วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่4

ไก่โต้งร้องขึ้นเพราะปากถือศีล ล้อม้าแบกของหนักเพราะกรรมชาติก่อน

2024-06-03 04:23:58 - mindcyber

อรหันต์จี้กงประทับทรงกล่าวเป็นกลอนว่า :

     มัวแต่หลงเลี้ยงดูสัตว์เป็นฝูง

เฝ้าลากจูงขยันให้อาหาร

คุณบิดามารดรก็ลืมลาน

เพราะไม่นานสัตว์มีค่าเพิ่มพูนสิน

ไก่ในเล้ากินอิ่มใกล้น้ำร้อน

ไก่ป่าร่อนเร่เที่ยวหากิน

สรรพสัตว์ล้วนกลัวตายวายชีวิน

เมตตาจิตต์รักษาธรรมสิ้นกรรมเวร

อรหันต์จี้กง :ชาวโลกเลี้ยงสัตว์เป็นฝูงใหญ่ ทุ่มเทกำลังใจเฝ้าถนอมประโยชน์แรก ตนเองสามารถบริโภคได้ ประการที่สองขายได้เงินทอง ถ้ากลับบ้าน ท่านได้ปฏิบัติต่อพ่อแม่ด้วยสุดหัวใจหรือไม่? อาหารสามเวลาได้ตระเตรียมไว้ดีแล้วหรือ สุขภาพไม่ดีได้หาหมอหรือเปล่า? ที่หลับที่นอนดูแลเรียบร้อยดีหรือ? ยามพ่อแม่เจ็บป่วย เกิดเป็นลูกใจร้อนรนกระวนกระวายหรือไม่? ถ้าหากเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว การกินอยู่ 3 มื้อ ไม่เคยขาดตกบกพร่อง พอมีโรคระบาดรีบให้สัตว์แพทย์มาดูแล ที่อยู่อาศัยก็ล้างทำความสะอาดกลัวติดเชื้อทุกอย่าง ดูแลทั่วถึง ถ้าหากปฏิบัติต่อพ่อแม่ไม่กระทำเช่นนี้ เธอก็จะได้ชื่อว่าอกตัญญู รีบสำนึกกลับตัวเสีย ทุกชีวิตย่อมกลัวตาย ถูกยุงกัดทีก็ทนไม่ไหว ถ้าตีไม่ตายก็ไม่สบายใจ ถ้าได้ยินคำพูดไม่เข้าหูสักคำเหมือนมีดแทงใจดำ อารมณ์พุ่งดั่งฟ้าร้อง นี้คือกฎการรักตัวเอง กตัญญูสูตร กล่าวว่า ร่างกายเรานี้ กำเนิดจากพ่อแม่ ไม่กล้าให้เจ็บแม้แต่น้อยนิด ความกตัญญูก็เริ่มจากที่ตรงนี้แหละ ถ้าหากพลีชีพเพื่อชาติ ก็เป็นการกตัญญูต่อประชาชนประเทศชาติ อันนี้ก็ถือว่า ซื่อสัตย์กตัญญูเป็นเลิศ อุทิศชีวิตเล็ก ๆ ของฉัน เพื่อความยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน เสียสละเพียงคนเดียวเพื่อชีวิตส่วนรวม การตายแบบนี้เหมือนเกิดใหม่ วิญญาณจะไปสู่สวรรค์ มีความสุขชั่วนิรันดร์ ชื่อก้องเกรียงไกร ชีวิตสัตว์เดรัจฉาน ถ้าฆ่าเอาไปเป็นอาหาร ก็เป็นสิ่งพลีชีพ ชาวโลกก็ต้องระลึกถึงคุณของมัน อย่าสักแต่กินโดยไม่ระลึกถึง นายหยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์เร็ว

หยางเซิง :ครับผม วันนี้ไม่ทราบว่าจะไปไหน?

