ครั้งที่ 6 สัมภาษณ์โจรปล้นฆ่าในอเวจี

2024-07-14 03:14:05 - mindcyber

    ประทับทรง วันที่ 10 มีนาคม 2527

เป็นโจรร้าย เที่ยวเบียดเบียน บาปทวี

งานอาชีพ ตรองให้ดี อย่าได้เขลา

อายุคน อยู่ดูโลก สักกี่เพลา

มนุษย์เรา ล้วนก่อเกิด เพราะกรรมนำ

 

พระจี้กง :มนุษย์มีอายุยืนยาวเพียงไม่กี่ปี แต่ชาวโลกมักจะห่วงกังวลถึงพันปีข้างหน้า ดังนั้นต่างจึงมุ่งแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สุขสบายยาวนาน โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นวิธีการทุจริตชั่วช้าผิดมนุษย์ หรือการหลอกต้มคิดมุ่งหวังแต่เพียงขอให้ได้สิ่งที่ตนปรารถนา โดยเฉพาะมีคนบางจำพวกถึงกับปล้นสะดม โดยถือว่าเป็นเรื่องสนุกสนานอย่างหนึ่ง หารู้ไม่ว่าการปล้นสะดม เป็นบาปหนักมีโทษร้ายแรงเพราะพฤติกรรมเช่นนั้น เป็นการบ่อนทำลายความสงบสุขของสังคมที่กฏหมายเมืองมนุษย์ไม่อาจละเว้น และบทบัญญัติเมืองนรกก็ยากจะอภัย

ชิวเซิง :หได้ยินอาจารย์พูดเช่นนี้ ผมก็รู้ว่าวันนี้ เราคงจะไปสัมภาษณ์วิญญาณบาปตนหนึ่ง ที่ครั้งเป็นมนุษย์ได้ประพฤติตนเป็นโจรปล้นจี้ ซึ่งขณะนี้กำลังทนทุกขเวทนาอยู่ที่นรกอเวจี

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ดุจดังมีญาณวิเศษ เธอทายถูกต้องแล้ว

ชิวเซิง : ศิษย์รู้ใจอาจารย์ อาจารย์รู้ใจศิษย์

พระจี้กง :คิดไม่ถึงว่า เดี๋ยวนี้คำพูดของเธอก็แฝงด้วยความหมายทางกรรมฐาน

ชิวเซิง :เพิ่งจะฝึกฝน อาจารย์คงไม่หัวเราะเยาะ

พระจี้กง :เอาละ...คืนนี้ออกเดินทางเช้าหน่อย อย่าให้เจ้าหน้าที่ยมต้องรอนาน

ชิวเซิง :ครับ...สัจจะนี่สำคัญ ศิษย์นั่งดอกบัวเรียบร้อย อาจารย์เดินทางได้แล้วครับ

พระจี้กง :ตั้งแต่ลิขิตหนังสือ “ท่องอเวจี” สานุศิษย์ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย

ชิวเซิง :แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ก็คุ้มค่า

พระจี้กง :อาตมาไม่ใช่หมายถึงเรื่องนี้

ชิวเซิง :แล้วอาจารย์หมายถึงอะไรครับ?

พระจี้กง :เธอไม่เห็นรึ....เดี๋ยวนี้สมาชิกของสำนักเซิ่งเทียนเพิ่มจำนวนขึ้นเร็วมาก ความจริงผู้ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคมาได้มีเพียงไม่กี่คน ดังนั้นจะดูความสำเร็จของสำนักเซิ่งเทียน ต้องรอหลังจากนี้อีก 3 ปี จึงจะรู้แน่นอน

ชิวเซิง :หมายความว่าอย่างไรครับ?

พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ที่จริงนี่เป็นเพียงประสบการณ์ช่วงหนึ่งเท่านั้น เธอไม่ต้องกังวล เหล่าทวยเทพทั้งหลายจะไม่หยุดส่งเสริมนายไช่เจ้าสำนักหรอก แม้ว่ากายเนื้อจะตรากตรำสักหน่อย แต่อาจรย์เชื่อว่าเขาต้องปฏิบัติตามพระราชโองการจนสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน

ชิวเซิง :ทราบได้อย่างไรครับ?

พระจี้กง :ก็เพียงแค่สิ้นปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีแรกที่สำนักเซิ่งเทียนเปิดสำนักมา ก็สามารถลิขิตหนังสือธรรมะได้ถึง 12 เล่ม นี่ไม่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นเพราะพลังส่งเสริมจากเหล่าทวยเทพดอกหรือ?

