“รอยชีวิตหลบซ่อนยาก ม่านโปร่งใสถ่ายทอดจริง”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ร่องรอยแห่งชีวิตมีหลักฐาน
มีหรือจนอย่าพาลโทษศัตรู
ขอเตือนเจ้าเป็นคนต้องสำนึกรู้
ลองตายดูจะกลายเป็นวิญญาณแค้น
อาจารย์ : วันนี้เข้าเมืองตายโหงไปนั่งฟังการชำระคดีที่ศาลสอบสวน ชาวบ้านจะได้เข้าใจสภาพของเมืองตายโหง ประทานแพรฟ้าปกป้องตัว ศิษย์ข้าหลับตาเสีย ออกเดินทาง......ถึงแล้วเจ้าลืมตาได้
หยงปี่ : ชาวโลกเปรียบเปรยเหมือนเหาะ ศิษยก็มีความรู้สึกเหมือนอย่างที่ว่า หลับตาเแล้วลืมตาก็มาถึงด่านมอบขัง (ตอนนี้เห็นคนหนึ่งดูเหมือนพนักงานธุรการ ในมือถือสารโองการฉบับหนึ่ง กำลังพูดกับอาจารย์)
ธุรการ : เจ้านายกระผมให้มาเรียนเชิญท่านอาจารย์และศิษย์เข้าไปในศาลสอบสวน
อาจารย์ : รบกวนท่านละ (เราศิษย์อาจารย์เดินตามพนักงานธุรการผ่านแดนมอบขัง) เข้าไปยังเมืองตายโหง เมืองตายโหงที่เห็นสะดุดตานั้นคือ อาคารใหญ่สูงสามชั้น ทั้งสองมุมของอาคารแกะสลักเป็นรูปหัวผี เหนือประตูมีหนังสือเขียนไว้ว่า “ประตูตายโหง” ผ่านอาคารหลังนี้เข้าไปจะเห็นอาคารอีกหลังไม่รู้สูงเท่าไร ประตูกว้างไม่รู้กี่ฟุต ทั้งสองข้างของประตูมียามยืนเฝ้าอยู่ เหนือประตูเขียนว่า “เมืองตายโหง” พอเดินเข้าเมืองแล้วจะแลเห็นลานกว้างใหญ่มาก ตรงกลางลานมีของอะไรก็ไม่รู้มากมาย ทั้งสี่ด้านล้อมรอบด้วยห้องเรียงรายไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่ามีสักกี่ห้อง ด้านหลังของประตูเมืองมีอาคารสูงตระหง่านข้างบนเขียนหนังสือไว้ว่า “ศาลสอบสวน”
ธุรการ : ถึงศาลสอบสวนแล้ว เชิญอาจารย์และศิษย์ตามกระผมมายังที่นั่งของแขก (เราถูกนำเข้ามาในศาลสอบสวน แลเห็นบัลลังก์รูปหัวเสืออยู่ตรงกลาง หลังบัลลังก์มีเก้าอี้ตัวใหญ่ มีผู้พิพากษาหัวหน้าเสือเขี้ยวดุน่าเกรงขามกำลังทำงานอยู่ หน้าบัลลังก์มีวิญญาณผีหมอบอยู่ ถัดด้านหลังออกไปก็มีผีเจ้าหน้าที่กำลังควบคุมเหล่าวิญญาณผีร้ายกาจอยู่ ด้านซ้ายของบัลลังก์เสือมีผู้อาวุโสสามท่านที่หน้าตาหมดจด รัศมีญาณเปล่งออกมาภายนอก เป็นเซียนผู้อาวุโสที่เปี่ยมไปด้วยธรรม นั่งอยู่ทางด้านขวามือมีพนักงานธุรการสองคนที่แต่งตัวเหมือนคนที่นำพาเรามากำลังจดบันทึกอยู่ ภายในศาลสอบสวน ไม่มีอะไรที่แปลก แต่ด้านที่มีบัลลังก์เสือนั้นมีลูกกลม ๆ จะเหมือนผลึกก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นหินก็ไม่ใช่ตั้งอยู่ เจ้าวัตถุกลมที่โปร่งใสนี้ตั้งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่บานหนึ่ง เราทั้งสองถูกเชิญให้ไปนั่งรวมกับผู้อาวุโสทั้งสาม อาจารย์นั่งลงพลางก็พยักหน้ากับสามผู้อาวุโส)