อรหันต์จี้กง :ปีนี้เป็นปีระกา เราไปเยี่ยมพ่อไก่แม่ไก่กันเถอะ

หยางเซิง :ครับผม แหม นั่งบนดอกปทุมทิพย์ ตลอดทางเย็นสบาย ในเวลาค่ำมืดอย่างนี้ไม่รู้ว่าบ้านไหนเขาเลี้ยงไก่ไว้บ้าง

อรหันต์จี้กง :วันนี้เราออกไปนอกเมืองไถจง ไปที่หมู่บ้านไถ่ผิงที่เขาเลี้ยงไก่กัน

หยางเซิง :ชั่วพริบตา ก็มาถึงเล้าไก่ใหญ่ พลบค่ำแล้วดูเหมือนพวกมันนอนกันหมดแล้ว แต่ยังมีบางตัวยังกินอาหารอยู่

อรหันต์จี้กง :พวกมันยังกินรอบดึกเพราะความเคยชิน เพราะฉะนั้นในตอนกลางคืน พวกไก่ก็ยังออกหากินได้

หยางเซิง :ทำไมไม่เห็นรูปร่างคนละ

อรหันต์จี้กง :เพื่อไม่ให้ชาวโลกหลงมัวเมา ฉันจะให้มันใช้กายปัจจุบัน พูดจาภาษาคนกับเราละ จะได้ดูแปลกไงเล่า?

หยางเซิง :พวกมันพูดภาษาคนได้หรือ?

อรหันต์จี้กง :แน่นอน เธอไม่เคยได้ยินไก่ขันในตอนเช้าหรือ ชาวบ้านยังเข้าใจลุกจากเตียง แล้วทำไมคนจะฟังภาษาไก่ไม่รู้เรื่องหรือ

หยางเซิง :อาจารย์พูดถูก

อรหันต์จี้กง :ให้ฉันเสกมันก่อน ให้มันได้ตื่น จะได้ใช้ภาษาคนพูดติดต่อ "ไก่โต้ง เจ้าไก่โต้งเจ้าขันทุกวันหมายความว่าอย่างไร"

ไก่โต้ง :ฉันคือ ระฆังย่ำรุ่ง ฉันรับหน้าที่นี้มา พอย่ำรุ่งฉันก็ส่งสัญญาณปลุกชาวบ้านให้ลุกขึ้น ฉันเป็นพนักงานให้สัญญาณ เพราะฟ้าลิขิตแบบนี้ นอกจากเป็นใบ้ไป ถ้าหากถึงตอนเช้าลำคอจะรู้สึกติดขัด ถ้าไม่ขับร้อง ลำคอก็ไม่สบายโล่ง

หยางเซิง :มีเหตุผลดี ถ้าไม่เรียกก็ไม่สบายกาย เธอมีบาปมาอย่างไร บอกให้ชาวบ้านเขารู้หน่อยได้ไหม?

ไก่โต้ง :ท่านผู้ใจบุญ! อย่าให้ฉันเปิดเผยเลยได้ไหม?

หยางเซิง :เสียงเธอไพเราะมาก ทำไมต้องเหนียมอายเล่า?

