ครั้งที่ 32 ตอน ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

2024-04-08 08:33:55 - mindcyber

ครั้งที่ 32 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2520

ตอน ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า :

ข่มทำลาย ทั้งเจ้า-โคตร อดสูมาก

ยกต่างชาติ หมิ่นตนเอง ไร้คุณธรรม

ศีลธรรมจีน สืบต่อกัน หลายพันปี

วัฒนธรรม เลื่องลือดี ใหญ่ยิ่งเอย


อรหันต์จี้กง :วัฒนธรรมและศีลธรรมของประเทศจีนนั้น แรกเริ่มเดิมทีนั้นซึ่งสะสมก่อตัวขึ้นจากธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน ดังนั้นกาลเวลายิ่งนานจึงผุดผ่องใหม่สดอยู่เสมอ สืบต่อเป็นหมื่นปีมิรู้ขาดสิ้น แต่น่าเสียดายที่ผู้คนหลงนิยมในปรากฏการณ์ มุ่งแสดงแต่วัตถุ ดูหมิ่นวัฒนธรรมของตนเองแล้วกลับไปนิยมเลียนแบบตะวันตกโดยสิ้นเชิง การเสพเหล้ากินเนื้อ กามลามกที่รุนแรงดุเดือด เต็มไปทั่วทุกหัวระแหง ในสังคมพวกที่ลืมชาติลืมตระกูลนิยมชาติอื่น การดูหมิ่นตนเองนั้นน่าอับอายที่ตนเองเป็นบุตรหลานแห่งพระเจ้าอึ้งตี่ (ต้นตระกูลชนชาติจีน) ยิ่งทุกวันนี้ วิทยาศาสตร์เจริญรุ่งเรือง คิดว่ามนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติ แต่หารู้ไม่ว่าตนเพียงแต่เป็นข้าวเม็ดหนึ่งในท้องน้ำมหาสมุทร ถึงแม้จะมีฝีมือยอดเยี่ยมก็เปรียบเสมือนฟองน้ำน้อนฟองหนึ่งในทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น ใช้ความแยบยลเอาชนะธรรมชาติจึงต้องรับผลร้ายในที่สุด เมื่อมนุษย์หลุดพ้นจากธรรมชาติก็ตกอยู่ในความไม่ปรกติแห่งความเป็นอยู่ของชีวิต ดังนั้นผู้ที่มีเลือดเนื้อจิตใจควรตระหนักให้มากๆ วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง :กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้……

อรหันต์จี้กง :ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

เซียมล้ออ๊วง :ยินดีต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงมาเยือนขุมเราอีกครั้ง การเดินทางคงลำบากนะ

อรหันต์จี้กง :ที่ไหนได้ เรามารบกวนขุมของท่านในวันนี้อีกครั้งขอท่านยมบาลพาเข้าไปชมดูในคุก

เซียมล้ออ๊วง :คราวก่อนข้าพเจ้าได้พูดไว้แล้วว่า จะพาท่านเข้าไปชม "นรกพร่าหัวใจ" ด้วยตนเอง เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปในคุกเถิด นายทหารคอยให้การอารักขา

หยางเซิง :ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้ความเอ็นดู เบื้องหน้านั้นก็คือ "16 แดนพร่าหัวใจนรกน้อย" ได้ยินเสียงแว่วแห่งความทรมานแผดผ่านมา ข้าพเจ้าว่าคงจะเป็นสถานที่ลงโทษที่คลุ้งไปด้วยความคาวเลือด

เซียมล้ออ๊วง :มวลมนุษย์ล้วนเกิดการ "เปลี่ยนใจ" ไปแล้วเมื่อตกลงมาในนรก จึงจำเป็นต้องเฉือนเอาออกรักษาเสียบ้าง

หยางเซิง :พัศดีมาแล้ว ข้าพเจ้าจะไปแสดงความเคารพก่อน

พัศดี :ขอน้อมต้อนรับท่านเจ้านายและท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงที่ได้มาเยือนคุกของข้าพเจ้า ทราบว่าท่าน หยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมืองไถ่ตง และท่านอาจารย์แห่งฟ้าตะวันตกจะมาเยือนคุกนี้ หากมีมารยาทที่ไม่เรียบร้อย ขอโปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง :ท่านพัศดีเกรงใจมากเกินไปแล้ว ข้าพเจ้าติดตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมชมคุกของท่านในวันนี้ก็เพื่อจะแต่งเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก" ขอได้ให้การชี้แจงแนะนำ

เซียมล้ออ๊วง :ให้นายทหารรีบเปิดประตู

นายทหาร :ขอรับคำบัญชา…เปิดออกแล้ว เชิญเข้าไปชมข้างในเถิด

หยางเซิง :อุ๊ยๆ เสียงร้องอย่างอเนจอนาถใจเหลือที่จะทนฟังได้อีกแล้ว มองเห็นยมทูตในคุกล้วนใช้มีดแหวกอกวิญญาณโทษควักเอาหัวใจราวกับฆ่าหมูแล้วตัดเอาหัวใจออกฉันนั้น วิญญาณโทษถูกมัดติดกับหลักเสาไม้ อกถูกผ่าออก ได้ยินเสียงวิญญาณโทษถูกมัดติดอยู่กับหลักเสาไม้ อกถูกผ่าออก ได้ยินเสียงวิญญาณโทษร้องอย่างเวทนาเพียงคำเดียว ก็สลบไปเลยมิทราบว่าพวกมันต้องโทษอะไรบ้าง?

