วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่12

สัตว์เดรัจฉานมีจิตวิญญาณดุจเดียวกับมนุษย์ ขนแกะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นควรนึกถึงบุญคุณมัน

2024-06-03 04:31:04 - mindcyber

อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 9 ตุลาคม 2524 กลอนว่า:

     สั่งสมบุญบารมีให้มากหลาย

สามโลกหมายสงบสุขเหนือชั้น

ทุกคนชื่นสราญสมานฉันท์

พิภพสันติสุขชื่นชีวัน

เดรัจฉานเวียนเกิดทุกเหลือทน

สุดแต่คนจะตีน้ำตาริน

เกิดเป็นคนดีกว่าสุขชีวิน

ได้สวดมนต์อย่างอิสระเสรี

อรหันต์จี้กง :เปรียบเทียบชีวิตคนกับชีวิตสัตว์ พูดได้ว่าเหมือนฟ้ากับดิน ถึงแม้ว่าวิทยาการก้าวหน้า ความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้น สัตว์ได้รับการเอาใจใส่จากมนุษย์มากขึ้น เช่น สุนัขพันธุ์ต่างๆ ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้มีเงิน ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับคนบางคนแล้วดีกว่าหลายเท่า แต่ถ้าดูส่วนใหญ่สัตว์ก็ยังอยู่ต่ำกว่าคน ต้องถูกคนควบคุม การตายของคนยังมีมนุษยธรรม แต่การตายของสัตว์ส่วนมากถูกนำไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาบริโภค อันนี้คือจุดเหนือกว่าของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ ดันนั้นจึงหวังว่าชาวโลกจะรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ อย่าได้เดินสู่ความตกต่ำเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งได้รับโทษกรรม บางครั้งก็ต้องทำงานหนัก ถูกเฆี่ยนตีฆ่าฟันถึงแก่ชีวิต ผู้ที่ได้รับโทษกรรมเนื่องจากไม่ประพฤติตนเยี่ยงดุจสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ตั้งแต่แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” มานี้ ผู้ที่ได้อ่านก็ได้ลดการกระทำผิดลงคนบาปอ่านแล้วก็ตกใจกลัว ส่วนคนดีก็เพิ่มความระมัดระวังไม่ให้ก้าวลงไปทางชั่ว หนังสือนี้เตือนสติปลุกให้ตื่นจากภวังค์ชาวโลกอย่าได้เห็นหนังสือนี้กล่าวอย่างไร้สาระ

หยางเซิง :มีคนที่สงสัยเรื่องวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉานมิใช่เป็นคนแน่ จะพูดจาวิสาสะกับคนได้อย่างไร เขาคิดแต่เพียงว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นเพียงเนื้อที่เดินได้เท่านั้น จะมีวิญญาณได้อย่างไร อย่างเช่นพวกเราที่เที่ยวสัมภาษณ์สัตว์แต่งหนังสือนี้ก็คิดว่าเป็นเรื่องพูดเล่น