ไก่โต้ง :ท่านผู้ใจบุญ ถ้าต้องการจริง ๆ ฉันก็จะพูดความจริง ฉันแต่ก่อนเป็นชาวนา อารมณ์ดุร้าย ถ้าพบอะไรไม่สบอารมณ์จะต้องระบายอารมณ์ด่าออกมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ ญาติพี่น้องพูดจาหยาบคาย พ่อแม่ด่าว่าฉันไร้ศีลธรรม ยิ่งกว่าสัตว์อีก แต่ฉันก็ไม่เคยสำนึกผิด ยิ่งเสียงดังด่าใหญ่นิสัยเลวอย่างนี้แก้ไขไม่ได้เพราะปากร้าย ตลอดชีวิตจึงสร้างบาปไปทั่วทุกแห่งหน พอตายลงยมบาลจับไปอยู่ในนรกตัดลิ้น ลงโทษดัดนิสัย พอพ้นโทษก็ให้มาเกิดเป็นไก่โต้ง พอเกิดเป็นไก่โต้งนิสัยก็ดีขึ้น เพราะวจีกรรม ด่าพ่อแม่ผู้ใหญ่ พอขอบฟ้าสางในลำคออดไม่อยู่ต้องส่งเสียงขับร้องออกมา ใช้เสียงตะเบงเรียกชาวโลกทั้งหลาย ตื่นเถิดอย่างเอาเยี่ยงฉันเลย ฉันเรียกเขาอยู่ทุกวัน เพื่อให้พวกเขาขึ้นมาทำงาน ฉันสร้างกุศลแบบนี้เพื่อชดใช้กรรมเก่า ชาติก่อนไร้ศีลธรรม เลยเกิดเป็นไก่ (ไอ้ตาไก่) ตาของฉัน พอเห็นไก่ตัวเมียตาฉันก็ลายมืดมัว ไม่ดูว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดหรือเปล่า เอาแต่ความสนุก เพราะฉะนั้นไก่จึงถูกประณามว่าสัตว์เดรัจฉาน ไร้ศีลธรรม เพราะเหตุอกุศลกรรมนำพาทำให้ฉันไม่มีสติยั้งคิด เลยทำเยี่ยงสัตว์ป่า ขอให้ชาวโลกจงอย่าสร้างวจีกรรม จะได้ไม่ต้องมาร้องขัน คิดได้ก็สายเสียแล้ว

อรหันต์จี้กง:เธออย่าเสียใจ เธอเกิดเป็นไก่ได้รับรสชาติของเวรกรรม แต่ว่าไก่ก็มีศีลห้าข้อ บนหัวก็มีหงอน (มงกุฎ) ประดุจดังนักปราชญ์ ขามีเดือย ประดุจนักรบ นิ้วขาหน้าประดุจผู้กล้าหาญ เช้าขึ้นก็ร้องขันประดุจซื่อสัตย์เชื่อถือได้ เวลามีกินก็ร้องเรียกกันประดุจมีใจรับผิดชอบ ไก่ยังมีหลักธรรม 5 ข้อ คนจะมีไหม? ไก่แม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ก็มีสิ่งที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

หยางเซิง :ฟังไก่โต้งเจรจา ช่างมีคติเตือนใจ ไม่รู่ว่าเวลาถูกเชือดรู้สึกอย่างไรบ้าง?

อรหันต์จี้กง :อันนี้ไว้ถามแม่ไก่อีกตัวดีกว่า เพราะมันเกิดเป็นไก่ 2 ครั้งแล้ว ฉันจะเสกให้ก่อน แล้วค่อยให้พูดว่าตนถูกฆ่าเป็นอย่างไร

หยางเซิง :ขอถามตอนเกิดเป็นไก่ครั้งแรก แล้วถูกเชือดนั้นจิตใจเป็นอย่างไร

แม่ไก่ :อย่าให้พูดเลย คิดแล้วกลัวไม่หาย ชาติก่อนเกิดเป็นไก่ในบ้านชาวนา เพราะสมัยนี้คนชอบกินไก่บ้าน ตอนฉันออกจากไข่เจ้าของก็เลี้ยงด้วยข้าวสาร พอไม่นานเกิดได้ 7 วัน แม่ก็พาเราพี่น้อง 7 ตัวไปหากินตามทุ่งนา ผ่านไปปีครึ่ง ฉันก็เติบใหญ่ มีคนฆ่าไก่มาหา เขาเอากรงมาด้วย ถามเจ้าของว่ามีไก่ขายไหม? มีครับแต่ไก่บ้านราคาต้องสูงหน่อย คนซื้อบอกว่าแน่นอน ๆ ชีวิตพวกเราถูกลิขิตแล้ว คนฆ่าไก่ก็จะเอาตาข่ายไล่จับ ฉันกลัวมาก รีบวิ่งหลบแต่ก็ไม่พ้นตาข่าย เจ้าของขายได้เงินรู้สึกดีใจมาก ไม่เคยอนาทรชีวิตพวกเรา เราถูกส่งไปยังตลาด คนฆ่าไก่พูดกับคนขายผักว่า ไก่บ้านแท้ ๆ เนื้อหอมอร่อย ถ้าไม่ใช่ไก่บ้านแท้ ๆ ไม่เอาเงิน ในที่สุดก็ถูกแยกไปทีละตัว ฉันถูกแม่บ้านคนหนึ่งซื้อไปเธอดีใจมากที่ได้ไก่บ้านมา พอถึงบ้านก็รีบต้มน้ำร้อน เอามีดเฉือนคอ ฉันร้องจนหมดแรง เจ็บจนตาย ดิ้นอยู่ประเดี๋ยว รู้สึกว่าเลือดสด ๆ ไหลออกหมด หมดแรงเอาดื้อ ๆ ก็พอดีตัวถูกน้ำร้อนต้มเดือดปวดแสบทรมานไปทั้งตัว แล้วก็มืดหน้าตามัววิญญาณออกจากร่าง มีอำนาจมืดพาไปที่เมืองนรกเนื่องจากกรรมยังไม่หมด เลยต้องเกิดมาเป็นไก่อีกครั้งหนึ่งจากครั้งนี้ก็จะได้ไปเกิดเป็นคนใหม่

