หลงซันกง
2023-11-18 09:16:55 - mindcyber
หวังฮว๋า หรือที่ได้รับสมญานามในภายหลังว่า "หลงซันกง" (หลงซันกง แปลว่า ก๋งแห่งเขามังกร) เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดปราชญ์หวังหยังหมิง ผู้สูงส่งราชวงศ์หมิง หลงซันกงหรือหวังฮว๋า เป็นผู้มีคุณธรรมมาตั้งแต่เด็กนับว่ามีพื้นเดิมของจิตใจที่ดีงามมาตั้งแต่กำเนิดทีเดียว วันหนึ่งในปีที่ท่านอายุได้หกขวบ ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ก็แลเห็นคนเมาคนหนึ่งเดินสะเปะสะปะมาล้างเท้าที่ริมคลอง เมื่อเดินไปได้ลืมของสิ่งหนึ่งไว้ เด็กชายหวังฮว๋าจึงเดินเลี่ยงออกจากกลุ่มเพื่อนไปดู ก็เห็นว่าเป็นถุงผ้าลองหิ้วดูก็รู้สึกหนักมาก แต่ไม่กล้าเปิดออกดู คิดว่าในถุงนั้นคงเป็นของมีค่าแน่ๆ เพื่อนๆ กลุ่มนั้นก็ซนมาก ถ้าเห็นถุงใบนี้เข้าก็คงจะแย่งกันเล่น แย่งกันเป็นเจ้าของ เมื่อชายคนเมากลับมาหาถุงของเขาแล้วไม่ได้คืนจะเป็นอย่างไรเด็กชายเล็กๆ อายุเพียงหกขวบรู้จักไตร่ตรองรักษาผลประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้อื่นเช่นนี้ไม่มากนัก
ขณะที่ยืนลังเลอยู่นั่นเอง เพื่อนเด็กๆ กลุ่มนั้นเห็นหวังฮว๋าหิ้วอะไรอยู่ในมือ ก็พากันวิ่งมาแต่ไกล พร้อมกับตะโกนถามว่า "นั่นอะไร นั่นอะไร" ด้วยดังปฏิภาณอันเฉียบแหลม หวังฮว๋าโยนถุงผ้าใบนั้นลงไปในคลองทันทีก่อนที่เพื่อนๆ จะวิ่งมาถึงตัว "โยนอะไรทิ้งล่ะ" เพื่อนๆ พากันถาม
"โยนก้อนหิน" เด็กชายหวังฮว๋าตอบ พร้อมกับทำอาการเหมือนปวดท้อง และบอกเพื่อนๆ ว่าให้กลับบ้านไปก่อนส่วนตัวเองจะนั่งพักตรงนี้สักครู่ หวังฮว๋านั่งรออยู่พักเดียว ชายคนเมาก็วิ่งหน้าตื่นกลับมา ท่าทางของเขาสร่างเมาแล้ว หวังฮว๋ารีบถามเขาทันทีตามประสาเด็กว่า "ลุงกลับมาหาถุงผ้าใช่ไหม" ชายคนนั้นยิ้มออกมาได้ เขาระล่ำระลักถามทันทีว่า "หนูเห็นไหม มันอยู่ที่ไหน"
"หนูกลัวใครจะเอาไปเสียก่อน จึงโยนมันลงไปซ่อนไว้ ในน้ำตรงนั้นแน่ะ ลุงลงไปเอาเองซิ"
ชายคนนั้นลงไปงมถุงผ้าของเขาขึ้นมาได้ แล้วก็เปิดถุงนับดูก้อนทองที่อยู่ข้างใน จำนวนทั้งหมดยังอยู่ครบถ้วนไม่ขาดหายแม้แต่ก้อนเดียว เขารู้สึกดีใจและเห็นว่าเด็กคนนี้น่าชื่นชมดีแท้ จึงหยิบก้อนทองเล็กก้อนหนึ่งส่งให้ พร้อมกับพูดว่า "ทองก้อนนี้ให้หนูเอาไว้ซื้อขนมกิน"
เด็กชายหวังฮว๋าตอบทันทีว่า "บ้านหนูมีขนมกินแล้ว" พูดจบก็วิ่งตื๋อกลับบ้าน เรื่องราวความดีของเด็กชายหวังฮว๋า ยังมีอีกมากมายเกินกว่าเล่าขาน ซึ่งความดีทั้งหลายนี่เองมีส่วนส่งผลให้เขาได้แต่งงานกับ เจิ้งเทียนเหยิน กุลสตรีผู้สูงศักดิ์ในสมัยนั้น เจิ้งเทียนเหยินตั้งครรภ์สิบสี่เดือน จึงได้ให้กำเนิดหวังหยงหมิง ปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์หมิง ในสมัยนั้น ยังมีเศรษฐีคนหนึ่ง ได้ทราบกิตติศัพท์คุณธรรมความรู้ของหวังฮว๋า ซึ่งภายหลังทุกคนต่างยกย่องเรียกท่านว่า หลงซันกง เศรษฐีจึงเรียนเชิญท่านให้เป็นอาจารย์ประจำตระกูลและท้องถิ่น ยกย่องเชิดชูจัดที่อยู่ให้อย่างหรูหรา
ตอนดึกคืนวันหนึ่ง ขณะทีท่านหลงซันกงกำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักที่บ้านของเศรษฐี ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น พอเปิดประตู ท่านหลงซันกงก็ต้องตกตะลึง เพราะผู้ที่มาเคาะประตูเรียกนั้น คือหญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงาม อนุภรรยาคนหนึ่งของเศรษฐีนั่นเอง นางอยู่ในชุดนอนบางเบา ท่านหลงซันกงก้มหน้าเดินถอยห่างออกมา พร้อมกับถามว่า "ท่านมีธุระด่วนอะไรหรือ"