อรหันต์จี้กง :ชาวโลกรู้น้อยไปแล้ว ในสมัยโบราณมีกรง-เจี้ยบ ที่สามารถรู้ภาษานกได้ สามารถพูดคุยกับนกได้ นายจงจื่อฉี ฟังเสียงพิณของนายเป๋อหยา ก็เข้าใจความในใจของเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้หยั่งรู้เสียได้ ยังมีอีก นกกระยางของเทวดาทางทิศใต้สามารถเข้าใจภาษาเทวดาได้ เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงมังกร ท่านเทวดาเทียนสือทรงเสือ ท่านเง็เซียนฮ่องเต้ใต้เท้ามีเต่าและงูเป็นขุนพล ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ที่อยู้ด้วยกันกับเทพเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดี ถ้าหากสัตว์ไม่มีวิญญาณ พวกมันจะขึ้นสวรรค์อยู่กับเทวดาได้หรือ ดำรงชีพอยู่ด้วยกันได้ มีสัตว์หลายอย่างที่ได้รับการฝึกฝน ไม่เพียงแต่เข้าใจภาษาคนเท่านั้น ยังทำงานให้คนได้ สุนัขเฝ้าบ้าน ลิงแสดงละคร ลิงเก็บมะพร้าว สามารถพูดภาษาคนได้ หลักฐานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้รู้ว่าสัตว์ไม่มีร่างของคน แต่ก็มีวิญญาณเช่นกับคน แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง พวกมันต่างก็มีภาษาของมันเอง เพียงแต่คนธรรมดาสามัญฟังไม่เข้าใจมันเท่านั้นเองมดผงกหัวพูดจาก นกนั้นร้องเรียกเมื่อพบภัย พวกมันต่างก็เข้าใจกัน ทั้งคนและสัตว์โง่ไปคนละอย่าง มนุษย์ไม่เข้าใจภาษาสัตว์สัตว์ฟังคนพูดกันไม่เข้าใจ มันก็คงจะงงเหมือนกัน คิดว่าคนก็ดูเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้คนไม่ควรไปดูถูกพวกมัน เรื่องที่ฉันพานายหยางเซิงไปคุยกับพวกมันได้นั้น ก็เพราะฉันใช้คาถาพุทธมนต์ ทำให้พวกมันกับกลายเป็นวิญญาณเดิม จะได้พูดจากันรู้เรื่อง จะยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าคนอเมริกันพูดภาษาอังกฤษ จะไปพูดคุยกันได้อย่างไร? อันที่จริงแล้วสัตว์ที่มีวิญญาณ ถ้าได้รับการฝึกฝน ก็สามารถที่จะพูดภาษาต่างๆกันได้ เมื่อฉันใช้บารมีพุทธะ เป่าเสกวิญญาณของสัตว์เดรัจฉาน ก็พูดภาษาคนได้ ก็ดุจเดียวกับคนที่มีความเฉลียวฉลาด ก็สามารถพูดภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาอื่นๆ ได้ อีกอย่างเช่นคณะสะครสัตว์แต่ละประเทศ ก็มีครูฝึกสัตว์ แต่ละประเทศก็พูดภาษาของตนเอง พูดฝึกสัตว์ต่างๆ พวกสัตว์มันก็สามารถเรียนรู้เข้าใจ ซึ่งก็เป็นหลักฐานแสดงว่าสัตว์ย่อมมีวิญญาณ เพียงแต่ต้องเพิ่มความพยายามฝึกอบรมจนกว่าจะใช้งานได้ อย่างเช่นวิทยาการปัจจุบัน สามารถมีเครื่องมือตรวจสอบพายุ ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนใช่ไหม คนและสัตว์ก็มีมันสมองที่เหมือนกันและต่างกันการแผ่กระจายของคลื่นสมอง ถ้าได้รับการชักจูง คนและสัตว์ก็จะมีสิ่งที่เหมือนกัน คลื่นสมองก็เหมือนคลื่นไฟฟ้า บางครั้งความฉับไวของสัตว์ยังเหนือกว่าของมนุษย์นับพันเท่าเนื่องจากพุทธศาสนากล่าวว่า ชีวิตก็เป็นช่องทางที่เวียนตายเวียนเกิดช่องทางหนึ่งในบรรดาทั้งหลายหกช่องทาง