยิงลูกกวางตัวเล็ก ๆ ได้ตัวหนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปเอา ก็มีแม่กวางตัวหนึ่งวิ่งอย่างสุดชีวิตตรงเข้ามาหาลูกกวางน้อยทันที มันค่อย ๆ ใช้ลิ้นเลียบาดแผลที่ถูกธนูปักคาอยู่ ด้วยความระทมใจ สักครู่เดียวแม่กวางก็ล้มลงขาดใจตาย ทหารหนุ่มนักล่าได้แบกเอากวางทั้งแม่และลูกกลับไปด้วยความฉงนสงสัย ไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
ครั้นถึงบ้าน สี่ เจิ่น จิง จึงจัดแจงเตรียมชำแหละเนื้อกวางไปทำอาหาร ทันทีที่ผ่าหน้าอกแม่กวาง หนุ่มนักล่าก็ต้องตกตะลึงที่เห็นลำไส้ของมันขาดเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ส่วนตับก็แตกสลายเละไปหมด ภาพที่ปรากฏต่อหน้ามันช่างน่าเวทนา จนไม่อาจหาคำพรรณนาได้ นายทหารหนุ่มร้องไห้ฟูมฟายพร่ำรำพันแต่ว่า “ไม่น่าทำเลย ........ไม่น่าทำเลยจริง ๆ” ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้งเขาหักคันธนูกระชากสายจนขาดสะบั้น แล้วตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่า “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตลอดชีวิต เราจะไม่ล่าสัตว์” ไม่ว่าสัตว์อะไรก็ตาม ต่างก็เกิดมาบนโลกด้วยความรักความผูกพันกันระหว่างแม่ลูก ถึงคราวที่ชีวิตใดชีวิตหนึ่งต้องถูกพรากให้ตายจากกันไป มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสลดเพียงใด
ดูเอาเถิด........ดวงใจของแม่กวางที่รักลูกจนไม่ยอมหนีเอาตัวรอด ต้องเห็นภาพลูกน้อยถูกฆ่าตายไปต่อหน้าความเจ็บปวดทุกข์ระทมใจสุดอาลัยอาวรณ์ มันช่างมากมายท่วมท้นขนาดไหนกัน ถึงกับทำให้ภายในของแม่กวางต้องแหลาสลายจนสิ้นใจตายตามลูกไป สำหรับคนที่มีหัวใจแล้วในโลกนี้ยังจะมีเรื่องเศร้าใจไปกว่านี้อีกไหม ? ทหารหนุ่ม สี่ เจิ่น จิง ได้รับราชการต่อมาจนกระทั่งได้เป็นนายเภอ จนกระทั่งปลายรัชสมัย จิ่ง ฉาว บ้านเมืองวุ่นวายยุ่งเหยิง นายเภอ สี่ เจิ่น จิง จึงลาออกจากราชการแล้วเดินทางติดตามท่านนักพรตอู่เมิ่ง เพื่อฝึกฝนปฏิบัติธรรม
ท่าน สี่ เจิ่น จิง บำเพ็ญธรรมอยู่บนภูเขาด้วยความตั้งใจจนกระทั่งอีก ๒ ปีต่อมา บนเทือกเขา ซีซานมณฑล หง โจว ท่านก็ได้สำเร็จธรรมรู้แจ้งในสรรพสิ่ง แล้วจึงออกจาริกเผยแพร่หลักธรรมฉุดช่วยสาธุชน และสั่งสอนอบรมคนชั่วให้กลับตัว
แม้ว่าท่านได้ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณและบุญญาภินิหารที่คอยให้ความช่วยเหลือแก่เวไนยสัตว์ผู้ทุกข์ยากกลับยิ่งเลื่องลือระบือไกล จวบจนถึงรัชสมัยราชวงศ์ ซ้ง ท่าน สี่ เจิ่น จิง ได้รับการยกย่องสถาปนาขึ้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีพระนามว่า
“เมี่ยว จี้ เจิ่น จิง”