ในสมัยราชวงศ์ซ้อง มีนักศึกษาคนหนึ่ง ชื่อหลินเติงหยุน มีบ้านอยู่ที่อำเภอเจียนหนาน วันหนึ่งเดินทางไปสอบบัณฑิตที่มณฑลโดยเรือ ระหว่างทางเรือได้จอดอยู่ซึ่งติดกับบ้านหลังหนึ่ง ในเวลายาม 3 บนบ้านเกิดเพลิงไหม้โดยไม่รู้สาเหตุ มีหญิงสาวคนหนึ่งหนีไฟกระโดดจากชั้น 2 ลงมาบนเรือ ในตอนนั้นหญิงสาวคนนั้นนุ่งแต่ชุดชั้นในเท่านั้น เขาเห็นแบบนั้นรีบถอดเสื้อมิ้งที่ใส่อยู่ให้แก่นาง นอกจากกันหนาวแล้ว ยังไม่อุจจาดตาด้วย ในเวลาเดียวกัน หลินเติงหยุนก็กลัวคนเรือไปลวนลามเธอ จึงจุดตะเกียงนั่งอ่านหนังสือทั้งคืนจนกระทั่งฟ้าสางจึงได้ส่งนางขึ้นบกและให้เธอกลับบ้านเอง
หลังสอบเสร็จ เขาสอบได้ เขากับนักศึกษาอีกคนหนึ่งที่สอบได้เช่นกันไปเข้าพบกรรมการผู้ตรวจสอบ กรรมการผู้ตรวจสอบได้บอกเขาว่า อันที่จริงบทความของเขายังไม่ดีพอจึงไม่ผ่าน คืนนั้นเขาฝันเห็นเทพเจ้ากวนอูเขียนหนังสือในบทความของเจ้า มีใจความว่า “หญิงเปลือยกาย เสื้อมิ้งคลุม จุดเทียนอ่านหนังสือทั้งคืนเหมือนกับข้าฯ” เจ้าไปทำกรรมดีอะไรมาหรือ ?
หลินหยุดคิดครู่หนึ่ง จึงนึกได้ว่า ระหว่างทางเขาได้ช่วยหญิงเปลือยกายคนหนึ่ง จึงได้เล่าให้กรรมการผู้ตรวจสอบผู้นั้นฟัง ทันใดนั้นนักศึกษาที่สอบได้เช่นกันลุกขึ้นคุกเข่าลงบอกว่า หญิงเปลือยกายนั้นภรรยาข้าเอง คืนนั้นข้ามีธุระไปข้างนอก พอกลับมาบ้านก็ถูกไฟไหม้แล้วสาวใช้กับคนแก่ที่บ้านถูกไฟไหม้ตาย ได้ข่าวว่าเมียข้ากระโดดหน้าต่างลงมาคิดว่าคงไม่รอดแล้ว พอรุ่งขึ้น นางก็กลับมาพร้อมเสื้อมิ้ง เลยเข้าใจว่านางคงไปมีชู้กับชายอื่น จึงไล่นางกลับบ้านพ่อแม่เธอ บัดนี้ได้ฟังท่านเล่ามาจึงรู้ว่า ข้าพเจ้าเข้าใจผิด ท่านไม่เพียงช่วยชีวิตนางยังปกป้องความบริสุทธิ์ของนางด้วย บุญคุณมหาศาลนี้ข้าพเจ้าขอจดจำชั่วชีวิตนี้
เมื่อกรรมการผู้ตรวจสอบได้ฟังทั้งสองพูดเช่นนั้น รู้สึกชื่นชมความดีของนายหลินมาก ยังได้ขอบคุณสวรรค์ที่ได้ชี้แนะให้เขาสอบผ่านได้ด้วย และได้บอกผู้ที่สอบได้รีบกลับไปรับภรรยากลับบ้าน สามีภรรยาจะได้คืนดีกัน เนื่องด้วยนายหลินเติงหยุนยังโสดอยู่ ท่านเสนาบดีเห็นเขาเป็นคนมีคุณธรรมสูง จึงได้ยกลูกสาวให้ ชีวิตราชการของนายหลินก็ราบรื่นมีลูกชาย 2 คน ก็รับราาชการใหญ่โตในแผ่นดินด้วย
ถ้าจะอ่อน จงอ่อน ดั่งใยไหม
สำหรับใช้ ผูกรัด มัดช้างสาร
ถ้าจะแข็ง แกร่งดั่งเพชร ให้ทนทาน
ขีดเส้นผ่าน กระจกแยก แตกกระเด็น