หกช่องทางนี้ก็เกิดจากหนึ่งกลายเป็นหก หรือจะพูดว่าหนึ่งร่างหกหน้าก็ได้ ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ไม่สามารถจะติดต่อกันได้ละก็ การเวียนว่ายหกช่องทางนั้นก็เป็นไปไม่ได้ แล้วพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่บนสวรรค์ ณ แดนสุขาวดี พุทธเกษตรก็เป็นสิ่งหลอกลวงด้วย คำกล่าวของผู้บรรลุอรหันต์กล่าวว่า “สรรพสัตว์กับฉันนั้นไม่ต่างกัน” เป็นคำกล่าวที่ชัดเจนถึงสรรพสัตว์แห่งฟ้าดิน ถ้าหากไม่มีวิญญาณย่อมไม่มีสัตว์ ดังนั้นเมื่อมีวิญญาณก็ควรกระทำต่อด้วยความดี พวกสัตว์ก็ควรใช้ในทางที่ดีด้วย จานข้าวใบหนึ่งก็ใส่ข้าวได้จานหนึ่ง แว่นตาคู่หนึ่งก็สามารถส่องเห็นความชัดเจนได้ ล้วนเป็นการแสดงออกคุณสมบัติของมัน สิ่งของเหล่านี้ควรใช้สอยอย่างถนอมอยู่ดูแคลนทิ้งขว้าง สิ่งของเป็นเช่นนี้ วิญญาณต้องเป็นสิ่งต้องยอมรับ ปราชญ์จะมองสัตว์เหมือนมองคนจะเมตตากรุณาและรักใคร่ ในภาคใต้ของมณฑลนี้ มีคนจำนวนมากชอบจับนกสุขสวัสดิ์มาฆ่า นักอนุรักษ์สัตว์กับรัฐบาลพยายามขอร้องไม่ให้ฆ่าสัตว์ เพราะเพียงแต่กินเนื้อคำเดียวก็ต้องฆ่าหนึ่งชีวิต ราคาตัวหนึ่งก็แค่ 10 เหรียญ (56 บาท) ต่างอดเพียงเล็กน้อยนกก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ เอาแต่ใจตัวเพียงจับฆ่าเล่นไม่เพียงขาดความรักยังเป็นการทำลายธรรมชาติให้เสียไป เป็นการทำลายจิตใจมนุษย์ รัฐบาลที่ดีและประชาชนที่เอื้ออารีย์ต่อสัตว์ย่อมเป็นที่กล่าวขวัญถึงสวรรค์เดิมที่ให้กำเนิดที่ดี ถ้าหากมนุษย์ทั้งมวลยังมีจิตสวรรค์อยู่ แสดงถึงความเมตตากรุณาที่มีกล่าวในหนังสือนี้ ยิ่งเพิ่มพูนการขจรกระจายทางคุณงามความดี และมีมหาเมตตา และความรักอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ หากชาวบ้านมีไก่เล็กๆ ตัวหนึ่งได้หายไป ก็ได้แต่ติดตามเที่ยวหา แต่ทว่าไก่ของผู้อื่นหลงมาจับได้ละก็ รีบฆ่าแกงด้วยความเจ็บแค้น เวลาเธอฆ่าคนตีคนเธอไม่รู้สึกเสียใจ แต่พอถูกยุ่งกัดทีหนึ่ง ใจเธอก็รู้สึกไม่ยอม เอาใจเขาเปรียบใจเรา ใจเรานั้นดีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนั้นทำลายน้ำใจคนไปไม่มีเมตตา สัตว์ก็ย่อมมีวิญญาณที่ไม่แตกต่างไปจากเรา และก็เป็นเพื่อนของมวลมนุษย์ พวกมันสู้อุทิศชีวิตของมัน มาเลี้ยงดูชาวโลก ชาวโลกไม่บังควรหลงลืมบุญคุณอันนี้ หนังสือวงเวียนกรรมของสัตว์โลกเล่มนี้ แสดงถึงวิญญาณที่ไม่มีการดับสูญ มีการหมุนเวียนกลับมาเกิดใหม่ในโลกอีก ขอเตือนสติท่านๆ อย่าได้เหิมเกริมสร้างบาป ควรปฏิบัติตนเป็นคนที่มีความสง่าสมเป็นมนุษย์ จะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่ต้องยอมถูกฆ่าแกงใช้งาน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ความมุ่งหมายของหนังสือนี้ เป็นการประกาศเตือนชาวโลกให้ประกอบแต่คุณงามความดีอย่ากระทำตนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานกันเถอะ

หยางเซิง :อาจารย์สู้ทนพร่ำบ่นแสดงถึงหลักฐานความจริงเหล่านี้ ก็เพื่อให้ชาวโลกได้เชื่อถือกฎของเวียนตายเกิดนั้นเป็นความจริง สัตว์เดรัจฉานก็มีฟ้าดินของมันเช่นกัน หนังสือนี้ได้เปิดเผยความรู้เกี่ยวกับวงเวียนกรรมของสัตว์ หลักฐานที่แสดงนี้ย่อมสมเหตุผลยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง :หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ได้แล้ว เตรียมออกเดินทางต่อ

หยางเซิง :วันนี้จะไปที่ไหนดีล่ะ

อรหันต์จี้กง :เที่ยวต่างประเทศ

หยางเซิง :ไปประเทศไหนกันครับ?

อรหันต์จี้กง :เราไปประเทศนิวซีแลนด์ไปเยี่ยมชมแกะ

หยางเซิง :ถือโอกาสทองนี้ไปเที่ยวก็ดีไม่น้อย อากาศวันนี้ก็หนาวเย็นมาก ขนแกะนิวซีแลนด์มีชื่อเสียง จะนำเอาขนแกะมาทำเสื้อขนสัตว์ไดไหมนี่?

อรหันต์จี้กง :เธอนี่ฉลาดดี ออกเดินทางเถอะ......ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์

หยางเซิง :ที่นี่แกะเต็มไปหมด แต่ละตัวขนปุกปุย ขนก็ยาวมากผิดกับแกะที่บ้านไม่ทราบว่าทำไมมันจึงมีขนมากมายและยาวเช่นนี้

อรหันต์จี้กง :ขนแกะงอกอยู่บนตัวแกะ ที่นี่ก็มีหญ้ามากมายเหมาะสำหรับยังชีพแกะเหล่านี้ ขนแกะต้องปกป้องร่างกายให้อบอุ่น ดังนั้นขนแกะถึงต้องดูแลร่างกาย สิ่งนี้ก็เป็นงานสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์ด้วย

หยางเซิง :ฤดูหนาวใกล้มาแล้ว ผู้คนต้องพบกับความหนาวต้องสวมใส่เสื้อขนแกะให้อบอุ่น พวกมันรับใช้มนุษย์ชาติไม่น้อยทีเดียว ให้เสื้อแก่มวลมนุษย์ จะสามารถถามถึงความรู้สึกของมันเกี่ยวกับขนแกะไดไหม?

อรหันต์จี้กง :วันนี่มาถึงที่นี่ ก็เพราะจะมาสัมภาษณ์พวกมัน จะได้เข้าใจความเป็นมาของพวกมัน “เจ้าแกะ เจ้าแกะ” ขนปุกปุยทั้งตัว ดังใส่เสื้อขนสัตว์ รีบบอกความเป็นมา ฉันจะเสกคาถาให้จำความดังเดิม จะได้เล่าความเป็นมาของกรรมชาติก่อน เพื่อเตือนสติชาวโลก

หยางเซิง :ฝูงแกะเหล่านี้ ถูกอาจารย์เจิมเสก ถ้าได้สติผมจะสอบถามสักตัว ขอถามพี่แกะว่าพี่กลับชาติเกิดเป็นแกะมีความรูสึกอย่างไรบ้าง? (ฝูงแกะถูกอาจารย์เสกเป่า รู้สติทันใดสามารถเอ่ยปากพูดจาได้แล้ว)

แกะ ก : ชาติก่อนเมื่อผมเกิดเป็นคน ทุจริตต่อหน้าที่ เกิดพลาดพลั้งฆ่าคนตายขึ้น เลยกลับชาติเกิดเป็นแกะ

หยางเซิง :ทุจริตอย่างไร?

แกะ ก :ผมรับราชการ บังเอิญมีการก่อสร้างสะพาน อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ เพื่อยักยอกเงินทองร่วมมือกับผู้รับเหมา กินแรง กินปูน กินเหล็ก กินหินดินทราย กินงบประมาณไปถึงเศษหนึ่งส่วนสาม ตรวจรับงานเซ็นชื่อรับแล้ว ได้กำไรเป็นแสน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดอุทกภัยบังเอิญมีรถหลายคัน และคนเดินอยู่บนสะพาน เสาสะพานถูกน้ำชัดแรงจนพังลงไปผู้คนล้มตาย เลยได้รับโทษที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ดังนี้นชาตินี้จึงเกิดเป็นแกะขนเต็มตัวไปหมด พอขนยาวขึ้นก็ถูกตัดไปขายนำส่งออกนอกทำเป็นผ้าขนสัตว์ เสื้อขนสัตว์ ตลอดชีวิตได้แต่งอกขนเพื่อชาวโลก เป็นการชดใช้เวรชาติก่อน

หยางเซิง :ทุจริตขนหนึ่งเส้นก็ต้องชดใช้หนึ่งเส้น เธอทุจริตเป็นแสนไม่รู้ต้องชดใช้กี่ปีจึงหมด?

