4.คืนนั้นผู้น้อยไม่กินข้าว

2024-10-13 07:39:01 - mindcyber

    ผู้น้อยจึงขึ้นไปพักในห้องชั้น 3 ได้หยิบหนังสือพระโอวาทสิบบัญญัติของพระองค์ธรรมมารดาขึ้นไปด้วย อ่านไปจนถึง4 ทุ่มกว่า ฝนตกอากาศหนาวมาก จึงคิดว่าควรนอนได้แล้วแต่แปลกมาก ขณะที่ยังไม่นอนก็ไม่เป็นอะไร แต่พอเอนตัวลงนอน ก็รู้สึกปวดท้องอย่างกะทันหันต้องวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีเป็นอยู่เช่นนี้ถึง 2-3 ครั้ง

     ผู้น้อยก็คิดว่าอาหารที่กินเมื่อกลางวัน ทำไมจึงมาเป็นพิษเอาตอนนี้ กลางคืนก็ไม่ได้กิน แปลกจริง วิ่งเข้าห้องน้ำจนถึงเที่ยงคืนก็คิดว่าสมควรที่จะนอนได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้ 05.00 น. ต้องลุกขึ้นมาไหว้พระ เพราะปกติผู้น้อยจะลุกขึ้นไหว้พระเวลา 05.00 น

     ผู้น้อยนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ถึงแม้นอนไม่หลับ แต่ก็ต้องปิดตาลง หลับตาไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียก

       "ลูกศิษย์ที่ดี"  

     ผู้น้อยได้ยินคำว่าลูกศิษย์ที่ดี เเต่คิดว่าคงไม่ใช่เรียกเราหรอก เพราะผู้น้อยเป็นศิษย์ที่ไม่ดี มีผิดบาปมาก จะเป็นลูกศิษย์ที่ดีได้อย่างไร คงไม่ใช่เรียกผู้น้อยแน่ ผู้น้อยก็ไม่ตอบ

     พอผ่านไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่ออีก หลินชางคู่!  เพราะเรียกชื่อผู้น้อย ผู้น้อยจึงขานตอบทันที  "ครับ"  พร้อมกับชูมือขึ้นด้วยความยินดี และได้ยินเสียงเรียกว่า  "ลุกขึ้นเถิด!" ผู้น้อยก็ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้อง เปิดประตูออกไปดูข้างนอกฝนยังตกหนักมาก ที่ระเบียงชั้น 3 มีไฟส่องให้เห็นข้างนอกได้ผู้น้อยเห็นคนคนหนึ่ง ยืนตากฝนอยู่ข้างนอก ในใจคิดว่าคนๆนี้คงสูงมาก ขาก็คงยาว สามารถยืนจากชั้นหนึ่งขึ้นมาถึงชั้น 3ได้ แต่พอออกไปดูใกล้ๆ ที่ระเบียง

      ไม่ไช่นี่! นั่นยืนอยู่กลางอากาศ 

     แล้วเรียก ศิษย์เอ๋ย! ผู้ที่เรียกลูกศิษย์ก็คงเป็นพระอาจารย์แต่พระอาจารย์ท่านนี้ ผู้น้อยไม่เคยเห็น หากเป็นพระอาจารย์จี้กงผู้น้อยรู้จัก เวลาประทับญาณจะถือพัดผู้น้อยเคยเห็นแต่พระอาจารย์ท่านนี้ไม่เคยเห็น คงจะเป็นพระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน

      (เมื่อผู้น้อยไปถึงพุทธาลัยจึงได้รู้ว่าท่าน คือพระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานจริงๆ) 

     พระอาจารย์: ศิษย์เอ๋ย ! คืนนี้พระอาจารย์ จะพาเจ้าไปท่องสวรรค์ เจ้าจะไปไหม? 

     หลินถันจ่: "ไป! ไป! ผู้น้อยจะไป"(ตื่นเต้นดีใจ จนลืมกราบรับเสด็จ น่าละอายจริงๆ) 

     พระอาจารย์: "ถ้าจะไป รีบตามมา" ผู้น้อยคิด "คืนนี้ฝนตกหนักอากาศก็เย็นต้องไปเตรียม

เสื้อนอก " 

      (เวลานั้นผู้น้อยใส่แต่กางเกงใน เสื้อกล้าม) เมื่อวิ่งออกมาดูก็ตอบตกลงว่าผู้น้อยจะไป จึงกลับเข้าไปข้างในสวมกางเกงขายาว สวมเสื้อนอก พอออกมาข้างนอกก็คิดว่าฝนตกหนักอย่างนี้ ต้องสวมเสื้อกันฝนอีกตัว หากไม่สวมเสื้อกันฝนออกไป ต้องเปียกแน่นอน แต่พอมองออกไปข้างนอกอีกที เห็นพระอาจารย์ยืนอยู่ ไม่ได้สวมเสื้อกันฝน เราเป็นลูกศิษย์ทำไมต้องสวมด้วยไม่ จำเป็น แล้ว

     พระอาจารย์ยังยอมตากฝน

      เราเป็นศิษย์ทำไมจึงยอมไม่ได้

     เอาเถอะ! จะเปียกก็เปียกด้วยกัน

      พระอาจารย์:  "ศิษย์เอ๋ยถ้าจะ ไป ก็ ให้ตามมา " 

      พระอาจารย์ยืนอยู่ข้างนอกเรียกให้ผู้น้อยออกไป

     พอผู้น้อยเดินมาถึงระเบียง มองออกไปก็ยืนลังเลไม่กล้ากระโดด คิดว่าสูงอย่างนี้อยู่ถึงชั้นสาม หากกระโดดลงไปต้องตายแน่ๆ

      พระอาจารย์: "รีบมาเร็ว!"  