หญิงสาวตอบว่า "ท่านหลงซันกง ท่านอย่าได้ตกใจไปเลย ข้าพเจ้ามาหาท่านกลางดึกเช่นนี้ ก็ด้วยคำสั่งของท่านเศรษฐี มิได้มาด้วยเจตนาของข้าพเจ้าเอง ท่านเศรษฐีรู้ตัวว่าสูงอายุแล้ว และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุลเลย เห็นว่าท่านเป็นคนดีมีปัญญาปราดเปรื่อง จึงส่งข้าพเจ้ามาขอพันธ์จากท่านในคืนนี้ "
ท่านหลงซันกงได้ฟังดังนั้นแทนที่จะยินดีรับไว้เหมือนผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาสทั่วไป ท่านกลับยิ่งตกใจถอยห่างออกไปอีกหลายก้าว พร้อมกับปฏิเสธอย่างจริงจังว่า
"ข้าพเจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาด ท่านเศรษฐีเป็นผู้มีพระคุณต่อข้าพเจ้า อีกทั้งข้าพเจ้าก็เป็นครูบาอาจารย์อยู่ที่นี่"
หญิงสาวยังไม่ละความพยายามจากการที่ได้รับคำสั่ง นางล้วงพัดเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ส่งให้ท่านหลงซันกงบอกว่า ความประสงค์ของท่านเศรษฐีแจ้งไว้ในพัดเล่มนี้ หลงซันกงคลี่พัดออก ก็เห็นลายมือของท่านเศรษฐีเขียนข้อความไว้ชัดเจนว่า "ใคร่อาศัยขอพันธ์ไว้ ในมนุษย์" หลงซันกง รู้แน่ว่าเป็นเจตนาของท่านเศรษฐีไม่ผิดแต่ก็ยังไม่ยอมรับ ท่านกลับหยิบพู่กันต่อกลอนลงไปข้างท้ายในพัดว่า
"เราแสนสุด เกรงเทพไท ในสวรรค์" เสร็จแล้วก็หุบพัดคืนให้หญิงสาวและขอร้องให้เธอนำกลับไปให้ท่านเศรษฐีทันที หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปได้ไม่นาน ก็ถึงกำหนดที่ทางเมืองหลวงจัดให้มีการสอบแข่งขันชิงตำแหน่งจอหงวนท่านหลงซันกงก็เดินทางไปสอบแข่งขัน ส่วนทางฝ่ายท่านเศรษฐีก็ร้อนใจ ใคร่ที่จะได้บุตรชายไว้สืบสกุลยิ่งนัก
วันหนึ่งจึงได้เชิญอาจารย์ที่ได้ฌานแก่กล้าท่านหนึ่ง มาทำพิธีตั้งศาลบวงสรวงขอบุตรจากเทพยดาฟ้าดิน พระอาจารย์เข้าฌานเหมือนหลับอยู่เบื้องหน้าแท่นบูชา พระอาจารย์เข้าฌานอยู่นานจนกระทั่งค่ำ จึงถอนสมาธิลืมตาขึ้น เศรษฐีรีบถามว่า "เหตุใด ท่านอาจารย์จึงได้เข้าฌานหลับไปนานเช่นนี้"
พระอาจารย์ตอบว่า "เมื่อสักครู่ที่อาตมาเข้าฌานไปนั้น จิตญาณของอาตมาได้นำเอาใบคำขอบุตรของท่านขึ้นไปถวายยังเบื้องบน เมื่อขึ้นไปถึงประตูทักษิณ แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปเพราะบังเอิญมีขบวนแห่ฉลองจอหงวน(บัณฑิตหลวง) คนใหม่ผ่านมาอาตมาคอยอยู่นานกว่าจะนำใบคำขอผ่านประตูทักษิณเข้าไปได้ จึงต้องเสียเวลาอยู่นาน"
เศรษฐีรีบถามอาจารย์ทันทีว่า "ขบวนแห่ป้ายชื่อจอหงวนใหม่นั้น พระอาจารย์ได้เห็นหรือไม่ว่า ท่านผู้นั้นเป็นใคร ชื่ออะไร"
พระอาจารย์ส่ายหน้าด้วยความฉงนฉงาย แล้วตอบว่า "แปลก ที่ไม่มีชื่อแซ่ของจอหงวนคนใหม่บนธงนำขบวนมีแต่กลอนสองบาทเขียนไว้บนธงคู่นำขบวนอยู่ข้างหน้าว่า "ใคร่อาศัยขอพันธ์ไว้ ในมนุษย์ เราแสนสุด เกรงเทพไท ในสวรรค์"
เศรษฐีได้ฟังก็นิ่งอึ้ง ทั้งตื่นเต้นทั้งประหลาดใจทั้งยินดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีบุคคลที่สี่ร่วงรู้ความลับเกี่ยวกับพัดและคำกลอนในพัดที่เศรษฐีเขียนไปขอพันธ์จากท่านหลงซันกงเลย แต่เบื้องบนทรงทราบได้อย่างไร เบื้องบนได้เฉลิมฉลองจอหงวนใหม่ ก่อนที่คนเบื้องล่างจะรู้ว่าใครเป็นใคร
ไม่ช้านานต่อมาทางเมืองหลวงก็ประกาศผลสอบ ปรากฏว่าจอหงวนใหม่คือท่านหลงซันกงผู้ต่อกลอนว่า "เราแสนสุด เกรงเทพไท ในสวรรค์" หลงซันกงผู้มีมโนธรรม ประกอบกรรมดีทั้งในที่ลับและที่แจ้ง สมควรแล้วที่ท่านจะได้รับการชื่นชมจากเบื้องบนเช่นนี้