ดูตามรูปศัพท์ก็พอคาดเดาได้ว่า หมายถึงตอนที่มีชีวิตอยู่ชอบยึดติดกับพุทธธรรมหรือคัมภีร์ทั้งหลาย ยึดแน่นในวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติของตน โดยคิดว่าวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติของคนอื่นไม่ดีตัวอย่างเช่นการบำเพ็ญทุกรกิริยา ที่ไม่กิน ไม่สวมใส่เครื่องนุ่งห่มไม่หลับไม่นอน ใช้ไฟเผาลนตัวเอง ฯลฯ ซึ่งการบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเพียงการเคี่ยวกรำกายสังขารเท่านั้นเอง แต่หากไม่บำเพ็ญเคี่ยวกรำจิตภายในไม่ตัดโลภ โกรธ หลงทิ้งไป กลับคิดว่าตัวเองบำเพ็ญปฏิบัติถูกแนวทาง ถึงคำพูดของคนอื่นจะมีเหตุมีผลแต่ก็ไม่ยอมฟัง คนประเภทนี้ต้องลำบากแน่ๆ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกเคี่ยวกรำ คนเหล่านี้จะมารวมนั่งฟังธรรมะจากพระพุทธะ แต่ทว่า กลิ่นเสียงกลับแหลมจนทิ่มแทงแก้วหู!รู้สึกคันๆ และรู้สึกแปลกๆ ไม่สบายไปทั้งตัว นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ทิพย์โปรยปรายลงมาจากเบื้องบน ซึ่งเมื่อมาติดตามตัวแล้วก็จะรู้สึกคันมากๆแต่ก็ต้องนั่งฟังธรรมะต่อไป ไม่เช่นนั้นจะยิ่งทุกข์ทรมานกว่าเดิม และจะไม่ฟังต่อก็ยิ่งไม่ได้ เพราะว่าเมื่อฟังคำๆหนึ่ง หูก็จะรู้สึกคันเป็นอย่างมาก คนประเภทนี้ก็เหมือนกับคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังการบรรยายธรรม และก็ยังนั่งกันตามสบาย หรือไม่ก็นั่งไขว่ห้างนึกคิดเรื่องส่วนตัวอยู่
ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งคือ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เขาก็จะไม่ชอบ ซ้ำยังหาว่าผู้อื่นพูดเกินเลยโอ้อวดหรือพูดส่งเดช
เรื่อยเปื่อย จิตใจฟุ้งซ่าน เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับทรงแสดงธรรมก็ยังไม่ชอบฟัง และไม่ยอมฟังด้วย คิดไปเองว่าหลักธรรมที่สิ่งศักดิ์สิทธ์พูดนั้น เป็นคำง่ายๆ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ผู้ที่เย่อหยิ่ง อวดดื้อถือดี หรือมักใหญ่ใฝ่สูง ผู้ที่ไม่ตั้งใจฟังคำพูดของนักธรรมอาวุโส หรือผู้ที่นั่งหลับเสมอๆ เวลาที่ฟังธรรมะอยู่เมื่อเป็นอย่างนี้นานวันเข้า ก็จะยิ่งแปดเปื้อนมากขึ้นๆ คนบำเพ็ญอย่างนี้จะต้องถูกจับตัวให้ไปบำเพ็ญกันต่อ อย่างนี้แล้วพวกเจ้ากลัวหรือไม่กลัวกันล่ะ? ในวันนี้ก็มีคนนั่งหลับตั้งหลายคน แต่ก็แค่ถูกจดบันทึกเอาไว้เท่านั้น ยังไม่ได้จับตัวไปกักขังในทันทีเหมือน กับเวลาที่เจ้าขับรถผิดกฎจราจร ถ้าหากผิดบ่อยครั้งสะสมกันมากๆ เข้าแล้วจึงจะโดนจับไปลงโทษนั่นเอง