แก้ได้ด้วยการ ปล่อยสัตว์
ขอถามท่านทั้งหลายว่า :
๑. อยากมีอายุยืนหรือไม่?
๒. อยากหายเจ็บป่วยหรือไม่?
๓. อยากหมดทุกข์หมดโศกหรือไม่ ?
๔. อยากได้กุลบุตรกุลธิดาหรือไม่?
ถ้าปรารถนาตามนี้...
มีวิธีง่ายที่สุดจะแนะนำท่านก็คือ “ปล่อยสัตว์ ”...
ขอเพียงท่านทั้งหลายจากนี้เป็นต้นไปให้หมั่นปล่อยสัตว์...
ให้รู้สึกเจ็บปวดแทนสัตว์ที่ถูกฆ่าลูกทำร้าย...
พรอันใดที่เป็นมงคลก็จะสัมฤทธิ์ผลดังใจท่านปรารถนา...
เหตุใดจึงต้องปล่อยสัตว์
นิพพานสูตร...
“สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพุทธจิต...
สัตว์ทั้งหลายที่มีวิญญาณรับรู้ความรู้สึก...
ล้วนมีพุทธจิตทั้งสิ้น...)
ฟ้าเบื้องบนนั้นมีคุณธรรม ให้กำเนิดสรรพชีวิต มิอาจทนเห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายได้รับเคราะห์ภัยจากการถูกเข่นฆ่า...
มนุษย์ควรมี จิตเมตตาปลดปล่อยชีวิตสัตว์ เพื่อให้เขาอยู่รอด...
มนุษย์ยังต้องการอิสรภาพฉันใด สัตว์ทั้งหลายก็ต้องการ อิสรภาพฉันนั้น...
การปล่อยสัตว์เหล่านี้เป็นการช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดตายและหลุดพ้นจากด่านมรณะ กลับคืนสู่ป่าเขาลำเนาไพร...
เมื่อเราทำด้วยเจตนาแห่งความบริสุทธิ์ก็ย่อมได้บุญ และบุญนั้นก็ย่อมสนองต่อผู้กระทำ...
ทำให้เรามีอายุยืนยาว...
ไปไหว้แต่มิตร มีแต่คนรักใคร่เมตตา...
ให้ความเห็นอกเห็นใจ และศรัทธาเชื่อถือ...
จะทำการสิ่งใดก็มีผู้ให้ความร่วมมือจนประสบความสำเร็จด้วยดี จิตใจชุ่มชื่นเบิกบาน...
เมื่อสุขภาพจิตดีก็ทำให้ร่างกายไม่มีโรคภัยเบียดเบียนไปด้วย ส่งผลให้มีสมองแจ่มใส สติปัญญาดี...
ผิดกับคนที่ชอบรังแกสัตว์ ฆ่าสัตว์...
เช่น ชอบยิงนก ตกปลา ชอบออกป่าล่าสัตว์ รับจ้างฆ่าเป็ด ไก่ วัว ควาย หมู ฯลฯ... คนพวกนี้มักมีจิตวิปลาสปัญญาอ่อนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต...
โรคภัยเบียดเบียนอยู่เสมอ บั่นทอนชีวิตให้สั้นลง...
มักตายก่อนอายุขัยจากอุบัติเหตุด้วยอาการต่างๆ กัน...
ถึงแม้จะกลับมาปฏิบัติธรรมก็ต้องพบกับอุปสรรคความยากลำบากกว่าคนธรรมดา เพราะมีเจ้ากรรมนายเวรที่ไปฆ่าเขาคอยจ้องขัดขวางและทำร้ายอยู่...
ต้องฟันฝ่าอุปสรรคอย่างหนักหน่วง กว่าจะรอดไปได้...
แม้ประกอบการงานใดก็ไม่เจริญรุ่งเรือง เนื่องจากวิบากกรรมคอยขัดขวางอยู่ฉะนี้แล..
ฝูงนกรุมสกรัมชาวประมงหวิดดับ
เมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าวซินฮัวของประเทศจีนมีรายงานข่าวที่น่าประหลาดเกิดขึ้น เป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน...
เรื่องมีอยู่ว่า ที่หมู่บ้านชาวประมงริมฝั่งทะเลซีไห่เมืองผิงฝังเตี่ยน มณฑลเหลียวหนิง ชายชาวประมงชื่อจางโม่วถูกนกนางนวลนับพันรุมสกรัม..
ชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นายจางโม่วเป็นชาวประมงวัยกลางคน ในช่วงฤดูหนาวเรือประมงจอดเรียงรายแถบชายฝั่ง นายจางไม่วก็จะวางแหตามริมฝั่งทะเล เพื่อจับปลาและกุ้งในบริเวณน้ำตื้น
ขณะนั้นเป็นเวลา 9 โมงเช้า เขาเดินเลาะชายฝั่งเพื่อไปเก็บแพ นกนางนวลตัวหนึ่งเข้ามาติดแห นายจางโม่วจึงจับนกเอามาผูกติดบั้นเอวไว้ จากนั้นเขาก็เดินเก็บแหต่อไป...
เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที มีฝูงนกนางนวลบินมาวนเวียนบริเวณที่เขากำลังเก็บแห แต่ชั่วเวลาไม่นานนักก็ทวีจำนวนนับพันตัว ฝูงนกนางนวลพากันร้องส่งเสียงดังลั่นวนไปทั่วบริเวณเหนือศรีษะของนายจางโม่ว...
