หลิวหนันชังเจี่ยงซือ
ข้าพเจ้าเป็นเจี่ยงซือบนโลก และเป็นผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารับโทษอยู่ที่ “นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บ” ข้าพเจ้าบรรยายเผยแพร่หลักธรรมได้เก่ง งานธรรมกิจข้าพเจ้าก็จัดการได้ดี แต่ข้าพเจ้าผิดต่อพระโองการสวรรค์ลบหลู่นักธรรมอาวุโส และนำเงินกองกลางมาใช้ส่วนตัว
การปรากฏกายในวันนี้ก็เป็นเพราะเบื้องบนเมตตา เพราะความเมตตาสงสารของพระอาจารย์จี้กง และพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ได้ให้ข้าพเจ้ามาบอกกล่าวทุกๆ อย่าง ให้ทุกท่านได้ฟังอย่างชัดเจน เพื่อเป็นดั่งกระจกส่องแห่งการบำเพ็ญศึกษาธรรมของทุกคน......
ข้าพเจ้าชื่อ “หลิวหนันชัง” เป็นคนเมืองเทียนจิน (เทียนสิน)ละกายสังขารเมื่ออายุ ๒๔ ปี ข้าพเจ้าเป็นลูกของถันจู่ท่านหนึ่งและตัวข้าพเจ้าเองก็เป็นเจี่ยงซือประกาศธรรมแทนฟ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอายุได้ ๑๔ ปี ที่บ้านก็ได้จัดตั้งพุทธสถาน ทั้งบิดามารดามีความศรัทธาต่อธรรมะเป็นอย่างยิ่ง และตัวข้าพเจ้าเองก็มีใจที่จะฝึกฝนศึกษา บิดามารดาหวังว่าข้าพเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ในเรื่องพุทธระเบียบพวกท่านได้แนะนำสั่งสอนให้เคารพนบนอบต่อนักธรรมอาวุโส ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่ลบหลู่ดูถูกนักธรรมอาวุโส อากัปกิริยาทุกอย่างก็เป็นไปตามพุทธระเบียบและมารยาทอันดีงาม ใครจะไปรู้ว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นด้วยว่าข้าพเจ้ามีใจที่จะฝึกฝนศึกษา จึงค่อยๆ มีความรู้ความเข้าใจและทำให้ค่อยๆ มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงตามมา หลังจากนั้นข้าพเจ้าจึงลบหลู่ดูถูกเฉียนเหยินและดูหมิ่นดูแคลนเตี่ยนฉวนซือ
เรื่องเริ่มเกิดขึ้นในปีที่ข้าพเจ้าอายุ ๒๔ ปี ครอบครัวข้าพเจ้าได้นำทรัพย์ทั้งหลายยกให้แก่อาณาจักรธรรม แต่พอบิดามารดาของข้าพเจ้าแก่ตัวลงแล้ว ไม่ได้รับความใส่ใจเป็นห่วงเป็นใย และความเคารพจากพี่น้องในอาณาจักรธรรม และยิ่งบำเพ็ญก็ยิ่งยากจนลง เมื่อเห็นแล้วจิตใจข้าพเจ้าจึงไม่สงบ! นักธรมอาวุโสยังบอกให้บิดามารดาของข้าพเจ้าสละนั่นสละนี่ พวกท่านก็ยังสละให้ด้วยความศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่ได้รับอะไรตอบแทนเหตุใดเมื่อบิดามารดาอายุมากแล้วก็เจ็บป่วย แต่กลับไม่มีใครมาเหลียวแลเอาใจใส่? ในใจข้าพเจ้าจึงเกิดคำตัดพ้อต่อว่าขึ้นมาว่าเฉียนเหยิน และเตี่ยนฉวนซือปลอมเหล่านี้ ที่ทำมาในอดีตก็เพราะโลภอยากได้ทรัพย์ของครอบครัวข้าพเจ้าทั้งหมด ตอนนี้ครอบครัวของข้าพเจ้าก็ถูกขุดเอาทรัพย์สินไปจนหมดแล้ว บิดามารดาก็แก่ตัวลง จึงไม่มีคุณค่าประโยชน์อะไรอีกแล้ว พวกเธอยังไม่ต้องการพวกท่านอีก ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีแต่ชื่อว่าบำเพ็ญธรรมเเต่กลับ ไม่มีเมตตามโนธรรมเลย