พัศดี :ข้าพเจ้าจะราดน้ำคืนชีพให้ ให้มันได้คืนชีพขึ้น

หยางเซิง :ศักดิ์สิทธิ์พิสดารจริงๆ วิญญาณที่โดนน้ำคืนชีพเข้า หน้าอกแต่ละตนเรียบร้อยดีดังเดิม ตัวก็ฟื้นตื่นขึ้น

พัศดี :ข้าพเจ้าจะพาวิญญาณโทษ 2-3 ตนออกมาให้มันเล่าความชั่วของตนเองให้ฟัง

เซียมล้ออ๊วง :วิญญาณโทษฟังคำสั่งทางนี้ นี่คือท่านอรหันต์จี้กง และท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่คงแดนมนุษย์ตามเทวโองการ มาสืบหาความลับยังที่นี่ พวกแกทำชั่วอย่างไรในโลกมนุษย์ ให้การภาพโดยเร็ว ห้ามปิดบัง เพ่อความสะดวกในการแต่งหนังสือ อย่าขัดคำสั่ง

วิญญาณโทษ :ขอรับคำบัญชา ขอให้ท่านยมบาลลดหย่อนผ่อนโทษให้กระผมด้วย มิทราบจะได้หรือไม่ประการใด?

เซียมล้ออ๊วง :แกเล่าไปก่อน แล้วฉันจะพิจารณาให้เอง

วิญญาณโทษ :เอาครับ กระผมตอนเป็นมนุษย์ได้เล่าเรียนศึกษาไม่น้อย ถึงขั้นมหาวิทยาลัยได้รับการอบรมจากแผนสมัยใหม่หลงใหลแบบอย่างตะวันตก ในมหาวิทยาลัยมีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเป็นผู้ถือศาสนาคริสต์ ท่านปลอบให้กระผมถือคริสต์ด้วย โดยบอกว่าไม่เพียงแต่จะศึกษาภาษาอังกฤษในชั้นูงแล้วยังมีโอกาสไปเรียนนอกอีกด้วย กระผมคิดถึงหนทางในอนาคตเห็นว่าการนี้ก็เป็นางที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน เลยตกลงรับคำอย่างง่ายดาย จากนั้นมาพอมีเวลาว่าง ก็ไปโบสถ์ฟังการบรรยายธรรมจากบาทหลวง เรียนภาษาอังกฤษ สาวกผู้ถือคริสต์ล้วนแต่งกายแบบสากลทันสมัย ฉะนั้นผู้ถือคริสต์จึงมีคนหนุ่มมากที่เป็นเพื่อนฝูงกัน ประการแรกจะได้ความรู้ประการสองสามารถรู้จักคนมาเป็นเพื่อนกันได้มกขึ้น และมีการจัดงานต่างๆ เสมอ คิดเป็นคณะสังคมแห่งคนหนุ่มคณะหนึ่ง หลังจากได้รับการล้างบาปแล้ว ในใจคิดว่าทางบ้านไหว้เจ้าไหว้พระมันไม่เหมาะสมกับกาลสมัยเสี่ยแล้ว ล้วนเป็นการไหว้ตัวรูป เป็นผู้ที่งมงายตอนโรงเรียนปิดพักร้อนกระผมกลับไปอยู่บ้าน ก็ตั้งใจเปลี่ยนแปลงความเชื่อถือของคนในบ้าน เริ่มพูดจาหว่านล้อมบิดามารดา ให้ละทิ้งนับถือในตัวรูป เนื่องจากบิดามารดาหลงใหลเชื่อถือยึดมั่นมานาน จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำกระผม กระผมเกิดความโกรธเคืองขึ้นในแวบหนึ่งก็เลยขนเอาป้ายเจ้าป้ายของบรรพบุรุษไปโยนทิ้งยังพื้นดิน บิดามารดาเห็นเข้าโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง คว้าเอาเก้าอี้ฟาดตีกระผม เมื่อได้รับการเสียดแทงใจจากการนี้ กระผมจึงไม่กลับไปอยู่บ้านอีก เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้ติดตามบาทหลวงออกไปประกาศธรรมและได้เข้าทำงานในคริสต์สมาคมนั้น ต่อมาตายลงด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ขณะที่ตายนั้นพระผู้เป็นเจ้าท่านพระเยซู ก็มิได้ให้เกียรติมารับไปขึ้นสวรรค์ กลับมีแต่ยมทูตดุๆ 2 ตนคุมตัวมายังนรกผ่านการตัดสินจากยมบาลแล้วให้คุมขังไว้ใน "นรกพร่าหัวใจ" ของท่านยมบาล อภัยโทษให้กระผมด้วยเถิด