ชิวเซิง :ผมเป็นห่วงว่าพี่ไช่อาจทำไม่สำเร็จ

พระจี้กง :เธอวางใจเถอะ

ชิวเซิง :แล้วทำไมเหล่าทวยเทพไม่ส่งเสริมผมมั่งล่ะ?

พระจี้กง :พลังปณิธานของเธอ ไม่เท่าพลังปณิธานของนายไช่ ฉะนั้นจึงย่อมไม่เหมือนกัน

ชิวเซิง :ผมเห็นโรงธรรมบางแห่งมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก สถานที่ก็ใหญ่โตกว่าผมชักอิจฉา

พระจี้กง :คิดไม่ถึงว่าเธอก็ยังโง่เขลาเช่นนี้ เธอควรรู้ว่าบ้านทุกแห่งคือโรงธรรม ดังนั้นการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติในครอบครัวตนเอง เช่น ระหว่างพ่อลูก (กตัญญู) พ่อแม่ของสามีกับสะใภ้ (กตัญญู) สามีกับภรรยา (รักใคร่ปรองดอง) ระหว่างสะใภ้ด้วยกัน (สามัคคี) และอาจขยายไปถึงบริษัทโรงงาน สถานที่สาธารณะต่าง ๆ ทุกแห่งหนก็ปฏิบัติธรรมได้ทั้งนั้น มิใช่บำเพ็ญธรรมได้เฉพาะที่โรงธรรมเท่านั้น

ชิวเซิง :ศิษย์เข้าใจแล้ว น่าละอายใจจัง แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังโง่อยู่

พระจี้กง :เอาละ...วนเวียนอยู่กลางอากาศตั้งนานแล้ว เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ยมจะรอนาน รีบลงไปหาเถอะ

ชิวเซิง :กระผมขอคารวะท่านหัวหน้าครับ

หัวหน้า :ตามสบาย เชิญเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อน

พระจี้กง :ไม่ต้องละ....เราตรงไปที่คุกเลยเถอะ

หัวหน้า :ก็ดีเหมือนกัน งั้นเราไปกันเลย

ชิวเซิง :พอมาถึงที่นี่ไม่ทราบเหตุใดจู่ ๆ ขาผมก็เกิดสั่นขึ้นมาเฉย ๆ

พระจี้กง :กินยา “สงบจิต” นี่เข้าไป

ชิวเซิง :ขอบพระคุณอาจารย์ โอ...นั่น....วิญญาณบาปคนนั้น ตาทั้งคู่ดูเหมือนบอดเห็นแต่รูโบ๋ลึก ที่หางตามีน้ำเหลืองไหลออกมาเป็นหยด ๆ ดูน่าสะพรึงกลัว ผมไม่กล้าดู

พระจี้กง :มีอะไรน่ากลัว ตอนนี้เธอก็ลองทำใจให้กล้าหาญเข้าซิ

ชิวเซิง :ครับ..ผมจะลองทำใจกล้าเข้าไปสัมภาษณ์เขา นี่คุณ...เหตุใดคุณจึงตัวสั่นไปหมด ปากก็ยังร้องโอดโอยไม่หยุด เหมือนกับคนที่พยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นใจ เห็นลักษณะท่าทางของคุณ ผมก็ยังขนลุกซู่ไปทั้งตัวคุณบอกผมได้ไหมว่า เพราะเหตุใดจึงต้องรับผลกรรมเช่นนี้

วิญญาณบาป :โอย...ท่าน...นักบุญคนนี้...โปรดรีบ..ช่วย...ผมที...ผม...ทนไม่ไหวแล้ว

พระจี้กง :ชิวเซิง ....เอายา “สงบจิต” เม็ดนี้ให้เขากินซิ

ชิวเซิง :ได้ครับ...นี่คุณ...รีบเอายาเม็ดนี้กินเข้าไป

วิญญาณบาป :ขอบ...คุณ โอ..ตอนนี้...ดีขึ้นแล้ว

พระจี้กง :เดี๋ยว..อาจารย์จะเพิ่มพลังให้เขาหน่อย

วิญญาณบาป :ขอบคุณพวกท่าน ๆ เป็นคนใจบุญจริง ๆ

ชิวเซิง :คุณรีบเล่าถึงกรรมที่ได้ก่อเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มาซิ

วิญญาณบาป :คิดถึงตอนผมเป็นมนุษย์ เป็นคนที่ทำแต่ความชั่วร้าย ยังจะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นทำไมอีก

