ครั้งที่ 12 พระโพธิสัตว์แนะนำสภาพแวดล้อมอันประเสริฐของแดนสุขาวดี
2024-09-15 08:20:48 - mindcyber
ปีเจี๋ยจื่อ เดือน 6 วันที่ 22 ค.ศ.1984 (ตรงกับวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2527)พระพุทธจี้กง ประทับทิพยญาณ
ใจมั่นคง สูงส่ง ดำเนินธรรม บำเพ็ญ
ร่วมสุขทุกข์ ลำเค็ญ คราดไถ นาใจ
บำเพ็ญควบคู่ เมตตาภายนอก คุณธรรมภายใน
มุ่งก้าวหน้าไป สู่แดน วิสุทธิภูมิ
พุทธจี้กง : ฮ่าๆ ! ศิษย์ทั้งหลาย ไม่ได้พบหน้ากันนานเลยนะเรา วันนี้เห็นภายในสำนักมีกระดานดำแผ่นใหญ่เพิ่มขึ้นมา 1 แผ่น คาดว่าน่าจะเอาไว้ใช้บรรยายธรรม อาตมาเห็นแล้วในใจเกิดความปีติยินดี เป็นเพราะศิษย์ทั้งหลายในสำนักเซิ่งเทียนถังมีจิตหนึ่งใจเดียวมุ่งวิริยะพากเพียร จิตใจที่ทุ่มเทพยายามโดยไม่ท้อถอยเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญพึงปฏิบัติ
ไฉ้เซิง : สำนักธรรมของเราเตรียมกระดานดำแผ่นใหญ่ไว้แล้ว ขอเชิญพระอาจารย์ขึ้นเวทีใช้บรรยายธรรม
พุทธจี้กง : ศิษย์เรา ! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมอบงานให้อาจารย์ทำซะแล้ว งานบรรยายธรรมะแบบนี้ยังต้องวานให้อาจารย์ช่วยจัดการแทนให้อยู่อีกรึ ?
ไฉ้เซิง : ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เป็นเพราะคนมากมายต่างชอบฟังพระอาจารย์พูดธรรมะ ดังนั้นศิษย์จึงขอให้พระอาจารย์ช่วยชี้แนะเท่านั้นเอง
พุทธจี้กง : ความจริงแล้วเจ้าควรฝึกฝนตนเอง งานแบบนี้ต้องให้เจ้าแบกรับขึ้นมาเองจึงจะเหมาะสมกว่า
ไฉ้เซิง : ศิษย์จะทำได้เหรอครับ ?
พุทธจี้กง : ถ้าหากเจ้าไม่ไปทำ เจ้าก็จะทำไม่ได้ตลอดไปนั่นแหละ ถ้าหากเจ้าตั้งใจไปทำเดี๋ยวเจ้าก็ทำสำเร็จ
ไฉ้เซิง : ในเมื่อพระอาจารย์พูดอย่างนี้ ศิษย์ก็จะลองทำดู
พุทธจี้กง : เอาล่ะ วันนี้เราออกเดินทางกันก่อนเถอะ
ไฉ้เซิง : ศิษย์นั่งบัลลังก์บัวเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้
พุทธจี้กง : วันนี้ดูท่าทางลมฝนกำลังจะมา อาจารย์เห็นชาวโลกต่างหลบอยู่ในบ้านดูโทรทัศน์ มีเพียงศิษย์ในสำนักเซิ่งเทียนถังที่ยืนล้อมรอบกระบะทรายดูการประทับทรงเขียนประพันธ์หนังสือ ช่างเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามีความหมายจริงๆ
ไฉ้เซิง : ฮ่าๆ ! ชาวโลกชมการถ่ายทอดสดของโทรทัศน์ ส่วนพวกเราชมการถ่ายทอดสดของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ชาวโลกดูกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน ส่วนพวกเราดูกันอย่างปีติในธรรม
พุทธจี้กง : วันนี้เพื่อให้เจ้ารู้ว่าโลกมนุษย์กับแดนสุขาวดีอยู่ห่างไกลกันมากขนาดไหน ดังนั้นจึงทำให้การจาริกแดนสุขาวดีในวันนี้ล่าช้าออกไป
ไฉ้เซิง : ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง มิน่าล่ะ เมื่อครู่นี้ศิษย์มองเห็นชั้นกามภูมิและรูปภูมิ ตอนนี้มองออกไปก็เป็นชั้นอรูปภูมิซึ่งเป็นภูมิที่ไร้รูปลักษณ์ ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์จริงๆ
พุทธจี้กง : เดี๋ยวเจ้าก็จะมองเห็นแดนสุขาวดีแล้ว
ไฉ้เซิง : คิดไม่ถึงว่าแดนสุขาวดีจะเป็นเมืองในอุดมคติที่อยู่เหนือชั้นกามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิขึ้นไปอีก เป็นถ้ำสวรรค์ของเหล่าเทพเทวาโดยแท้
