ครั้งที่ 20 หายสงสัย
2025-02-16 04:17:46 - mindcyber
“สุขสบายคือบุญควรรู้จักพอ ตายโหงส่วนใหญ่เหตุจากรรมตนเอง”
องค์ชายสามนาจาแห่งฟ้าทักษิณ เสด็จลงประทับทรง กลอนว่า
ผ่านยินดีกี่ครั้งโศกเศร้ากี่ครา
ทะเลทุกข์ไร้ฝั่งฝาตกทอดกรรม
ชีวิตไม่รู้ตื่นปฏิบัติธรรม
วิญญาณดำตกนรกไม่รู้ผุด
อาจารย์ : เมื่อมีชีวิตอยู่ไม่รู้ไม่เข้าใจสัจธรรมแห่งคุณธรรม ไม่บากบั่นปฏิบัติตน ก็จะเป็นการสั่งสมเวรกรรม ถึงแม้ว่าเกิดในโลกที่มีทั้งยินดีและโศกเศร้าก็ตาม ตายแล้วก็ถูกตัดสินกฏแห่งยมโลกเคร่งครัด มิอาจเล็ดรอดไปแม้แต่น้อย ถึงตอนนั้นวิญญาณในยมโลกรู้สำนึกก็สายเสียแล้ว
หยงปี่ : อาจารย์ครับ! คืนนี้มัวเถลไถลตั้งนาน ยอมให้ท่านเอ็ดสักยกใหญ่ จะลงหรือไม่ลงไปเมืองตายโหงล่ะ
อาจารย์ : ลงแน่นอน! จะไม่ให้เจ้าได้ขี้เกียจจนเคย
หยงปี่ : ขี้เกียจนะไม่กล้าหรอก แต่ว่าเวลาดึกแล้วไปกลับครั้งหนึ่งเสียเวลานานมาก พวกศิษย์พี่ ๆ ทั้งหลายที่อยู่ไกลจะลำบากจะไปขึ้นรถกลับบ้านไม่สะดวก เอาอย่างนี้ดีไหม ศิษย์มีคำถามมากมายจะถาม ก็คือโอกาสคืนนี้เรียนถามอาจารย์ จะได้ประหยัดไปครั้งหนึ่ง
อาจารย์ : เจ้าลองถามมา ถ้าหากถามไม่เอาไหน เราศิษย์อาจารย์คงต้องไป จะได้ไม่ต้องแบกโทษที่ยังไม่จบหน้าที่
หยงปี่ : ครับ....คำไหนคำนั้น ข้อที่ 1 เรียนถามอาจารย์ เมืองตายโหงแบ่งเป็น 4 ชั้น ชั้นละ 20 ปี รวม 4 ชั้นก็ปาเข้าไป 80 ปี ตีเสียว่าถ้ามีอายุถึงเจ็ดแปดสิบปี จะนับเป็นตายโหงหรือเปล่า
อาจารย์ : พูดก็ถูก ถ้ามีชีวิตอยู่ถึง 70 ปี มีลูกหลานเต็มบ้านตายแล้วจะนับว่าเป็นผีตายโหงหรือคุณความดี อย่างนี้ต้องอธิบายแบ่งเป็น 2 ด้าน เพื่อกำหนดว่าเป็นผีตายโหงหรือไม่ เอาเป็นว่าคนแก่คนหนึ่ง มีชีวิตร่ำรวย เขาอิ่มหมีพีมันก็คิดเสพกาม วิ่งไปหาตรากเล็กซอกน้อยเกิดตายลงอย่างเสียชื่อ หรือคนแก่แต่ใจไม่แก่ ยิ่งแก่งแย่งชิงดี จนเกิดตายลงเช่นนี้ เจ้าลองว่าซิ จะนับว่าเป็นผีตายโหงหรือไม่ ยังมีอีก มีคนแก่คนหนึ่งจิตใจคับแคบ มีอะไรมากระทบก็ไม่ได้ เรื่องต่าง ๆ ก็เก็บอัดไว้ในใจไม่สลาย ในที่สุดก็โกรธแค้นจนตายลง เจ้าลองว่ามาซิ เป็นผีตายโหงหรือไม่ ยังมีอีก คนแก่ที่ไม่ทำตามกฏจราจร เดินข้ามถนนแล้วเกิดรถชนตาย เจ้าพูดมาซิว่าเป็นผีตายโหงหรือไม่
หยงปี่ : คิดว่าเป็นครับ คิด ! อาจารย์ยิงทีเดียวเป็นตับจนศิษย์นี้มึนงงไปหมด แต่คนแก่ที่ชอบเซ็กซ์แล้วตายลง จะพูดว่าเขาถูกกำหนดให้ตายแบบนี้ ข้ามถนนโดยผิดกฏจราจร จะพูดว่าเขามีเวรกรรมเกี่ยวข้องกับคู่กรณี และถูกกำหนดว่าจะต้องตายแบบนี้มิใช่หรือ
อาจารย์ : ก็ได้ ก็ได้ ! เพราะฉะนั้นอาจารย์จึงบอกว่าต้องแยกอธิบายเป็นสองด้าน