ใครจะรู้ว่า ทุกสิ่งอย่างนั้น เบื้องบนกำลังเสริมสร้างบิดามารดาของข้าพเจ้าอยู่ อะไรเรียกว่าสละอย่างแท้จริงเบื้องบนจดบันทึกอย่างชัดเจน ข้าพเจ้าเอาแต่เรื่องที่พวกท่านได้สละมาไว้ที่ปาก และหยิบยกขึ้นมาพูดกับคนอื่นเสมอๆ รวมทั้งไม่พอใจในความประจบสอพลอของนักธรรมอาวุโส ข้าพเจ้ายังเคยเอาไม้กวาดไล่เตี่ยนฉวนซือเหล่านั้นและยังกล่าวหาด้วยว่า “พระโองการสวรรค์ของพวกเธอนั้นเป็นของปลอม หลอกลวงผู้อื่น หากว่าพระโองการสวรรค์เป็นของจริง เหตุใดพ่อแม่ของฉันจึงต้องเจ็บป่วยด้วยล่ะ? ทำไมครอบครัวของฉันยิ่งบำเพ็ญก็ยิ่งยากจนลงล่ะ?พวกเธอบำเพ็ญธรรมมีแต่ชื่อเปล่าๆ โดยเฉพาะเธอที่เป็นหญิงแก่ถ้ากล่าวถึงความรู้ฉันก็มีสูงกว่าเธอ ถ้าพูดถึงวาทศิลป์ฉันก็พูดได้เก่ง มีอะไรบ้างล่ะที่ฉันสู้เธอไม่ได้ จนถึงตอนนี้ เธอได้เขมือบเอาทรัพย์สินของครอบครัวฉันไปจนเกลี้ยงแล้ว ยังจะมากระแนะกระแหนเหน็บแนมอย่างนี้อีกหรือ”
เมธีทั้งหลายเอ๋ย! ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นความผิดของข้าพเจ้าเองข้าพเจ้าได้ก่อบาปแห่งการ “ลบหลู่พระโองการสวรรค์” โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าญาติธรรมทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ลบหลู่ดูถูกเตี่ยนฉวนซือ และเฉียนเหยิน ข้าพเจ้ากล่าวว่า “งานธรรมกิจที่เฉียนเหยินปฏิบัตินั้นเป็นของปลอม พระโองการสวรรค์เป็นของปลอม หากว่าเป็นของจริง เหตุใดพ่อแม่ของฉันถึงได้เจ็บป่วยทำไมครอบครัวฉันถึงได้ยากจนค้นแค้นถึงขนาดนี้? หากว่าเป็นของจริงทำไมจึงปฏิบัติงานธรรมกิจได้ไม่เจริญรุ่งเรือง”
นั่นเป็นเพราะข้าพเจ้าอารมณ์ไม่สงบ ไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างชัดเจน จึงทำให้เฉียนเหยินเสียใจ ตั้งแต่นั้นมาท่านจึงล้มป่วยลง ข้าพเจ้ายากที่จะรับผิดบาปครั้งนี้ได้ ข้าพเจ้าไม่เพียงแต่ลบหลู่พระโองการสวรรค์ แต่ยังไม่รู้ที่จะสำนึกแก้ไข กลับจะไปทวงเอาทรัพย์สินเงินทองคืนจากเตี่ยนฉวนซือ ข้าพเจ้าพูดไปว่าจะนำเอาเงินนี้ไปเลี้ยงดูพ่อแม่ ในตอนนั้นข้าพเจ้าเป็นหลิวเจี่ยงซือของอาณาจักรธรรม ที่ใครๆ ก็เคารพนบนอบ เพียงแค่ขึ้นบรรยายเท่านั้น ไม่มีใครไม่ยอมรับนับถือ ไม่มีใครไม่ชื่นชมยกย่องด้วยเหตุครั้งนั้น เตี่ยนฉวนซือกลัวว่าข้าพเจ้าจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปโพนทะนาต่อๆ กันไป เพราะใจของข้าพเจ้าไม่สงบย่อมจะเกิดเรื่องติฉินนินทาขึ้นในอาณาจักรธรรม จนทำให้ทดสอบนักธรรมผู้น้อยมากมายตกหล่นไปได้ ด้วยความอับจนปัญญา ท่านจึงได้นำเงินก้อนใหญ่มาให้ข้าพเจ้า เพื่อทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นยุติลงแต่ไม่ใช่ด้วยความเต็มใจนัก ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าพเจ้าก็ยังไม่รู้ที่จะสำนึกแก้ไขและเปลี่ยนแปลง กลับนำเอาเงินก้อนนี้มาใช้เรื่องส่วนตัวเอาเงินไว้กับตัวจะใช้จ่ายก็จะได้สะดวก