หยางเซิง :ฟังมันพูดแล้วน่าสงสาร ไม่ทราบว่าคนฆ่าไก่กับคนกินเนื้อจะเป็นอย่างไร?

แม่ไก่ :คนก็กินแต่ซากศพ ไม่สามารถกินวิญญาณได้หรอก คนฆ่าฉันก็เหมือนฉันถูกฆ่า กลัวจนรนราน บางครั้งวิญญาณมันหนีไปซุกซ่อนอยู่ข้างหลังคนฆ่า ถ้าหากคนฆ่า ฆ่าสัตว์มาก ๆ พวกวิญญาณยังไม่ไปเกิด ก็วนอยู่รอบ ๆ คนฆ่า นาน ๆ เข้ามือฆาตกรก็มีร่างกายหรือไม่เปลี่ยนไป ท่าทางจะแปลก ๆ ไป

หยางเซิง :ขอโทษที่ขัดจังหวะ ที่พูดเมื่อกี้ไม่รู้ว่าจริง

อรหันต์จี้กง :แม่ไก่พูดนั้นมีเหตุผล สมมติมีคนหนึ่งเข้าวิทยาลัยเรียนหนังสือ พอนาน ๆ ไปก็รู้สึกว่า เขามีคุณวุฒิ ถ้าคน ๆ นั้นอยู่กับการค้านาน ๆ ก็จะมีลักษณะของนักธุรกิจ ถ้าเป็นชาวนาก็มีกลิ่นสาบควาย พวกกรรมกรก็มีแววกรรมกร สมัยหนึ่งมีคุณแม่เม้งทำไมต้องย้ายที่อยู่ถึงสามครั้ง เพื่อให้ลูก ๆ ได้อยู่ใกล้โรงเรียนเพื่อเพาะนิสัยให้คงแก่เรียนเอาไว้ ถ้าอยู่ใกล้นักพนันนาน ๆ ไป ก็จะมีนิสัยเป็นคนพนัน ถ้าคบคนบัณฑิต บัณฑิตก็จะให้ผล สิ่งเหล่านี้คือนิสัยถูกครอบงำ วันนี้ใจใกล้อะไรก็มักคล้อยตามอย่างนั้น ถ้าอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า นาน ๆ ไปก็อาจมีใจเป็นพระ หน้าก็เป็นพระทุก ๆ อย่างก็เหมือน ๆ กัน

หยางเซิง :อยู่ใกล้ไข่มุกก็จะสดใส อยู่ใกล้มืดก็จะดำ คงเป็นเหตุอันนี้กระมัง แม่ไก่เอย แล้วคนกินเนื้อไก่ละจะเป็นอย่างไร

