หลี่หมิงเอี๋ยนซันไฉ
ข้าพเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญจากเมืองเทียนจิน (เทียนสิน) ชื่อ“หลี่หมิงเอี๋ยน” ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในสามคุณร่างทรง ข้าพเจ้าผิดต่อปณิธานและให้ร้ายธรรมะ ดูถูกดูแคลนพระโองการสวรรค์ และข้าพเจ้ายังแต่งงานถึงสองครั้ง ในขณะที่ยังไม่ได้ละกายสังขารนั้นจิตเดิมแท้ของข้าพเจ้าก็ได้ถูกกักขังแล้ว ตอนนั้นข้าพเจ้ามีอายุ ๔๖ปี เพราะในอดีตข้าพเจ้าเป็นเซียนน้อยบนพระนิพพาน ตั้งปณิธานว่าจะลงมาช่วยงานธรรมครั้งใหญ่ รับหน้าที่เป็นสามคุณร่างทรงตั้งใจที่จะช่วยงานปรกโปรดสามโลก ใครจะคาดคิดว่า หลังจากที่พระอาจารย์ชายกลับคืนเบื้องบนไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ให้ร้ายธรรมะได้พูดกับใครต่อใครว่าพระโองการสวรรค์และสามคุณร่างทรงนั้นเป็นของปลอม
จากนั้นจึงแต่งงานมีภรรยาสองคน ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ทำคิดว่าทุกอย่างล้วนเป็นของปลอม มีเพียงการเสพสุขเท่านั้นที่เป็นของจริง คิดว่าถ้าไม่รักษาโอกาสตอนยังมีกายสังขารอยู่แล้วเสพสุขสักหน่อย จะให้รอถึงตอนไหน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ฟังและไม่เชื่อคำตักเตือนของนักธรรมอาวุโส ยังคงทำทุกอย่างที่อยากทำ
ข้าพเจ้าเองรับภาระหน้าที่เป็นสามคุณร่างทรง (ในสมัยที่พระอาจารย์ชายยังมีชีวิตอยู่นั้น สามคุณร่างทรงจะเป็นผู้ชาย)เมื่อข้าพเจ้าผิดต่อปณิธานแล้ว ก็รู้สึกว่ามึนๆ งงๆ ความคิด ความอ่าน ไม่แจ่มชัด และรู้สึกว่าทั้ง ร่างกาย นั้นแข็งๆ ชาๆ เหมือนกับผีดิบ แต่เนื่องจากข้าพเจ้า ไม่เชื่อเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นจึงยิ่งเปลี่ยนเป็นร้ายแรงมากขึ้น แถมยังได้ภรรยาอีกคนรวมเป็นมีภรรยาสองคน ในตอนนั้นอาณาจักรธรรมวุ่นวายมาก มีผู้คนมากมายกำลังแก่งแย่งอำนาจกันอยู่ ในวันนี้ที่ข้าพเจ้าได้มาปรากฏกายยังพุทธสถานแห่งนี้ นั่นก็เป็นเพราะเบื้องบนเมตตาประทานอนุญาตพระอาจารย์ ไม่อาจอดใจรอได้อีก พระองค์เห็นว่าโอกาสไม่ควรที่จะลากออกไปอีกแล้ว จึงได้ให้ข้าพเจ้ารับบัญชาติดตามศิษย์พี่เม่าเถียน (องค์ประธานคุมสอบสามโลก) มาปรากฏกาย ยังพุทธสถานแห่งนี้ เพื่อบอกเล่าถึงเหตุต้นที่ได้ก่อและผลกรรมที่ได้รับ จะได้เป็นข้อเตือนใจให้แก่ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายด้วย
มีผู้ที่บำเพ็ญพรหมจรรย์มากมายบนโลก ที่ได้ผิดต่อปณิธานดังนั้นจิตญาณเดิมจึงถูกกักขัง ในตอนนั้นข้าพเจ้าก็เริ่มเจ็บป่วยและยังต้องปวดจี๊ดเป็นพักๆ เมื่อละกายสังขารแล้วจึงทุกข์ทรมานมาก ตอนนี้ข้าพเจ้าถูกกักขังอยู่ที่ขุมที่ ๗ เป็นเพราะพระอาจารย์เมตตาสงสารได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าช่างโง่งมเหลือเกิน จึงได้ให้ศิษย์พี่เม่าเถียน นำพาข้าพเจ้ามาปรากฏกายยังพุทธสถานแห่งนี้ เพื่อบอกเตือนให้ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายได้ทราบว่าในวาระท้ายปลายกัปนี้ เกณฑ์ของฟ้าได้กำหนดเอาไว้แล้ว มีผู้ที่ผิดต่อปณิธานมากมาย จิตเดิมได้ถูกกักขังแล้ว มีผู้ที่ไม่เชื่อในพระโองการสวรรค์มากมาย จึงชักนำให้มารมาทำการทดสอบ นี่ก็เป็นความเกี่ยวพันจากเหตุต้นผลกรรมของหลายๆ ภพชาติก่อน
ข้าพเจ้าทำเองก็ต้องรับผลด้วยตัวเอง เดิมทีเป็นถึงเซียนน้อยอยู่ที่พระนิพพาน ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะลงมาช่วยเหลือปฏิบัติงานใหญ่ของสามโลก แต่หลังจากที่พระอาจารย์ชายได้กลับคืนเบื้องบนไป ก็เกิดการทดสอบครั้งใหญ่ในอาณาจักรธรรมเป็นเพราะตนเองไม่ได้ในสิ่งที่ใจคิดหวัง ไม่ได้รับความชื่นชมสรรเสริญจากผู้อื่น ในใจจึงกลวงโบ๋ว่างเปล่า จึงได้ให้ร้ายธรรม และผิดต่อปณิธานที่ได้ตั้งเอาไว้