พุทธจี้กง : ศิษย์เรา ! ถ้ำสวรรค์ของเหล่าเทพไม่สามารถจะเอามาเปรียบเทียบกับแดนสุขาวดีได้หรอก
ไฉ้เซิง : เป็นอย่างนั้นจริงๆ แดนสุขาวดีกว้างใหญ่ไพศาลมาก ไม่เหมือนกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของโลกมนุษย์ที่คับแคบและต้องใช้ชีวิตอย่างเคร่งเครียด
พุทธจี้กง : เบื้องหน้านั่นพระโพธิสัตว์ชิงจิ้งมาต้อนรับพวกเราแล้ว ศิษย์เรา รีบกราบคารวะเร็ว
ไฉ้เซิง : ผู้น้อยกราบคารวะพระโพธิสัตว์ ขอพระโพธิสัตว์โปรดชี้แนะผู้น้อยเยอะๆ
โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี วันนี้สำนักของเจ้าได้รับพระโองการให้ประพันธ์หนังสือ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายในแดนสุขาวดีนี้ต่างเฝ้ารอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เราได้มีโอกาสต้อนรับแขกจากแดนไกลผู้ไม่กลัวความลำบาก นั่นก็เพราะได้รับบัญชามาจากพระอมิตาภพุทธเจ้า
ไฉ้เซิง : ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ต้องขอบคุณมากๆจริงๆครับ แต่ว่าวันนี้ให้หลวนเหมินมาเผยแพร่พุทธธรรมให้ จริงๆแล้วนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆในศาสนาพุทธไม่ใช่หรือครับ ?
โพธิสัตว์ : เมธี ! เจ้าก็มีความคิดที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายด้วยอย่างนั้นหรือ ?
ไฉ้เซิง : ไม่มีครับ ! เพียงแต่รู้สึกว่าการได้รับภาระหน้าที่ให้ประพันธ์หนังสือเล่มนี้ จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากและยังสามารถทำลายการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายลงได้อีกด้วย
โพธิสัตว์ : เมธีพูดได้ถูกต้อง วันนี้พุทธธรรมต้องอาศัยหลวนเหมินมาแพร่ประกาศธรรมให้ นั่นก็เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากพระอมิตาภพุทธเจ้าเห็นว่าเวไนยในธรรมกาลยุคท้ายมีจิตญาณที่เขลาหลงลงทุกวัน และเห็นว่าหลวนเหมินมีความสามารถในการปกโปรดกล่อมเกลาเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงเลือกสำนักหลวนถังสำนักหนึ่งให้มาช่วยประพันธ์หนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมธรรมวิถีแห่งแดนวิสุทธิภูมิสุขาวดี แล้วก็พอดีประจวบเหมาะที่เมธีมีพุทธสัมพันธ์กับพระอมิตาภพุทธเจ้าของพวกเรา อีกทั้งเมธียังมีปณิธานใหญ่ มีความจริงใจที่จะฉุดช่วยชาวโลก ดังนั้นจึงมีเหตุปัจจัยให้ประพันธ์หนังสือในวันนี้
ไฉ้เซิง : อ๋อ ! ผู้น้อยช่างโชคดีจังเลย
โพธิสัตว์ : ตอนนี้ถึงแล้ว พวกเราก็มาตากลมที่ใต้ต้นไม้นี่เถอะ
ไฉ้เซิง : มาถึงที่นี่ สถานที่ๆห่างไกลจากความสับสนวุ่นวายของเสียงอึกทึกครึกโครม เป็นที่ๆมีแสงรัศมีอันสง่างามน่าเกรงขาม ในฐานะบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นประจักษ์พยานให้แก่ชาวโลก ผู้น้อยไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรดี พูดได้เพียงว่า โอ้โห ! บุญตาน่าทึ่ง.......ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์ ที่แดนสุขาวดีมีพระโพธิสัตว์มากมายขนาดนี้ แล้วบำเพ็ญสำเร็จกันได้อย่างไร ?