แม่ไก่ :ไก่มันเลี้ยงเป็นฝูงในเล้า แม่ว่าปัจจุบันจะมีวิทยาการก้าวหน้า ตั้งแต่อนามัย อาหาร การอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกันในเล้าได้รับเชื้อโรคนั้นง่ายมาก เพราะฉะนั้นตามตัวจึงมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ ก็เพราะว่าเป็นไก่พูดไม่ได้ ก็ไม่ได้รับการรักษา เมื่อเป็นอาหารของคน โดยไม่รู้ว่าไก่ที่กินมีโรคหรือเปล่า ก็มักได้รับโรคที่มาจากเนื้อไก่ จึงขอบอกชาวโลกว่า เวลาจะกินเนื้อปลา เนื้อไก่ ถึงระวังว่าจะกินเอาไก่มีโรคไป จะห้ามก็ไม่ได้ ดังคำพูดที่ว่าโรคมักเข้าทางปาก

หยางเซิง :เธอพูดจากใจจริง ๆ มักพบในหนังสือเขียนไว้ว่ากินเนื้อครึ่งขีดต้องคืนครึ่งชั่งไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

แม่ไก่ :ฉันไม่กล้าพูดเช่นนั้น แต่คนกินเนื้อมาก มีโทษมากกว่ามีคุณ เป็นเรื่องจริง บางครั้งมากกว่าคืนครึ่งชั่งเสียอีก คือคืนชีวิตไปเลยแหละ ทำไมหรือ คนที่กินเนื้อมาก ๆ ไขมันมากเกินไป พิษภัยสะสม ทำให้เลือดไม่ปกติ ความดันสูง เกิดมะเร็ง เป็นต้น ต้องเข้าโรงพยาบาล มิใช่ต้องใช้หนี้ด้วยชีวิตหรอกหรือ?

อรหันต์จี้กง :พูดถูก คนสมัยก่อน กินเนื้อน้อย ปัจจุบันเนื้ออุดมสมบูรณ์ ทั้งสามมื่อก็มีแต่เนื้อกินมากเกินไป อุดมเกินไป เกิดโรคขึ้น คือโรคคนรวย ยิ่งปัจจุบันยิ่งมากหมอถึงกับยอมแพ้

หยางเซิง :ขอให้อาจารย์ได้เสกลูกไก่ตัวนี้ จะได้ระลึกถึงอดีตได้ อยากสนทนาหน่อย

อรหันต์จี้กง :ก็ได้ โอมเพี้ยง! เจ้าลูกเจี๊ยบเกิดมาไม่นาน บอกมาซิว่าก่อกรรมทำบาปอะไรไว้ วันนี้เลยมาอยู่ในกรงนี่

ลูกไก่ :ผมชาติก่อนเป็นเด็กเกเร ทั้งวันไม่ทำงาน เอาแต่ติดยาเสพติด รวมกลุ่มมั่วสุมคอยจี้ปล้น รีดไถชาวบ้าน ห้าปีก่อน ขณะกำลังจี้ปล้นอยู่ พอดีถูกตำรวจจับได้ถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต พอตายลงถูกยมบาลขาว-ดำ จับลงนรกถูกทรมานในนรกอย่างหนัก พอพ้นออกมาก็ถูกส่งมาเกิดเป็นไก่ห้าชาติ ชีวิตมืด ๆ มัว ๆ ต้องรับกรรมต่อไป ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

อรหันต์จี้กง :ชาติก่อนรีดไถชาวบ้าน ชาตินี้ต้องชดใช้กรรมให้เป็นอาหารตอบแทนเขา แม้ว่าจะเกิดมาเป็นไก่ก็ยังถูกจองจำไว้ในกรงเหล็กก็เหมือนรับโทษ ก้มหน้ารับกรรมไป

หยางเซิง :พวกมันเป็นไก่เนื้อ เจ้าของให้อาหารทั้งสามมื้อ คิดแล้วดูเหมือนสบาย คนต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ พวกก่อกรรมทำชั่วมาเกิด ถูกคนเลี้ยงจนใหญ่แล้วขายไปเป็นไก่เนื้อทำอาหารให้ชาวบ้านกิน พูดตามเหตุผลต้องได้รับโทษตอบสนอง ทำไมจึงบอกว่าคนฆ่าสัตว์ไม่ได้