เซียมล้ออ๊วง :การนับถือศาสนานั้นอันที่จริงแล้วก็มิได้แบ่งแยกออกเป็นเขตแดนอันใด (ลืมต้นตระกูล) ทำลาลล้างผลาญป้ายเจ้าป้ายบรรพบุรุษ การเชื่อถือแบบแกอย่างนี้จะสอนให้ชาวมนุษย์ที่ดื่มน้ำต้องระลึกถึงแหล่งต้นน้ำได้อย่างไร (หมายความว่าระลึกถึงบรรพบุรุษที่ให้กำเนิดสืบต่อๆ มา) ถึงแม้ว่าผู้เผยแพร่ศาสนาบอกไม่ให้กราบไหว้ "ตัวรูป" แต่แกไม่เข้าใจธรรมแห่งความเป็นจริง ไม้กางเขนคัมภีร์คริสต์บาทหลวงนั้นก็เป็นตัวรูปเช่นเดียวกัน แล้วแกทำไมจึงกราบไหว้นับถือเล่า? ที่ว่า "สลัดทิ้งซึ่งตัวรูป" ก็คือต้องการให้แกมองเห็นความไม่เที่ยงแท้ในโลกมนุษย์ อย่าไปหลงใหลเสพสุขทางเรือนร่าง (เนื้อหนังมังสา) ควรเสริมสร้างความว่างเปล่าทางจิตใจให้เต็มที่ "ไม่ไหว้ตัวรูป" ก็คือ ยกย่องการเชื่อถือเลื่อมใสแห่งจิตใจ เพื่อที่จะแสวงหาทางอยู่ยืนยงตลอดไป แกเข้าใจในความหมายนี้ผิดไป การทำลายป้ายชื่อบรรพบุรุษเท่ากับตัดขาดกุศลบุญของบรรพบุรุษ อยากจะถามตัวแกมาจากแห่งใด แกแซ่อะไร? ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษสวรรค์ "ตั่วเซียงตี่" (พระเจ้าองค์ใหญ่) บรรพบุรุษคือ "เสี่ยวเซี่ยงตี่" (พระเจ้าองค์เล็ก) แกมันลืมต้นตระกูลข่มโคตรไม่ใช่ความมุ่งหมายอันแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นสวรรค์จึงไม่รับ ต้องตกลงมาอยู่ในนรกในเมื่อแกสารภาพมาตามความจริงจะลดโทษให้ 2 เดือนเมื่อหมดกำหนดการลงโทษแล้ว ให้ส่งไปยัง 6 ช่องทางเพื่อไปผุดเกิดอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง :การเลื่อมใสนับถือศาสนาคือการฝึกฝนอบรมจิตใจมิใช่ว่าพวกปัญญาอ่อนวุ่นวายกันเอง การต่อต้านซึ่งกันและกันอ้างตนเองถูกต้อง กฎสวรรค์ได้วางไว้แน่วแน่แล้ว ที่โจมตีหาว่าศาสนาอื่นไม่ถูกต้อง อ้างอวดว่าศาสนาตนเองถูกต้องนั้นได้บังเกิดจิตใจแห่งการแบ่งแยกแล้ว จิตแห่งเมตตากรุณานั้นสูญสิ้นไปแล้วจึงไม่สมารถสำเร็จธรรม ถ้าหากว่าคนพวกนี้สามารถสำเร็จธรรมแล้วก็หมายความว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดกรลำเอียง ต้องดูคนที่นับถือศาสนาใดแล้วจึงให้ความคุ้มครองเมื่อนั้นแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเจ้าก็จะเกิดขัดแย้งวุ่นวาย สวรรค์ก็จะกลายเป็นสนามรบ จะมีชื่อว่าแดนแห่งความผ่องแผ้วสดใสยอดสุขได้อย่างไร? วันนี้เวลาหมดแล้ววันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมใหม่เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

เซียมล้ออ๊วง :นายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์

หยางเซิง :เพราะเหตุเวลาดึกมาก อยู่นานไม่ได้ขอขอบคุณท่านยมบาลและพัศดีกับนายทหารทั้งหลายในการให้คำแนะนำเราขอลาก่อนละ

อรหันต์จี้กง :รีบขึ้นดอกบัว

หยางเซิง :กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เดินทางกลับเถิด….

อรหันต์จี้กง :ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว

หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

More Posts