โพธิสัตว์ : มีใจก็สำเร็จ มีความมุ่งมั่นก็สำเร็จ มีความเชื่อมั่นก็สำเร็จ นี่ก็คือมูลเหตุแห่งความสำเร็จของพระโพธิสัตว์
ไฉ้เซิง : เบื้องหน้านั้นมีนกน้ำขับขานเสียงธรรมอันไพเราะ ทำให้ผู้น้อยตื่นแจ้งในฉับพลัน กายใจสงบเบาสบาย ปีติในธรรม วิเศษยอดเยี่ยมโดยแท้
โพธิสัตว์ : นกน้ำเหล่านี้ไม่ใช่คนที่สร้างบาปกรรมแล้วมาเกิดเป็นนกเพื่อชดใช้กรรม แต่เป็นนกที่สำเร็จขึ้นจากแรงปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้า จุดประสงค์ก็เพื่อให้เสียงธรรมได้แพร่กระจายไปทั่ว
ไฉ้เซิง : ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์ ต้นไม้เหล่านี้ดูเหมือนต้นไม้ที่เจริญงอกงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นี่เป็นเพราะเหตุใด ?
โพธิสัตว์ : ต้นไม้เหล่านี้ก็คือต้นไม้ที่สำเร็จขึ้นจากแรงปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้า ดังนั้นจึงเขียวตลอดทั้งปี สี่ฤดูไม่โรยรา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไหร่ที่ต้นไม้เหล่านี้ถูกลมพัดโชยก็จะทำให้เกิดเสียงธรรมอันล้ำลึก
ไฉ้เซิง : โอ้ ! ผู้น้อยรู้สึกได้แล้ว เสียงธรรมนี้เมื่อฟังแล้วทำให้จิตใจสงบ สามารถชะล้างกิเลสความกลัดกลุ้ม และยิ่งทำให้ผู้น้อยมีความคิดอยากจะสวดพุทธนาม
โพธิสัตว์ : ฮ่าๆ ! ดังนั้นขอเพียงเวไนยได้มาเกิดที่แดนสุขาวดี เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงธรรมเหล่านี้ก็ย่อมที่จะสวดพุทธนามโดยอัตโนวัติ นี่เป็นหลักธรรมที่แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง
ไฉ้เซิง : ทางเดินเหล่านี้ล้วนเป็นสีทองคำ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นแนวตรง งามสง่ากว่าพื้นกระเบื้องเซรามิคบนโลกมนุษย์มากมายนัก
โพธิสัตว์ : ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น พื้นดินเหล่านี้ล้วนปูด้วยทรายทองคำ นี่ก็คือโลกในอุดมคติที่สำเร็จขึ้นจากแรงปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้า ดังนั้นถ้าหากชาวโลกอยากได้ทองคำ มิสู้สวดพุทธนามเพื่อมาเกิดแดนสุขาวดี รับรองว่ามีทองคำให้ดูจนดูไม่หวาดไม่ไหว
ไฉ้เซิง : ฮ่าๆ ! ชาวโลกที่ร่ำรวยมีฐานะเอาทองคำมาทำเป็นเครื่องประดับ คิดไม่ถึงว่าที่แดนสุขาวดีจะเอาทองคำมาทำเป็นพื้นให้เดินเหยียบอยู่ใต้เท้า ทุกทีมีทองคำเต็มไปหมด ช่างแตกต่างกับโลกมนุษย์ราวฟ้ากับเหว
โพธิสัตว์ : ฮ่าๆ ! เมธีเข้าใจเปรียบเทียบนะ
ไฉ้เซิง : ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พระโพธิสัตว์ให้เกียรติชมเกินไปแล้ว......ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์ ก็ในเมื่อที่นี่อยู่เหนือไตรภูมิ (กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ) แล้วทำไมที่นี่ยังมีรูปลักษณ์อยู่อีกล่ะ ?
โพธิสัตว์ : เพราะที่นี่คือพุทธเกษตรที่สำเร็จขึ้นจากบุญกุศลอันเป็นอจินไตยของพระอมิตาภพุทธเจ้ายังไงล่ะ เจ้าดูพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในแดนสุขาวดีแห่งนี้สิ มากมายจนไม่สามารถนับคำนวณออกมาได้ แล้วที่นี่จะอยู่ภายในอาณาเขตของไตรภูมิได้อย่างไร
ไฉ้เซิง : ในเมื่อที่นี่อยู่เหนือไตรภูมิ แต่ปุถุชนคนทั่วไปมีกัมมาวรณ์หนัก แล้วสามารถมาเกิดที่นี่ได้อย่างไร ?