อรหันต์จี้กง :ฉันจะยกตัวอย่างให้ดู ถ้ามีคนหนึ่งเป็นหนี้เธอก็ไม่สามารถฆ่าเขาเพื่อชดใช้หนี้ ควรให้เป็นหน้าที่ของศาล เพื่อชดใช้ให้ตามแต่ศาลสั่ง จิตโพธิสัตว์อาศัยเมตตาเห็นใจเขา ไม่อยากให้วิญญาณรับโทษก็เหมือนเขาปฏิบัติต่อผู้พิการ ได้แต่บริจาคด้วยใจรักอย่างเดียว พวกที่บำเพ็ญเพียรก็เช่นเดียวกัน ต้องฝึกจิตใจให้มีเมตตากรุณา จะได้มีวิญญาณที่ใสสะอาด พวกที่กินเนื้อของวิญญาณบาปเหล่านี้ โดยไม่ได้ตั้งใจก็จะเปื้อนราคีของวิญญาณบาป ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการบำเพ็ญเพียร ถ้าหากทานมังสวิรัติแล้วก็ทำให้จิตใจใสสะอาดเกื้อหนุนการบำเพ็ญเพียร พวกที่ทานเนื้อสัตว์มาก ๆ จิตใจจะขุ่นมัวเป็นการเพิ่มพูนกิเลสตัณหา ตั้งแต่โบราณมาท่านที่จะบำเพ็ญเพียรแล้วก็มักตัดสินใจทานมังสวิรัติเพื่อตัดความอนาถทางโลกีย์