ในบรรดานกเหล่านั้นมีตัวหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูอยู่เหนือหัวของเขา แล้วมีอีกตัวหนึ่งบินลงมาโฉบเอาหมวกของเขาตกลงในทะเล
จากนั้นฝูงนกก็เข้ารุมจิกตีจางโม่วเป็นเวลานานพอสมควรจนทำให้เขาเสียหลักล้มลงอย่างทุลักทุเล เขารีบพาตัวเองลุกขึ้นแต่อนิจจาฝูงนกยิ่งเพิ่มความรุนแรงโถมสกรัมอย่างไม่หยุดยั้ง..
ช่วงนาทีวิกฤติที่จางโม่วกำลังรวบรวมสติอยู่นั้นทันใดก็ได้ยินเสียงชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ ตะโกนให้รีบปล่อยนกที่จับไว้หลังจากปล่อยนกไปแล้ว เขาเผ่นหนีอย่างลนลานไม่คิดชีวิต...
นกนางนวลตัวที่ถูกจับเมื่อเป็นอิสระก็รีบบินเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูง แล้วพากันบินจากไป...
ใยชาวโลกไม่มีใจเมตตา หากพบสัตว์ถูกจับแล้วช่วยปลดปล่อยก็จะมีบุญตอบสนอง
ประกาศห้ามฆ่า
มีสมาคมหนึ่งในประเทศจีนได้ออกหนังสือประกาศฉบับหนึ่งเรื่อง “ประกาศห้ามฆ่า” ประกาศฉบับนี้ทำให้คนอ่านตกตะลึงและกล่าวขวัญกันอย่างมาก สาระสำคัญขอประกาศฉบับนี้มีอยู่ว่า...
มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ ความประเสริฐสูงส่งของมนุษย์นั้นคือจิตคุณธรรม ความเมตตาที่มีอยู่ในจิตของมนุษย์นี้เองทำให้มนุษย์ได้ชื่อว่าสัตว์ประเสริฐ ความเมตตาเป็นสิ่งที่แยกมนุษย์ให้แตกต่างจากเดรัจฉานด้วยจิตสำนึก...
แต่มาบัดนี้ จิตที่เคยสูงส่งเปี่ยมด้วยความดีแห่งเมตตาได้มีกำแพงเหล็กอันแน่นหนามาปิดกั้นไว้จนมืดบอด เมื่อมนุษย์ขาดจิตสำนึกจึงมองไม่เห็นผิดบาปที่ตนกำลังก่อขึ้นอย่างมหันต์...
วีรบุรุษผู้นี้แหละเป็นผู้เอาคำถาม 10 ข้อมาเคาะกำแพงเหล็กที่ครอบงำจิตมนุษย์ซึ่งหลั่งไหลมาเป็นเวลาแสนนาน เพื่อมนุษย์จะได้ฟื้นฟูจิตคุณธรรมแห่งความเมตตา กลับมารู้จักโฉมหน้าแท้จริงของตนอีกครั้ง ด้วยพลังอันแข็งแกร่งเขาสามารถปลุกจิตมนุษย์ตื่นขึ้นมาพังกำแพงเหล็กให้หลุดออกมาได้...
เขาเรียกร้องให้นำคำถามเหล่านี้ไปถามใจตนดูให้ดี สัตว์น้อยใหญ่หรือแม้กระทั่ง กุ้ง หอย ปู ปลา เมื่อถูกจับมานอนอยู่ข้างเขียง ต่อหน้ามีดต่อหน้าน้ำร้อน มันก็ย่อมคิดว่าตัวมันกับญาติมิตรที่ถูกจับมาด้วยกันนี้ อีกชั่วครู่ต้องจบชีวิตอย่างเจ็บปวดสาหัส แต่ปากพูดไม่ได้นอกจากชักดิ้นรับความทรมาน...
สภาพต่างๆ เหล่านี้ กับสภาพที่โจรจับเราไปมัดนอนรอความตายอยู่แค่ปลายศาตราจะมีอะไรแตกต่างกัน ลองนึกดูว่าถ้าเป็นใจเราบ้าง...
พวกเราทุกคนจงภาวนาอย่าให้มีการฆ่า ที่ภาวนานี้มิใช่ขอไว้เพื่อเอาบุญแก่ผู้ขอ แต่ขอไว้เพื่อตัวผู้ฆ่า ผู้กิน ผู้เลี้ยง ผู้ค้าขายเองจะได้ไม่ทำบาป ขอให้ไตร่ตรองลองคิดเปรียบเทียบกับตัวเราเองต้องประสบเข้าเช่นนั้นบ้างเถิด ใจของเราจะปกปิดความจริงไม่ได้ อย่าหลอกตนเองต่อไปเลย ตื่นจากการเข้าใจผิดเสียที...
นอกจากจะไม่กินเนื้อสัตว์แล้ว ควรหาโอกาส ปล่อยสัตว์ ด้วย ปล่อยชีวิตเขาก็เหมือนปกป้องการอยู่รอดของตัวเรา ถ้าเราดูสัตว์ที่เราปล่อยให้พ้นจากความตายนั้นจะรู้ดีกว่าเราเองก็คงดีใจที่รอดตายเช่นนั้นเมื่อเรามีอันตายและได้รับการช่วยเหลือให้อยู่รอดไปได้