ชิวเซิง :คุณยังไม่เข้าใจ ที่พวกเรามาในวันนี้ ก็เพื่อการลิขิตหนังสือเพียงแต่คุณเล่าสิ่งที่ได้กระทำเมื่อครั้งเป็นมนุษย์บันทึกลงในหนังสือธรรมะ อันเป็นอุทาหรณ์เตือนสติเหนี่ยวรั้งจิตใจผู้คน ก็อาจจะลดความทุกข์ทรมานของคุณลงได้

วิญญาณบาป :ถ้าได้เช่นนั้น ผมก็ยินดีเล่า ผมเกิดสมัยราชวงศ์หมิง ( พ.ศ. 1911 - 2187 ) เป็นลูกคนเดียวของตระกูล ปกติเอาแต่เที่ยวเตร่ขี้เกียจทำการงาน วัน ๆ คิดแต่เรื่องการพนัน กิน ดื่ม หาความสุข ต่อมาได้ร่วมกับพวกนักเลงหัวไม้ตั้งเป็นชุมโจรบนเขา กลุ่มของพวกเราอาศัยกำลังวังชาแข็งแรงปฏิบัติการปล้นฆ่า วางเพลิง ประพฤติแต่ความชั่วช้า ถ้าพบผู้ใดบังอาจขัดขวางพวกเรา ก็จะเข่นฆ่าไม่เลือกหน้า ถ้าพบหญิงสาวสวย ก็จะจับตัวนำไปที่ชุมโจรบนเขา ให้หมู่พี่น้องของเราผลัดกันข่มขืน ถ้ารายไหนขัดขืนไม่ยินยอมโดยดี เราก็จะจับบีบคอจนตายคามือ

ชิวเซิง :โอ....เป็นเรื่องน่าหวาดเสียวตื่นเต้นจริง ถามจริง ๆ เถอะ โหดเหี้ยมอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?

วิญญาณบาป :เรื่องที่ผมเล่ามานี้เป็นความจริงทุกอย่าง

ชิวเซิง :แล้วตอนมีชีวิตเคยได้รับกรรมสนองบ้างไหม?

วิญญาณบาป :เคยครับ...เนื่องจากพวกเราป่าเถื่อนผิดมนุษย์มนา แต่ละคนเหี้ยมโหดสุดจะเปรียบ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ณ ที่ชุมโจรบนเขา พวกเราได้ดื่มสุรากันจนเมามายขาดสติได้เกิดการทะเลาะวิวาทเข่น ฆ่ากันเอง ผมได้ตายด้วยคมมีดดาบในท่ามกลางชุลมุนวุ่นวายนั้นเอง คาดคิดไม่ถึงว่าเมื่อตายแล้วต้องไปรับโทษหนักต่าง ๆ จากเมืองนรก ทารุณป่าเถื่อนจริง ๆ เมื่อถูกลงโทษทัณฑ์ต่าง ๆ จนครบกำหนดแล้ว ยังได้นำตัวผมมาจองจำไว้ที่นรกอเวจีแห่งนี้

ชิวเซิง :แล้วทำไมตาทั้งคู่จึงโบ๋ลึกเช่นนี้ ?

วิญญาณบาป :เนื่องจากผมไม่กล้านอนหลับ

ชิวเซิง :เพราะเหตุใด

วิญญาณบาป :เพราะว่าพอผมหลับตา ก็จะปรากฏภาพหลอนของคนที่เคยถูกผมฆ่า หรือข่มขืนจนตายลอยมาอยู่เบื้องหน้า บางทีก็เป็นภาพใบหน้าอันขาวซีด บางทีเป็นภาพมีเลือดเปรอะเต็มตัว บางทีก็เป็นภาพแลบลิ้นอันเล็กยาวหรือยื่มมือที่มีปลายเล็บอันแหลมคม มาทวงขอชีวิตคืนกับผมทำให้ผมตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด

ชิวเซิง :โอช่างน่ากลัว

พระจี้กง :เอาละ..นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้เอาเพียงเท่านี้ก่อน รีบอำลาท่านหัวหน้าแดน

ชิวเซิง :ผมขอลาท่านหัวหน้าก่อน

หัวหน้า :ขอส่งท่านจี้กงและชิวเซิง

พระจี้กง :ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว

ชิวเซิง :ผมขึ้นนั่งเรียบร้อย ไปได้แล้วครับ

พระจี้กง :ถึงสำนักเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง


More Posts