หยางเซิง :ด้วยเหตุผลอันนี้เอง

อรหันต์จี้กง :โบร่ำโบราณมาแล้วมีร่องรอยหลักฐานมากมาย วันนี้ฉันเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง (ผู้ถือศีล "หลง") ได้ยินการสนทนาของม้าหล่อในตอนกลางคืนต่างก็เล่าถึงกรรมเก่า ต่อมาภายหลังรู้สำนึกกลับมาบำเพ็ญเพียร) เพื่อลงในหนังสือ "วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน" ในสมัยราชวงศ์ถัง มีผู้ถือศีลคนหนึ่ง ชื่ออุ้ม แซ่หลง ครอบครัวร่ำรวยมาก มีความรู้สูง ชื่อเสียงเป็นที่ล่ำลือ ตั้งแต่เล็กก็บรรลุธรรมะ ตั้งจิตอธิษฐานขอพบแต่สัจธรรม เริ่มแรกก็ไปคารวะอาจารย์สือโตว ต่อมาก็มาคารวะอาจารย์ ม้าโจว ตั้งแต่นั้นมาก็บรรลุจิตเดิมเข้าถึงหลักอนัตตา ปกติคุณหลงก็เป็นคนขี้สงสารชอบช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ประกอบกรรมดี บริจาคอยู่เนืองนิจ ด้วยเหตุนี้เอง วันหนึ่งมีพ่อค้า 2 คนมาหา ต้องการยืมเงินทำการค้า ต้องการยืมเงินหนึ่งพันตำลึง ท่านหลงก็ยินดีให้ยืมทันที เมื่อพ่อค้าทั้ง 2 คนได้เงินแล้วก็คิดจะเข้าเมืองไปทำการค้า แต่เมื่อมีสัมภาระมากขนไปไม่ไหว ท่านหลงเลยให้เอาลาที่เลี้ยงไว้ยืมไปขนของ พ่อค้าทั้งสองเดินทางมาถึงต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งก็หยุดพักผ่อน ทั้งสองปรึกษากันว่า ท่านหลงในดีให้ยืมเงิน แต่ลืมจดลงในสมุด ถ้าหากเราเอาเงินนี้ไปโดยไม่ใช้คืน ก็ไม่มีใครรู้ พูดจบเจ้าลาก็พูดขึ้นทันทีว่า ฉันชาติก่อนได้ยืมข้าวโอ๊ตไปสามขีด แล้วก็ไม่ได้ใช้คืน ชาตินี้เกิดมาเป็นลาต้องขนของให้ท่านเดินทางมาไกลถึง 30 ลี้เพื่อเป็นการใช้หนี้เก่า ตอนนี้ฉันใช้หนี้ท่านหมดแล้ว ฉันเห็นทีจะต้องกลับไปแล้ว สองพ่อค้าได้ยินลาพูดภาษาคนได้ ตกใจมาก เลยรีบเอาเงินคืนไปให้ท่านหลง ท่านหลงแปลกใจมากเลยถามว่าทำไม่รีบคืนเงินมาให้เล่า สองพ่อค้าเลยเล่าเรื่องที่ได้ยินจากลาพูดให้ฟัง แล้วพูดว่า พวกเรากลัวว่าจะต้องชดใช้กรรมชาติหน้าเลยรีบนำเงินมาคืนให้ พูดแล้วก็ลาจากไป พอตกกลางคืน ท่านหลงก็เดินไปที่คอกม้า ก็บังเอิญได้ยินม้ากับลาสนทนากันว่าชาติก่อนเป็นหนี้เขาเท่าไร ชาตินี้ก็เลยมาใช้หนี้เขา ฟังแล้วก็แหงนหน้าขึ้นพูดว่า ฉันตั้งใจจะช่วยคนโดยคิดไม่ถึง กลายเป็นเพิ่มภาระคนอื่น ปลงตกดังนี้ต่อมาไม่นานก็รวบรวมเงินทองแล้วนำขึ้นเรือคิดจะออกไปกลางทะเลแล้วทิ้งลงทะเลไป ขณะที่เรือแล่นมากึ่งกลางแม่น้ำก็มีโจรสลัดกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นเรือมา จะเข้าปล้นเรือ ท่านหลงเลยเล่าเรื่องลากับพ่อค้าสองคนให้ฟัง และตนเองคิดจะเอาเงินมาทิ้งทะเล ปรากฏว่าพวกโจรสลัดได้ฟังดังนี้น ใจเกิดสำนึกผิดพูดว่า พวกเราจะยอมออกบวชยอมติดตามท่านถือศีลกินเจ ในที่สุดท่านหลงก็เลยเอาเงินบริจาคเข้าวัด เพื่อเป็นค่าอาหารสำหรับโจรสลัดทั้ง 500 คน ต่อมาพวกโจรสลัดทั้ง 500 คนก็บำเพ็ญเพียร จนสำเร็จบรรลุพระอรหันต์ เลยได้ชื่อว่า "อรหันต์ 500 องค์"

ท่านหลงละทิ้งสมบัติ บุตรีก็ถือศีล ทอเสื่อยังชีพไปวัน ๆ หนึ่ง ลูกชายก็ทำไร่ไถนา ทั้งครอบครัว สามี ภรรยา บุตร สี่ชีวิต ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ภายหลังที่ท่านหลงได้ช่วยโจรสลัดกลับใจได้ จิตใจสดชื่นยิ่งเพิ่มความเพียรมากขึ้น ในที่สุดก็บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งครอบครัว มีคนแต่งกลอนสรรเสริญว่า

     สำนึกผิด คิดกลับใจ

เพราะทำชั่ว เกิดเป็นวัว

เป็นควาย เพื่อใช้หนี้

อกุศลจิต ยากนัก

จะพ้นทุกข์ ไม่สัตย์ซื่อ

ทุนรอน หาไม่ได้

ท่านทั้งหลายเห็นแล้วใช่ไหมว่า พวก เป็ด ไก่ วัว ควาย ต่างก็เกิดมาชดใช้กรรมเก่า ซึ่งเป็นการยืนยันถึง "กฎแห่งกรรม" รีบ ๆ กลับใจประพฤติตนให้ถูกต้อง ตั้งใจบำเพ็ญเพียร เพื่อไม่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

วันนี้ขอแค่นี้ กลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง :ครับผม

อรหันต์จี้กง :ถึงสำนักแล้ว ลงจากปทุมทิพย์ได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

More Posts