11.จึงถามพระอาจารย์ว่าที่นี่คือที่ไหน

2024-10-13 07:45:57 - mindcyber

    จึงถามพระอาจารย์ว่าที่นี่คือที่ไหน

     ศิษย์มองไม่เห็นอะไรเลย

      พระอาจารย์:  เอ้า ! เจ้ามีแต่ตาเนื้อนี่ (ตาทางโลก) 

      พระอาจารย์ใช้พัด พัดตาของผู้น้อยครั้งหนึ่ง ผู้น้อยจึงมองเห็น เมื่อสักครู่ ห้องนั้นจัดที่กราบพระไว้มากมาย แต่ที่นี่ไม่มีเบาะกราบ ทุกคนล้วนคุกเข่าอยู่กับพื้น แม้แต่พื้นก็เป็นสีดำ "ห้องบำเพ็ญเคี่ยวกรรม"  นั้น พื้นห้องเป็นสีเหลือง

      แปลกมาก พอพวกเราเข้าไปสักครู่หนึ่ง คนเหล่านั้นก็หันหน้ามายังพวกเรา ผู้น้อยเฝ้ามองดู ในกลุ่มคนมากมายเหล่านั้น มีคนที่ผู้น้อยรู้จักบ้างไหม หากมี ผู้น้อยก็จะถามเขาว่า

       "เธอทำไมมาคุกเข่าอยู่ที่นี่"  

     แต่ก็ไม่มีคนที่รู้จักเลย

      หลินถันจู่: พระอาจารย์ ที่นี่เป็นที่ไหน

      พระอาจารย์:  ที่นี่คือ คุกสวรรค์ 

      หลินถันจู่:  คนเหล่านี้เป็นอย่างไร

      พระอาจารย์: เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ได้รับวิถีธรรม เริ่มรับวิถีธรรมใหม่ๆ ยังมีความชอบความสนุกอยู่ ต่อมาก็ถอยออกจากการบำเพ็ญธรรม หลังจากท้อถอยในการบำเพ็ญธรรมแล้ว ยังกล่าวร้ายต่อธรรมะด้วย

       "ไม่ต้องไปสถานธรรมหรอกไหว้พระก็เท่านั้นเอง

ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย"  

     หากผู้เป็นสามีจะไปภรรยาขัดขวาง หากผู้เป็นภรรยาจะไปสามีก็ขัดขวาง แต่ยังดีที่บุคคลเหล่านี้ไม่ได้ไปเข้าศาสตร์นอกรีตหลังจากตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังมีโอกาสได้ ไปรายงานตัวที่สวรรค์ ไม่ต้องไปลงนรก หากบุคคลเหล่านี้ไปเข้าศาสตร์นอกรีต ก็จะต้องลงนรก และต้องถูกลงทัณฑ์ แต่ยังดีที่ไม่ไปนับถือศาสตร์นอกรีต ชื่อที่อยู่บนทะเบียนฟ้า จึงไม่ได้ลบออกเมื่อชื่อยังอยู่เพราะฉะนั้น จึงมารายงานตัวที่นี่ มาคุกเข่าที่นี่มาสำนึกขมาผิดที่นี่ และไม่ถูกโบยตี เมื่อสำนึกขมาผิดจนภายในใจไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ จึงสามารถเข้าไปห้องบำเพ็ญเคี่ยวกรรมบำเพ็ญ

     เมื่อบำเพ็ญเสร็จ จึงสามารถออกไปได้ เรื่องนี้ต้องเอาไปเล่าให้ทุกคนฟัง

อย่าให้ผู้ท้อธรรมต้องสร้างกรรมปากอีก เวลาที่เขาจะพูด พยายามเตือนเขาอย่า ได้สร้างวจีกรรม

กล่าวร้ายธรรมยังต้องบอกเขาว่า

 

 

       "ธรรมะจุติลง เมื่อถึงกาลเวลา ถึงวาระ ขอให้อย่ากล่าวร้ายต่อธรรม บุคคลประเภทนี้ต้องรีบ ช่วยเหลือให้เขาได้กลับตัวกลับใจ "  

 

      คุกสวรรค์มีอยู่ 3 ที่: 

     ที่แห่งแรกคือลงโทษ ผู้ที่ไม่ค่อยจะบำเพ็ญไม่ค่อยรักษาพุทธระเบียบ เพราะโทษยังเบา จึงลงโทษเพียงให้คุกเข่าสำนึกขอขมาบาป