หยงปี่ : อ๋อ ! ท่านผู้นี้คือท่านฮันเหวินกงใช่ไหม เมื่อก่อนไปเที่ยววังน้ำผลึก ศิษย์โชคดีได้กราบรู้จักท่าน
อาจารย์ : โปรดเงียบ ที่นี่เป็นโรงศาลห้ามเจี๊ยวจ๊าว หนึ่งในสามท่านเจ้าจำได้ที่เหลืออีกสองท่านคือ ท่านหลู่อิ๋ว และท่านซื้อเค่อฝ่า เพื่อเป็นการสอดส่องการสอบสวนของเมืองตายโหงเบื้องบนได้ส่งวิสุทธิเทพมากำกับความยุติธรรม
หยงปี่ : (เมื่อไหว้คารวะแต่ละท่านแล้ว ก็หันมาสนใจกับการสอบสวน) ดังจะได้ถ่ายทอดขั้นตอนการทำงานทั้งหมด ดังนี้
แรกสุดพนักงานเอกสารจะลุกขึ้นรายงานว่า “คดีนี้วิญญาณอูอาฮ้ง ชาวฮ่องกง เกิดปี (กะกะ) ตลอดชีวิตร่ำรวย เมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคนจะได้รับราชการ น่าเสียดายเมื่อปี (กีบวก) ไปหลงรักหญิงสาวคนหนึ่ง เพื่อแสดงว่ารักจริง จึงแกล้งฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความรักจากคนสวย จากการแกล้งตายกลายเป็นตายจริง เพราะกินยานอนหลับเกินขนาด แพทย์ช่วยเหลือไม่ทันเลยตาย เป็นคนที่รู้กตัญญู มีบุญมากบาปน้อยเพียงคิดพลาดจึงเป็นผีตายโหง ทั้งหมดนี้เป็นเอกสารที่ส่งจากยมโลก ขอท่านโปรดพิจารณาด้วยความยุติธรรมด้วย เมื่อพนักงานธุรการอ่านจบลงแล้ว ผู้พิพากษาบนเก้าอี้เหนือบัลลังก์จึงกล่าวว่า อูอาฮ้งเจ้าสงสัยอะไรกับเอกสารที่ส่งจากยมโลกไหม วิญญาณอูอาฮ้งที่หมอบอยู่ใต้บัลลังก์ฟังแล้วก็ก้มศีรษะกราบลงไปแล้วพูดว่า ไม่สงสัย ขอให้ท่านกรุณาลงโทษแต่สถานเบาเถิด ผู้พิพากษากล่าวว่า ข้าตัดสินการตายโหงโดยอิงตามอายุขัยของเจ้า ถ้าเจ้าไม่มีข้อกังขา ขอให้เจ้าจงดูที่ม่านโปร่งใสเพื่อดูถ่ายทอดจริง พูดจบ วัตถุโปร่งใสนั้นก็เปล่งลำแสงสว่างตรงไปบนบานกระจก ทันทีก็มีตัวหนังสือปรากฏออกมาเขียนว่า อูอาฮ้ง มีบุญและปัญญาไม่น้อย โชคลาภนับว่าเป็นผู้มั่งคั่งถึงแม้ตอนเป็นเด็กจะมีเคราะห์อยู่บ้าง แต่ภายหลังก็ปลอดภัยมาตลอด กำหนดว่ามีภรรยา 1 คน มีบุตรชาย 2 บุตรสาว 2 จะเสวยสุขจนถึงอายุ 63 ปี หนังสือแถวล่างสุดเขียนว่าอายุ 35 ตายโหง ต้องถูกคุมขัง 28 ปี หลังจากตัวหนังสือบนบานกระจกหายไปแล้ว ผู้พิพากษาก็กล่าวว่า กำหนดโทษ 28 ปี เพราะหลงอารมณ์จึงตายโหง ลงโทษให้ขังที่เมืองตายโหงในชั้นที่ 3 วิญญาณอูถูกผีเจ้าหน้าที่พาออกไป ทั้งหมดนี้คือการสอบสวนคดีของศาลสอบสวน”
น่าเสียใจไม่คุ้มค่าเลย คนที่มีอนาคตดีกลับทำลายชีวิตตนเองด้วยอารมณ์หลง (ขณะนั้นสามอาวุโสก็เห็นพ้องเป็นเสียงเดียว จากนั้นก็ผงกศีรษะให้กับผู้พิพากษา เป็นการแสดงให้รู้ว่าการชำระคดียุติธรรม)
อาจารย์ : พอแล้ว เจ้าหลับตาเสียอาจารย์จะพาเจ้ากลับสถานธรรม.....ถึงแล้ว ข้ากลับละ