แกะ ก :ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตยืนยาวอยู่ได้เพราะขนยังงอกอยู่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมจะไปโทษใครเขาล่ะ?

หยางเซิง :มีใจรู้สำนึกผิดชดใช้กรรม เชื่อแน่ว่าหนี้สินที่มีอยู่คงสามารถชดใช้หมด

อรหันต์จี้กง :ชาติก่อนทำให้เขาต้องหนาวหลายคน ทำให้คนต้องกลายเป็นผีในน้ำ ชาตินี้ก็ให้ขนแก่ชาวโลกเพื่อกันความหนาว ให้ร่างกายอบอุ่นก็เกี่ยวกรรมที่ก่อไว้

หยางเซิง :ขอถามแกะอีกตัวหนึ่ง ทำไมถึงมาเกิดเป็นแกะ?

แกะ ข :ขอขอบคุณ ท่านอรหันต์และท่านผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือทำให้ฉันสว่างขึ้นเป็นกอง ชาติก่อนผมเป็นพ่อค้าขี้โกงมีอาชีพขายสัตว์ปลอม เอาผ้าธรรมดาหลอกชาวบ้านว่าเป็นผ้ามาจากต่างประเทศ หลอกลวงผู้คนบางคนหลงเชื่อว่าเป็นของดีมีราคาแพง เสียเงินซื้อของแพง ถูกหลอกลวงโดยไม่รู้แถมดีใจว่าได้ของดี ตลอดชีวิตหลอกขายแต่ผ้าเลวๆ กำไรเงินทองไม่น้อยแถมยังมีภรรยา 2 คน เสพสุขเหลือหลายตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยเชื่อ “กฎแห่งกรรม” แต่พอตายลง บนกระจกส่องบาป(อยู่ในขุมนรกสำหรับผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่ยอมรับสารภาพความผิดก็จะถูกนำไปที่จอกระจกส่องบาป ผู้ตายเห็นภาพกระทำบาปของตนเอง ไม่อาจโกหก ต่อไปอีก (หาอ่านได้ในหนังสือเที่ยวเมืองนรก)) ฉายภาพหลอกต้มออกมาตกตะลึงทันใจเกรงกลัวยิ่งนัก ได้รับเคราะห์กรรมหลายร้อยกระทง พอพ้นโทษก็เกิดเป็นแกะเมืองนอกขนบนตัวของฉันก็คือเสื้อผ้าของฉันกินหญ้าเลี้ยงบำรุงขนงอกเต็มตัว พอขนยาวก็ดูเหมือนเสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ถูกเขาถอดออกไป(ตัดขน) ทำเป็นผ้าขนสัตว์เพื่อให้ชาวโลกสวมใส่ มันเหมือนมีแต่ลากไถ แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยว เสื้อบนร่างกายใส่เพื่อช่วงสั้นๆ ก็ถูกเขาถอดเอาไปรู้สึกไม่พอใจ

อรหันต์จี้กง :ใจอย่าได้คิดแค้นเคือง เสื้อขนสัตว์ของเธอใส่ได้ไม่นาน เพราะว่ามีบุญน้อย ใครสอนให้เจ้าว่าหลอกขายผ้าเก๊เล่า ชีวิตนี้เลยต้องขายแต่ผ้าแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ขนบริสุทธิ์คืนให้ชาวโลกสวมใส่ อย่างนี้เป็นการชดใช้กรรมเวร

แกะ ข :ได้ฟังคำของท่านอรหันต์จี้กงแล้ว รู้สึกสำนึกผิดชาติก่อนแม้ร่ำรวยมหาศาลแต่เสวยสุขเพียงไม่กี่ปี ชาตินี้ร่อนเร่พเนจรอยู้ในท้องทุ่ง อุทศการขายเสื้อขนสัตว์ให้เข้าไม่ได้รับเงินสักสตางค์เดียว ต้องโทษตัวเองดีกว่า?