     เวลานั้นผู้น้อยทำใจกล้า กระโดดลงไป คิดว่าถึงตายก็ไม่เป็นไร ดังนั้นจึงได้พุ่งตัวออกไป เมื่อพุ่งออกไปกลับยืนอยู่กลางอากาาศ

      ผู้น้อยดีใจมาก หมุนไปหนึ่งรอบ นึกว่าเราก็เหาะได้ด้วยหรือ

ได้ยืนอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง ฝนตกใส่เสื้อผ้า แต่ผู้น้อยเอามือ ค่ำดูเสื้อผ้าไม่เปียกเลย

แปลกประหลาดมาก การที่ผู้น้อยเหาะได้ แต่จะไม่เหมือนกับนกบิน ผ่านไป 2-3 นาที

 

 

     ผู้น้อยคิดว่า แย่แล้ว? !  

     พระอาจารย์เหาะไปเร็วจัง

      ผู้น้อยตามไม่ทัน เมื่อไม่เห็นเงาใคร ผู้น้อยรู้สึกกลัวกลัวว่าพระอาจารย์จะไปอีกทาง ผู้น้อยไปอีกทาง พระอาจารย์จะไปทางเเดนตะวันตก ผู้น้อยกลับไปทางแดนตะวันออก ทิศทางต่างกันนิดเดียว แต่ห่างกันมาก

     ผู้น้อยคิดว่าต้องจับทิศทางให้ถูกต้อง เมื่อไล่ไม่ทันพระอาจารย์ ผู้น้อยกลัวมาก จึงตะโกนเรียกออกมาเสียงดัง

       "พระอาจารย์ รอด้วย! ศิษย์ตามไม่ทันแล้ว"  

     เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ เห็นเงาของพระอาจารย์ ผู้น้อย

     รีบเร่งฝีเท้า พระอาจารย์ ก็ผ่อนช้าลงให้ผู้น้อยได้ไล่ตามทัน

     พระอาจารย์สวมชุดต้าวผาว สวมหมวกกลม เหมือนกับข้าราชการใน สมัยราชวงศ์ชิง ผู้น้อยไล่มาถึงหลังพระอาจารย์ก็จับเสื้อผ้าพระอาจารย์ไว้ พระอาจารย์ไปได้เร็วแค่ไหน ลูกศิษย์ก็ไปได้เร็วเหมือนพระอาจารย์

     พอเหาะไป ถึงข้างต้นไม่มีฝนแล้ว

     ผู้น้อยคิดว่าคงเหาะสูงมากเลย

      เพราะเวลาที่เรานั่งเครื่องบิน ข้างล่างฝนตกแต่สูงขึ้นไปบนเมฆกลับไม่มีฝน บนนี้คงสูงมากรู้สึกว่าจะสว่างกว่า ไม่เหมือนกับข้างล่างที่ฝนตกและมืดๆ เหาะไปอีกประมาณ 10กว่านาที พระอาจารย์ก็พูดว่า

        "ศิษย์เอ๋ย ใกล้ถึงแล้วพวกเราเตรียมตัวลงได้"  

     พระอาจารย์กลัวผู้น้อยจะตก มือหนึ่งถือพัด อีกมือหนึ่งจูงมือของผู้น้อย ขณะนั้นผู้น้อยถูกพระอาจารย์จูงมือ สภาพจิตใจช่วงนั้นรู้สึกอบอุ่นมาก มีความสุขจริงๆ มีความสำนึกคุณไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ไม่เพียงแค่นี้ พระอาจารย์ยังเพิ่มพลังให้กับผู้น้อย สัมผัสได้ว่ามีความร้อนค่อยๆ เริ่มจากปลายนิ้วจนกระทั่งทั่วตัว ผู้น้อยถามว่าพระอาจารย์ถ่ายพลังให้กับผู้น้อยใช่มั๊ย? 

      พระอาจารย์:  จะได้เพิ่มพลังจิตให้เจ้า

     เมื่อได้เพิ่มพลังจิตแล้ว ทำให้เจ้าจำได้ทุกอย่างจำได้ไม่ลืม และโรคภัยต่างๆ ที่อยู่ในตัวผู้น้อยก็ได้ถูกขับออกไปด้วยผู้น้อยจึงได้แข็งแรงอย่างนี้

      ค่อยๆ เหาะลงมา มองเห็นเส้นทางสายหนึ่ง ที่เป็นทองคำแวววับอยู่ไกลๆ กว้างมาก พระอาจารย์พูดว่าใกล้ถึงแล้วพวกเราลงได้ 

More Posts