เทพไคหยวน
2022-07-30 04:23:59 - mindcyber
ข้าพเจ้าชื่อ หวังเต๋อเซิ่ง ฉายาฉงหยัง แต่ก่อนข้าพเจ้าเคยผ่านการสอบวิทยายุทธ์ที่เมืองหลวง ทุกคนจึงเรียกข้าพเจ้าว่า จอมยุทธ์หวัง คนในหมู่บ้านใกล้เคียงต่างนับถือข้าพเจ้ามาก
วันหนึ่งในฤดูหนาว ขณะหิมะตกหนักมีขอทานสองคนมาที่หน้าบ้าน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงขอทานจึงออกไปดู ขอทานสองคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าอย่างบาง ข้าพเจ้าเกิดความสงสารจึงเชิญให้เข้ามาในบ้านและจัดให้พักอาศัยอยู่ในเรือนท้ายสุด หิมะตกติดต่อกันหลายวัน ข้าพเจ้าสั่งคนใช้ให้บริการข้าวปลาอาหารแก่เขาทั้งสองทุกวัน ในเช้าวันที่หกข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่าหลายวันแล้วที่ไม่ได้พบกับขอทานทั้งสอง จึงสั่งคนใช้ให้จัดเตรียมสุราอาหาร แล้วเชิญขอทานทั้งสองมารับประทานอาหารด้วยกัน ระหว่างรับประทานอาหารได้ถามชื่อขอทานทั้งสองคนหนึ่งตอบว่าชื่อ จินจุ้ง อีกคนหนึ่งตอบว่าชื่อ อู๋ซินชาง ข้าพเจ้ากล่าวว่า “หากท่านทั้งสองจะไปทำการค้า เราจะออกทุนให้เอาไหม?” คนทั้งสองบอกว่า “เราทั้งสองเที่ยวเตร่ขี้เกียจจนเคยชินแล้ว” พวกเขากล่าวปฏิเสธและพูดให้ข้อคิดว่า แม้ร่ำรวยหรือยศศักดิ์สูงส่ง พอสิ้นลมปราณทุกอย่างก็จบ ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายไปได้ ที่สำคัญอยู่ที่การรู้แจ้งและสำเร็จเซียน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด การสนทนาระหว่างรับประทานอาหาร ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ขอทานสองคนนี้ผิดจากคนธรรมดา ต่อมาได้ไปส่งเขาทั้งสองที่สะพาน คืนนั้นข้าพเจ้าฝันว่าได้ไปเที่ยวชมวิวกับขอทานสองคนนี้ พบสระน้ำแห่งหนึ่งมีดอกบัวบาน สีสวยสดเจ็ดดอก คนที่ชื่อจินจุ้งได้กระโดดลงไปในสระเด็ด ดอกบัวทั้งเจ็ดดอกมามอบให้ข้าพเจ้า ทันใดรู้สึกเหมือนตกลงไปข้างล่างเลยสะดุ้งตื่น เมื่อนึกถึงความฝันก็คิดขึ้นได้ว่า คำว่า จินจุ้ง สองคำนี้เมื่อนำมารวมกันจะอ่านว่า จุง คงหมายถึงเซียนจุงหลีฉวน และอู๋ซินชาง แปลว่า ลื่อ คงหมายถึงเซียนลื่อต้งปิง (สองในแปดเซียน) ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนว่า ท่านเซียนทั้งสองคงมาชี้แนะอะไรบางอย่าง จึงไปที่สะพานโดยลำพัง เพื่อค้นหาความจริงแห่งปริศนาในความฝันซึ่งก็ได้พบกับขอทานทั้งสอง ข้าพเจ้าคุกเข่าคารวะเรียกเซียนทั้งสองว่าอาจารย์ เป็นไปตามคาดเป็นเซียนจุงหลีฉวนและลื่อต้งปิงจริง ๆ โดยขอทานทั้งสองได้ปรากฏร่างในชุดเครื่องทรงของเซียนอีกครั้ง และแนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญธรรม และกล่าวอีกว่า เจ้าของดอกบัวทั้งเจ็ดดอกก็คือข้าพเจ้า เมื่อกลับถึงบ้านก็เข้าไปในห้อง หนังสือจดบันทึกมรรควิธีที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ตอนนั้นภรรยาข้าพเจ้ายังไม่ทราบจุดประสงค์ของข้าพเจ้า โดยมักจะเข้ามาในห้องหนังสือ ถามนี่ถามนั่น จนข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะบำเพ็ญจนสำเร็จธรรมได้อย่างไร จึงเกิดความคิดขึ้นอย่างหนึ่ง โดยข้าพเจ้าแสร้งทำเป็นอัมพาต พูดจาไม่ได้ ทำให้พวกวงศาคณาญาติและคนในบ้านต่างตกใจใหญ่ เที่ยววิ่งหาหมอมารักษา แต่ก็ไร้ผลเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี พวกญาติมิตรเห็นไม่มีทางรักษา จึงค่อยห่างเหินไป เหลือแต่คนให้คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เท่านั้น ข้าพเจ้าอยู่แต่ในห้องหนังสือ โดยใช้มรรควิธีที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ ปฏิบัติธรรมตามลำดับขั้นตอนด้วยจิตใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวปานเหล็กเพชร ไม่หวั่นเกรงต่อความหนาวเหน็บหรือหิวโหย ข้าพเจ้าตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียรอยู่ 12 ปี จึงบรรลุธรรม
คืนวันหนึ่งเทพไท่ไป๋ได้นำราชโองการที่แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นเทพไคหยวน ข้าพเจ้ารับราชโองการแล้วรีบออกจากห้องหนังสือไปรับตำแหน่งรวมเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพ เรื่องราวรายละเอียดหลังจากนั้นข้าพเจ้าจะไม่ขอเล่าถึง เพียงขอบอกว่ากว่าจะบรรลุธรรม ข้าพเจ้าต้องผ่านความทุกข์ลำบากนานาประการนับสิบปี แต่ก็นับว่าคุ้มทีเดียว