หยางเซิง :ขอถามแกะอีกตัว เธอทำไมเกิดเป็นแกะล่ะ?

แกะ ค :ผมชาติก่อนตั้งตัวเป็นนายทุนเถื่อน ออกเงินให้กู้ดอกเบี้ยสูง สำหรับคนร้อนเงินมีทุกข์มาหา ต้องการยืมเงินก็คิดดอกเบี้ยแพงๆ อาจพูดว่า “ดอกเลือด” ได้อาหารข้ามื้อเดียวก็ต้องถูกข้าทำลายหลอกเลือดให้ข้าสูบเลือดกิน เพราะคนทุกข์ร้อนมีความต้องการรีบด่วน ข้อสัญญาผูกมัดอะไรก็ยอมทำ ฉันก็เลยใช้โอกาสนี้กดขี่บังคับข่มขืนลูกเมียเขา ลูกหนี้ถูกข่มเหง ก็สู้จำทนเพื่อป้องกันภัย เงินทองถูกใช้ไปทางระเริงกาม ทำผิดทำนองคลองธรรม พอตายได้รับโทษหนักในเมืองนรก ภายหลังมาเกิดเป็นแกะจึงตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ลำบากเหลือหลาย ชาติก่อนร่ำรวยเดินเหินมีรถนั่งมีนารีงาม ตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่มี เป็นสัตว์เดรัจฉานสวมเขาห่มขนน่าอนาถเหลือหลาย

หยางเซิง :พวกให้กู้เงินคิดดอกเบี้ย มีบาปอย่างนี้หมดหรือ?

อรหันต์จี้กง :ไม่เหมือนกันหมดหรอก ธนาคารกู้เงินคิดดอกจะมีโทษอะไร? ให้เงินเขายืมช่วยพ้นทุกข์ไม่คิดดอกได้กุศลถ้าคิดดอกน้อยก็ไม่บาป เพราะช่วยคนเขาพ้นทุกข์มีชีวิตต่อไปได้ แต่ได้บุญเพียงครึ่งเดียวถ้ามีอาชีพออกเงินกู้คิดดอกสูงแถมยังก่อกรรมนับว่าไม่มีเมตตา อาศัยความทุกข์ร้อนของผู้อื่นทำบัดสีกับลูกเมียลูกหนี้ผิดทำนองคลองธรรม ก็เหมือนที่พูดไปเมื่อครู่มีคำกล่าว กล่าวว่า “ขนแกะก็งอกอยู่บนร่างแกะ” ข่มเหงเขาก็เหมือนข่มเหงตน เรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถเตือนสติชาวโลกได้ เป็นคนที่ดีย่อมได้รับผลดีตอบแทนแน่นอน ถ้าอยู่ในโลก ข่มเหง หลอกลวง ทุจริต ไม่เพียงแต่กฎหมายจะเล่นงานเท่านั้น สวรรค์ก็ลงโทษด้วย ถ้าไม่ประพฤติเป็นคนดีชาติหน้าสวรรค์ก็สามารถหาที่ๆ เหมาะสมที่เจ้าชอบทำให้ให้เจ้าทดลองรสชาติขมขื่นดู พวกเจ้าทั้งหมดได้สร้างความดีเป็นคติเตือนชาวโลกจะได้ถูกปลดปล่อย ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกแต่อย่าลืมต้องประพฤติเยี่ยงคน จะได้ไม่ต้องออกนอกลู่สู่วิถีสัตว์อีก หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์กลับสำนัก

หยางเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนักเถิด

อรหันต์จี้กง :ถึงสำนัก แล้ว ลงจากปทุมทิพย์ วิญญาณกลับเข้าร่าง

More Posts