หยงปี่ : ครับ คำถามนี้ก็จบแล้ว ข้อที่ 2 การจองจำมี 4 ชั้น แต่ละชั้น 20 ปี ผีตายโหงที่ถูกจองจำอายุยาว เมื่อครบ 20 ปีแล้วเขาต้องถูกย้ายชั้นหรือไม่ สมมติว่า ผีตายโหงตนหนึ่งมีกำหนด 36 ปี ก็ต้องจองจำในชั้นที่ 3 เมื่อครบ 20 ปีแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 16 ปี ต้องย้ายไปชั้น 4 หรือไม่
อาจารย์ : แน่นอน
หยงปี่ : ถ้าเช่นนั้น จะไม่ยุ่งยากหรือ
อาจารย์ : แน่นอน แต่ว่าระหว่างการย้ายขังในแต่ละชั้น จะมีการตรวจสอบแล้วบันทึกลงไป ถ้าหากมีคะแนนถึงจุดมุ่งหมายก็สามารถพ้นจากการจองจำ
หยงปี่ : คะแนนการตรวจสอบนี้ เป็นอย่างไร
อาจารย์ : ส่วนใหญ่ผีตายโหง จะวัดผลจากการอบรมเป็นหลัก อีกส่วนหนึ่งก็ได้รับบุญจากทางโลกคุ้มกัน โดยการอุทิศส่วนกุศลไปให้ สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นคะแนน
หยงปี่ : ศิษย์เข้าใจแล้ว คำถามหมดแล้วครับ
อาจารย์ : มีแค่ 2 คำถาม เจ้าตบตาข้าหรือ
หยงปี่ : ก็ได้ครับ! ศิษย์ขอเรียนถามคำถามข้อที่ 3 ทำไมเราศิษย์อาจารย์จึงต้องรับโองการแต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองตายโหง”
อาจารย์ : วันนี้ไม่ธรรมดา ใช่....อ้อ คำถามนี้ยังพูดให้ชัดเจนทีเดียวไม่ได้ ให้อาจารย์ถามเจ้าก่อน จุดมุ่งหมายในการแต่งหนังสือคืออะไร
หยงปี่ : ก็ต้องการให้คนเข้าใจเหตุผลบ้างอย่างแน่นอน
อาจารย์ : เมืองตายโหงแต่ก่อนมีใครเคยเขียนมาแล้วหรือยัง
หยงปี่ : ไม่มี เพียงกล่าวถึงลวก ๆ เท่านั้น
อาจารย์ : ใช่แล้ว ! นี่คือจุดมุ่งหมายในการแต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองตายโหง”
หยงปี่ : ผิดแล้วครับ จุดมุ่งหมายสำคัญของการแต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองตายโหง” ก็คือต้องการปลดปล่อยพวกผีตายโหงกับให้ชาวโลกได้รับความสะดวกในการทำบุญกุศล มิเพียงขจัดปัดเป่ากรรมของคนแล้วยังสามารถฉุดช่วยญาติมิตรที่เสียชีวิตไปด้วย
อาจารย์ : เออ ! เจ้านี่ฉะฉาน โวหารจะเลียนแบบอาจารย์เสียแล้ว
หยงปี่ : มิกล้าครับ แค่เพิ่มเติมเท่านั้น เรียนถามอาจารย์ เมื่อกี้ที่ว่าบุญกุศลเปลี่ยนคิดเป็นคะแนนจะช่วยจาระไนให้ละเอียดได้ไหมครับ
อาจารย์ : ขั้นตอนพูดแล้วก็ยาว ตอนนี้อาจารย์ก็อธิบายให้ละเอียดได้ยาก แต่มีจุดสำคัญจุดหนึ่งคือว่าเมื่อมีการจ่ายก็ต้องมีการรับไม่ว่าเปลี่ยนเป็นคะแนนจะมากหรือน้อย ก็สามารถกำหนดได้ขอให้มีบุญกุศล ก็สามารถได้รับเป็นคะแนน สามารถช่วยให้เขาพ้นจากการจองจำได้เร็ว
หยงปี่ : มีเหตุผล แต่พูดแล้วเหมือนไม่ได้พูด ศิษย์ก็คิดหาคำถามไม่ออกแล้ว คิดได้แค่ 3 คำถามเท่านั้นแหละ
อาจารย์ : ช่างหาเหตุผล เอาล่ะ...คืนนี้จบเพียงเท่านี้