มีเฉียนเหยินที่แบกรับพระโองการสวรรค์มากมาย หลายท่านที่ถูกกักขังอยู่ที่คุกสวรรค์เช่นกัน ข้าพเจ้าเองก็ได้แต่สำนึกขมาขอให้พระอาจารย์เมตตา แต่พระอาจารย์ได้บอกว่าข้าพเจ้าไม่อาจหลุดพ้นได้ จึงขอให้เตี่ยนฉวนชือในพระโองการสวรรค์ได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย ให้ข้าพเจ้าได้พ้นออกไปเกิดกายใหม่อีกครั้ง ข้าพเจ้าจะกระทำและบำเพ็ญให้ได้ดีอย่างแน่นอน หวังว่าสิ่งที่ได้พูดกับศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ผู้คนบนโลก และผู้บำเพ็ญในครั้งนี้จะเป็นข้อเตือนสติว่า ไม่ว่าจะผิดต่อปณิธาน บำเพ็ญพรหมจรรย์หรือกินเจที่ได้ตั้งเอาไว้ ผลลงเอยย่อมเหมือนกันเมื่อผิดต่อปณิธานแล้ว จิตเดิมก็ย่อมถูกกักขังแน่ๆ แสงของจิต
ญาณย่อมไม่สามารถเปล่งออกมาได้ และจะยิ่งทำให้ลุ่มหลงถลำ
ลึกลงไปอีก
จิตญาณทั้งสามส่วนนั้น หนึ่งในสามจะถูกกักขังไว้ที่เบื้องบนอีกสองในสามจะถูกกำหนดให้อยู่ในนรกภูมิ เดิมทีไม่อาจเปิดเผย ได้แต่เป็นเพราะกาลเวลาคับขันกระชั้นชิด และผู้บำเพ็ญก็ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญปฎิบัติ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหวังว่าศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายหากได้ผิดต่อปณิธานไป จงเร่งรีบกลับต้วกลับใจเสียใหม่ รู้สำนึกขมาจริงต่อหน้าเบื้องพระแท่นบูชาแห่งพระแม่องค์ธรรมเสีย เร่งรีบโปะเหิมปณิธาน ที่ขาดพร่องไปให้สมบูรณ์และสร้างบุญสร้างกุศล เป็นเพราะเบื้องบนเมตตาหรือพอจะมีความหวังอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วละก็จิตญาณย่อมถูกกักขัง จิตญาณหกส่วนก็จะถูกนำพาไปยังนรกภูมิ รอคอยจนกว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอแล้ว พลังอินอับทึบก็จะค่อยๆสะสมมากขึ้น เมื่อเวลามาถึงก็จะตีให้เป็นเศษวิญญาณ ไม่ว่าเราจะโศกเศร้าร่ำร้องอย่างไร ไม่ว่าเราจะสำนึกขมาอย่างไร ก็ไม่อาจชดเชยโปะเสริมกันได้อีก ทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว
ดังนั้น ทุกท่านจะต้องไปนำพาศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้ง หลายกลับมา บอกกล่าวกับพวกเขาว่า อย่าได้ผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์หรือปณิธานกินเจเป็นอันขาด รวมทั้งอย่าได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่เช่นนั้นผิดบาปของเราก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวตัวเราเองต้องเร่งรีบบำเพ็ญชดเชยเจริญปณิธาน รีบเร่งควบคุมให้หยุด ไม่อย่างนั้นกาลเวลาของฟ้าได้กำหนดเอาไว้ ห้ามารจักมาก่อความวุ่นวายในโลก
ในช่วงวาระท้ายปลายกัปนี้ หากยังต้องตกไปสู่นรกภูมิอีกครั้งก็จะไม่มีวันได้หลุดพ้นอีกเลย เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว นึกเสียใจทีหลังก็ไม่ทันการณ์ นรกภูมินั้นน่ากลัวมาก ซึ่งทุกท่านคงไม่อาจนึกคิดฝันถึงได้เลย ดังนั้นทุกท่านต้องเร่งรีบนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกกล่าวผู้อื่น ขอบคุณที่เตี่ยนฉวนซือเมตตา นำคำบอกเล่าของข้าพเจ้าไปบอกกล่าวแก่ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายด้วยเพื่อให้พวกเขาได้รู้ ข้าพเจ้าทุกข์ทรมานมาก ถ้าหากข้าพเจ้าสามารถออกมาจากนรกภูมิได้ ข้าพเจ้าจะทำอย่างดีได้แน่ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันสายเกินการณ์ไปแล้ว