ยมบาล :เชิญท่านนักบุญเข้ามาได้
เจ้าพระภูมิ :เรียนใต้เท้า...ท่านนักบุญมาแล้วครับ
ยมบาล :เชิญท่านนักบุญนั่งตามสบาย
นักบุญ :ขอบพระคุณใต้เท้าที่เมตตา
ยมบาล :ขอให้ท่านแจ้งชื่อแซ่ และเล่าชีวประวัติทั้งหมดของท่าน เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีแก่ชาวโลกในการทำคุณงามความดี
นักบุญ :ได้ครับ...ผมชื่อเต๋อจี แซ่ฟา บ้านเกิดอยู่อำเภออันกุ้ย ผมกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แม้อายุยังน้อยแต่ก็เฉลียวฉลาดรู้จักกตัญญู มักจะปลอบใจมารดาอยู่เสมอเมื่อผมอายุ 14 ขวบ ได้เข้าโรงเรียนเล่าเรียนเขียนอ่านด้วยความขยันหมั่นเพียรจนมีความรู้แตกฉาน ครูบาอาจารย์มักจะอบรมเรื่องธรรมะ และคุณธรรมจรรยาธรรมอยู่เสมอ ทำให้ผมได้รู้ซึ้งว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นของมายาไม่เที่ยงเกิดขึ้น ทรงอยู่ แล้วก็เสื่อมสลาย ไม่มีสิ่งใดคงทนอยู่ได้ตลอดกาล คนเราเกิดมาตัวเปล่า เวลาตายก็ไปตัวเปล่าไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้แม้แต่น้อยมีแต่กุศลผลบุญเท่านั้นที่สามารถเป็นที่พึ่งในภพภูมิต่อไปได้ มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่สิบปี เผลอเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปแล้ว ดังนั้นเรื่องทรัพย์สินเงินทองซึ่งเป็นของนอกกาย ผมจึงไม่ไปยึดติดว่าเป็นของเราตัวเรา ผู้คนต่างจึงยกย่องนับถือผมว่า เป็นคนมีคุณธรรมสูง มีจิตใจเมตตาอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ผมมีอาชีพทำสวน ทำไร่ ทำนา มีความมานะอุตสาหะ ปรนนิบัติมารดาด้วยความกตัญญู
ครั้งหนึ่งในท้องที่อำเภอที่ผมอยู่ ได้เกิดภัยแล้ง ฝนไม่ตกติดต่อกัน 3-4 ปี แผ่นดินแตกระแหง ต้นข้าวและธัญพืชในไร่นาเหี่ยวแห้งตายหมด แม้แต่ต้นหญ้าก็ไม่ขึ้น มีคนอดอยากหิวโหยจนตายมากมาย แร้งกาบินว่อนไปทั่ว เห็นแล้วน่าสลดใจมาก ผมได้เปิดยุ้งฉางนำข้าวสาร ธัญญาหารต่าง ๆ และเงินทองที่สะสมไว้ แจกจ่ายสงเคราะห์คนยากคนจน ให้ชาวบ้านที่อดอยากหิวโหยได้มีข้าวกิน ผมได้ช่วยผู้คนให้รอดตายนับจำนวนไม่ถ้วน จากวันเป็นเดือน ผมเลยกลายเป็นคนยากจน อาหารที่มารดาได้กินมีแต่ข้าวกับพืชผัก ซึ่งมารดาก็ไม่ว่ากระไร แต่ผมรู้สึกละอายใจตนเอง
ต่อมาผมได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เชิงเขาแห่งหนึ่งลงมือบุกเบิกไถคราดพลิกแผ่นดิน เพาะปลูกไม้ผลและธัญพืชต่าง ๆ เพียงไม่กี่ปีก็สามารถฟื้นตัวอีกครั้ง มีทรัพย์สมบัติและฐานะเหมือนดังแต่ก่อน นี่มิใช่เพราะสวรรค์ท่านไม่ทอดทิ้งคนดีหรอกหรือ ผมอายุ 78 ปีก็ละกายเนื้อ สิ้นใจอย่างสงบโดยไม่เจ็บป่วยแต่อย่างใด เมื่อกายทิพย์ (วิญญาณ) ถึงยมโลกท่านยมบาลชื่นชมผมมาก และเมตตาส่งเสริมให้ผมได้รับตำแหน่งเทพ คิดว่าไม่ช้าพระราชโองการก็คงมาถึงที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจะเล่าถึงกรรมดีที่ได้ทำครั้งเป็นมนุษย์ เพื่อให้ชาวโลกได้ทราบว่ากรรมดีกรรมชั่วทุกอย่างล้วนแต่มีผลทั้งสิ้นไม่หายไปไหน ขอให้ทุกคนประกอบแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่วใช้คุณธรรมเป็นหลักในการสั่งสมบุญญาบารมี จะได้ไปจุติยังสุคติภูมิสรวงสวรรค์ ไม่ต้องไปตกสู่ทุคติอบายภูมิที่มีแต่ความทุกข์อย่างเดียว เรื่องที่ผมจะพูดในวันนี้ก็มีเพียงแค่นี้ครับ
ยมบาล :ท่านนักบุญ..ตอนเป็นมนุษย์รู้จักสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก น่าเลื่อมใสจริง ๆ สมุห์บัญชี เปิดสมุดแดง (ฝ่ายบุญ) เทียบดูซิว่าตรงกันไหม ?
สมุห์บัญชี :ได้ตรวจดูในสมุดแดงแล้ว ทุกอย่างตรงกันครับ
ยมบาล :ท่านนักบุญ ตอนอยู่เมืองมนุษย์ ท่านมีสติปัญญารู้จักปรนนิบัติมารดาด้วยความกตัญญู และในระหว่างเกิดภัยแล้งยังแสดงความมีเมตตาจิต บริจาคทรัพย์สินและธัญญาหารจำนวนมากช่วยชีวิตผู้คนให้รอดพ้นจากการอดตายการทำคุณงามความดีเช่นนี้น่าสรรเสริญจริง ๆ
ยมบาล :ท่านนักบุญ..ท่านไม่มีอะไรจะต้องตัดสินอีกเราพอใจมาก อนุญาตให้ท่านได้ไปชมดูขุมนรกจนทั่ว ตั้งแต่ขุมที่ 1 จนถึงขุมที่ 10 จากนั้นให้ไปพักผ่อนที่ศูนย์นักบุญชั่วคราวก่อน เพื่อรอราชโองการจากสวรรค์เบื้องบนอย่างเป็นทางการ ซึ่งท่านจะได้ตำแหน่งเทพอย่างแน่นอน เจ้าพระภูมิ พาท่านนักบุญกลับไปที่ศูนย์นักบุญก่อน