     แห่งที่สอง คือที่จำจองของเหล่าพุทธบริกร อาจารย์บรรยายประธานสถานธรรม แม้ฟังธรรมะมามาก แต่ก็ทำบาปทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด จึงถูกขังอยู่ในคุกนี้

     แห่งที่สาม คือ ที่จำจองเฉียนเหยิน (อาวุโส) อาจารย์ถ่ายทอดธรรม ที่ดำเนินงาน ขาดความระมัดระวัง นำพาเวไนยไปทางที่ผิด จึงถูกขังให้สำนึกความผิดอยู่ในที่นี่ศิษย์เอ๋ยไม่มีเวลาแล้ว ต้องไปกันแล้ว

      หลินถันจู่ : ครับ ?  

      พระอาจารย์: เวลานี้ เจ้าจะอยู่ที่เทียนเต้าถัน หรือจะกลับไปบ้าน" 

      หลินถันจู่ : พระอาจารย์ หากว่าบำเพ็ญสำเร็จได้จริงศิษย์ก็จะอยู่ที่เทียนเต้าถัน

      พระอาจารย์: "ดี"  อดีตเจ้าเคยบำเพ็ญ มาก่อนจึงมีความโชคดี วันนี้จึงสามารถอยู่สถานธรรม

      หลินถันจู่ :  อยู่สถานธรรมบำเพ็ญได้ อยู่บ้านก็บำเพ็ญได้

     พระอาจารย์: ไม่เหมือนกัน คือหากว่าเจ้าอยู่สถานธรรมตื่นขึ้นมาตอนเช้า เจ้าก็ทำงานพุทธะได้บรรลุปณิธาน อยู่ที่บ้านทำงานส่วนตัวบำเพ็ญ ตัวเอง เท่านั้น

      หลินถันจู่:  มีคนมากมายเพื่ออาหาร 3 มื้อ เพื่อทำงานหาเงิน ไม่มีโอกาสอยู่สถานธรรม

แล้วจะทำอย่างไร? ตอนนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดี ทุกคนต้องทำงานหาเงิน จะทำอย่างไร? พวกเขาไม่มีโอกาสบรรลุปณิธานหรือ

      พระอาจารย์: "มี"  

      หลินถันจู่ :  แล้วจะบรรลุปณิธานอย่างไรล่ะ

     พระอาจารย์ เหมือนกับคนท้อถอย ถ้าเราพูดให้เขากลับมา ก็คือบุญกุศลใหญ่ ยังมีกลุ่มที่ไหว้พระไม่เป็น อย่างที่เอาแต่ตีลังกา และพวกที่อยู่ในห้องมืด บุคคลประเภทนี้ให้รีบส่งเสริมเขากลับมาได้คนหนึ่งก็คือบุญใหญ่หนึ่งบุญ ผู้ที่ไม่ได้รับธรรมะก็มีมากมาย ให้รีบชักชวนเข้ามารับธรรมะ รับธรรมะหนึ่งคนก็เป็น บุญูกุศลใหญ่ ยังมีบุญกุศลเล็ก อยู่ที่เจ้าจะทำไม่ทำ

     ยกตัวอย่างเวลาเจ้าไปทำงาน เจ้าต้องพูดดี ทำดีก็เป็นบุญเล็ก ขับรถยนต์ หรือถีบจักรยานไปมองเห็นบนถนน มีก้อนหินก็เก็บไปทิ้งไว้ข้างทางก็เป็นบุญเล็ก ฤดูฝน หากในคูน้ำมีขยะหรือสิ่งสกปรกอะไรอุดอยู่ เราไปเขี่ยออก หรือเอาทิ้ง ก็เป็นบุญเล็ก ทางน้ำไหลถูกสิ่งของอุดตัน เรารีบเอาออกเป็นการสร้างบุญใหญ่ หากเจอซากงู ซากหนู หรือซากสุนัข เรารีบเก็บฝังหรือกลบดิน การเก็บฝังซากเวไนยก็เป็นการสร้างบุญใหญ่อย่างหนึ่ง

     หากผู้ใดมีความลำบากคับขัน เรารีบยื่นมือเข้าช่วย นี่ก็เป็นการสร้างบุญใหญ่ จะไม่มีบุญกุศลได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ด้วย แล้วจะไม่มีบุญได้อย่างไร? 

More Posts