โพธิสัตว์ : เพราะว่านี่คือแรงมหาปณิธานของพระอมิตาภพุทธเจ้า เจ้าต้องรู้นะ ก็เหมือนดั่งเวไนยที่ใช้มือ 2 ข้างปีนป่ายหน้าผาสูง พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน การบำเพ็ญปฏิบัติในธรรมวิถีอื่นก็เหมือนกับการที่คนๆหนึ่งมีใจที่คิดอยากจะปีนขึ้นมาบนหน้าผา ถ้าหากใจสู้ แต่พลังความสามารถของตัวเองมีไม่ถึงก็ต้องตกลงสู่เหวลึก แต่ว่าคนที่บำเพ็ญปฏิบัติในธรรมวิถีแห่งการสวดท่องพุทธนามนั้นไม่เหมือนกัน เขาร้องเรียกให้คนที่อยู่บนหน้าผาช่วยดึงเขาขึ้นไป สุดท้ายก็ช่วยได้สำเร็จ ดังนั้นประเภทแรกคือการอาศัยพลังความสามารถของตัวเองในการปีนขึ้นมา ซึ่งพลังจะน้อยกว่า ส่วนประเภทหลังคือการอาศัยพลังของตัวเองและพลังของผู้อื่นเข้ามาช่วย ดังนั้นจึงปีนขึ้นมาได้ง่ายกว่า ความแตกต่างกันก็อยู่ตรงนี้
ไฉ้เซิง : พูดเช่นนี้ แสดงว่า ขอเพียงมีจิตหนึ่งใจเดียวในการสวดท่องพุทธนามก็สามารถได้รับการอนุเคราะห์จากพระพุทธะโพธิสัตว์ให้มาเกิดแดนสุขาวดี
โพธิสัตว์ : ย่อมเป็นเช่นนั้น ดังคำกล่าวว่า “บำเพ็ญพันคน ก็ได้ไปพันคน บำเพ็ญหมื่นคน ก็ได้ไปทั้งหมื่นคน”
ไฉ้เซิง : นี่เป็นข่าวประเสริฐจากฟ้าจริงๆ งั้นผู้น้อยต้องสวดพุทธนามบ้างซะแล้ว
โพธิสัตว์ : เมธี ! ใช่หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังคิดถึงปัญหาอะไรอยู่ ?
ไฉ้เซิง : โลกมนุษย์คือทะเลทุกข์โดยแท้ แรงกดดันต่างๆในการดำรงชีวิตช่างมากมายเหลือเกิน สมมติเช่น เรื่องการเรียน ถ้ายิ่งเรียนในระดับที่สูงขึ้นก็เหมือนยิ่งเดินเข้าสู่ประตูแคบ ดังนั้นถ้าอยากจะเรียนต่อก็ต้องลำบากมาก การหางานทำก็เหมือนการเดินเข้าสู่ประตูแคบ ต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด แข่งกันไปแข่งกันมา มีเพียงประตูธรรมแห่งการสวดพุทธนามที่บำเพ็ญปฏิบัติง่ายที่สุด หนทางกว้างที่สุด นี่ไม่ใช่ข่าวประเสริฐอันยิ่งใหญ่หรอกหรือ ?
โพธิสัตว์ : หวังว่าเจ้าจะเอาข่าวประเสริฐนี้ไปบอกต่อแก่ชาวโลก
ไฉ้เซิง : งั้นเห็นทีคงต้องให้ผู้ที่มีกุศลจิตอันกว้างใหญ่มาร่วมด้วยช่วยกันถึงจะได้
โพธิสัตว์ : ย่อมเป็นเช่นนั้น เราเชื่อว่าถ้าหากชาวโลกได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะต้องมาช่วยกันพิมพ์แน่นอน
ไฉ้เซิง : ผู้น้อยก็หวังอย่างนั้น และหวังว่าคนที่ช่วยพิมพ์หนังสือท่องแดนสุขาวดีเล่มนี้ทุกคนจะสามารถได้รับการปกปักคุ้มครองจากพระพุทธะโพธิสัตว์
โพธิสัตว์ : เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว
พุทธจี้กง : วันนี้เวลาล่วงเลยมามากแล้ว อาจารย์ว่าประพันธ์หนังสือถึงเท่านี้ก่อนเถอะ รีบกราบลาพระโพธิสัตว์เร็ว
ไฉ้เซิง : ผู้น้อยกราบลาพระโพธิสัตว์ ขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่ชี้แนะ
โพธิสัตว์ : เมธีไม่ต้องมากพิธี โอกาสหน้าพบกันใหม่
พุทธจี้กง : ศิษย์เรานั่งบัลลังก์บัวให้ดี เตรียมตัวกลับสำนักเถอะ
ไฉ้เซิง : ศิษย์นั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญพระอาจารย์ออกเดินทางได้
พุทธจี้กง : ถึงเซิ่งเทียนถังแล้ว ไฉ้เซิงลงจากบัลลังก์บัว วิญญาณกลับเข้าร่าง