เมธีทั้งหลาย ที่อยู่ในมือของข้าพเจ้านั้นเป็นเงินของอาณาจักรธรรมที่เวไนยสัตว์สร้างบุญอุทิศมา แต่กลับนำมาใช้เป็นของตัวเอง ใช้เหมือนเป็นวาสนาของตนเอง ลองคิดดูที่ว่า ผิดบาปอย่างนี้ของข้าพเจ้าจะใหญ่หรือไม่ใหญ่
เพิ่งจะสองปี เพิ่งจะสองปี ข้าพเจ้าเพิ่งจะอายุ ๒๔ปีเอง ก็เป็นวัณโรคปอด แล้วจึงละกายสังขารตายจากไป ผู้ที่เข้าใจในเหตุการณ์ ก็จะพูดว่านี่เป็นผลกรรมตามทันของข้าพเจ้าพวกเขา เหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ข้าพเจ้า ว่าเหตุใดข้าพเจ้าจึงกล้านำเงินจำนวนนั้นไปใช้? และยังมีผิดบาปล้นฟ้า ที่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นเตี่ยนฉวนซือ และเฉียนเหยินที่มีพระโองการสวรรค์อีกด้วย จึงทำให้ต้องลงเอยเช่นนี้
โดยปกติแล้ว ข้าพเจ้าจะอาศัยความองอาจห้าวหาญของลูกผู้ชาย มาวางอำนาจต่อหน้าผู้อื่น ใครก็ตามที่ฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ให้คนคนนั้นต้องทำงาน คนคนนั้นจะมีกินและสบายมากด้วย ข้าพเจ้าอยากจะเป็นเตี่ยนฉวนซือ จะได้ดำเนินจัดการอาณาจักรธรรมได้แห่งหนึ่ง แต่ว่าโดยปกติแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคารพนักธรรมผู้ใหญ่ ไม่นอบน้อมนักธรรมอาวุโส ดูถูกดูแคลนพระโองการสวรรค์ วางตัวยโสโอหังอวดดื้อถือดี การบำเพ็ญปฏิบัติอย่างนี้เบื้องบนจะกล้ามอบพระโองการสวรรค์แก่ข้าพเจ้าได้อย่างไร?อายุยังไม่มากเท่าไหร่ เพิ่งจะ ๒๔ ปีเองก็ต้องถูกจับให้ลงนรกเสียแล้ว
เมื่อพญายมราชเห็นว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวเป็นพุทธบุตรที่รักของเบื้องบน แต่วันนี้ต้องมาอยู่ในกำมือของท่าน จึงได้เปิดดูบัญชีบุญบาป ท่านได้ตำหนิด่าว่าเสียงดังว่า“เจ้าคนไม่ภักดีเจ้าคนไม่กตัญญู” บนโลกมีแบบอย่างของการบำเพ็ญมากต่อมากมายเจ้าไม่เจริญรอยทำตาม พระธรรม คำสอนของปราชญ์อริยะ เจ้าไม่อ่านศึกษา วันนี้เป็นเพราะจะทำแต่เพื่อตนเอง อารมณ์จึงไม่สงบ จึงพูดจาทำร้ายญาติธรรมอีก แถมยังโมโหใส่เฉียนเหยินกับเตี่ยนฉวนซือ และยังได้นำเงินก้อนใหญ่ก้อนนั้นไปใช้ส่วนตัวอีก ผิดบาปนั้นมากมายจริงๆจะให้เจ้าไปรับโทษทัณฑ์อยู่ที่ “นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บ” เมื่อฟังพญายมราชกล่าวจบลง ก็เหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงในหัวใจ “ฉันแย่แล้ว”ข้าพเจ้าเป็นลูกผู้ชายที่องอาจผึ่งผาย ได้รับวิถีธรรม ในวันนี้ได้เข้าสู่พุทธสถาน แต่กลับต้องหมอบคลานอยู่บนพื้น และตอนที่ข้าพเจ้ามาปรากฏกายใหม่ๆ ก็ยังได้หลอกกินข้าวไปสองถ้วยจากเตี่ยนฉวนซือยังดีที่ไม่โดนมองอย่างทะลุ เป็นเพราะว่าข้าพเจ้าทั้งหิวทั้งหนาว หากไม่ใช่เพราะพุทธรัศมีฉายส่อง ไม่ใช่เพราะเตี่ยนฉวนซือเมตตา ข้าพเจ้าก็คงยากที่จะบอกกล่าวความเป็นมาของตนเองได้ ขอขอบพระคุณ!
ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย วันนี้พวกเธอทุกคนได้เข้าสู่ชั้นเรียนเจี่ยงซือ ทุกๆ คนได้ก้าวสูงขึ้นอีกวันหนึ่งแล้ว การบำเพ็ญปฏิบัติของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และการทดสอบที่จะเกิดขึ้นก็ย่อมไม่เหมือนกันด้วย แต่จงอย่าได้เป็นอย่างข้าพเจ้าเป็นอันขาดนั่นคือ การทดสอบด้านเงินทอง
คำว่า “สละ” คือให้สละด้วยความเต็มใจของแต่ละคนตั้งปณิธานก็ตั้งอยู่ที่ใจของตน ตอนยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะถือศีลกินเจ ถึงแม้จะเคารพกราบไหว้แต่ผิดบาปก็ยังคงมีอยู่ด้วย ข้าพเจ้าไม่สามารถลบล้างลงไปได้ ด้วยเหตุนี้พญายมราชจึงตำหนิด่าว่าข้าพเจ้า ลบหลู่พระโองการสวรรค์ของเบื้องบนการดูถูกดูแคลนพระโองการสวรรค์ ก็คือการดูถูกดูแคลนในพระแม่องค์ธรรมดุจเดียวกันผิดบาปย่อมมากมายมหาศาล
จำได้ว่าขณะมีชีวิตอยู่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทับทรงมาตักเตือนให้สติข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ยังย้อนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปว่า“อย่าได้หลอกลวงกันอีกเลย การแสดงของพวกเธอ ฉันก็แสดงได้เหมือนกันแถมยังแสดงได้เหมือนจริงกว่าพวกเธอเสียอีก โอวาทคำสอนอย่างที่พวกเธอแต่งนั้น ฉันก็แต่งได้เยี่ยมยอดวิเศษกว่าของพวกเธออีก......คำพูดอย่างนี้ได้ทำร้ายจิตใจเตี่ยนฉวนซือและนักธรรมอาวุโสไปไม่รู้เท่าไร
ในวันนี้ที่ต้องรับโทษที่นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บ ก็เพราะตนเองสร้างเองทำเอง ข้าพเจ้าขอให้พระอาจารย์เมตตาพระอาจารย์กล่าวว่า “หนันชังเอ๋ย ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วหากศิษย์มีใจสำนึกจริงๆในยี่สิบปีนี้ ศิษย์จงสำนึกขมาให้ดีๆหากศิษย์เกิดปัญญาได้ละก็ อาจารย์จะมาฉุดช่วยนำพาศิษย์เอง”เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังแล้ว รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าถามว่า “พระอาจารย์ วิญญาณบาปหนันชังยังมีโอกาสกลับคืนเบื้องบนหรือไม่?”
ข้าพเจ้าไม่มีหน้าที่จะพบกับเฉียนเหยิน และเตี่ยนฉวนซือเพราะข้าพเจ้าผิดต่อพวกท่าน ขอเพียงแต่ให้พระอาจารย์เมตตาสงสารอย่าได้ให้ข้าพเจ้าไม่อาจหลุดพ้นได้เลย ขอเพียงแต่ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เป็นศิษย์ธรรมกาลยุคขาวอีกครั้ง ข้าพเจ้าจะขอภักดีต่ออาณาจักรธรรมจนลมหายใจสุดท้าย ข้าพเจ้าจำต้องบอกกับศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่า “ธรรมจริง หลักจริงพระโองการสวรรค์จริง” ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงความทุกข์ทั้งหลายในนรกภูมิให้ทุกๆ ท่านได้ฟัง ข้าพเจ้ายินยอมที่จะแบกรับผิดบาปของเวไนยสัตว์ ข้าพเจ้ายินยอมที่จะแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของพระอาจารย์
แต่พระอาจารย์ได้กล่าวว่า “ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว”ข้าพเจ้ากล่าวว่า “หรือว่าในอดีตที่ศิษย์เป็นเจี่ยงซือ ได้บรรยายธรรมไปนั้นไม่มีความดีความชอบบ้างเลยหรือ? หรือว่าที่ศิษย์ได้วิ่งวุ่นทำงานธรรมะนั้น ก็ไม่มีความดีความชอบอยู่เลยหรือ? ศิษย์ยังเป็นปุถุชนอยู่ขอให้พระอาจารย์เมตตาด้วยเถิด”
พระอาจารย์ได้แต่ส่ายหน้าแล้วกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้ายังเป็นปุถุชนอยู่หรือ” ในใจของข้าพเจ้าทุกข์แสนทุกข์ เศร้าแสนเศร้าในฉับพลันนั้นเอง ข้าพเจ้าจึงหาตนเองพบ ระดับการบำเพ็ญปฏิบัติของข้าพเจ้านั้น ยังคงหยุดอยู่แค่ภาวะปุถุชนเท่านั้นเอง แม้จะเทียบกับปุถุชนแล้วก็ยังสู้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป
การบรรยายธรรมให้เวไนยสัตว์ได้ฟัง เป็นการประกาศธรรมแทนฟ้า ที่จริงแล้วเป็นการเสริมส่งตัวเองด้วย หากบรรยายธรรมได้แต่ไม่บำเพ็ญจริง จะมีบุญกุศลมาจากไหนกัน? หากทดสอบญาติธรรมมากมายให้ตกหล่นไป ผิดบาปอย่างนี้จะเอาอะไรมาลบล้างได้เล่าเมื่อถึงเวลาพิพากษาสามโลก ก็ต้องเอาแต่ละข้อ
แต่ละอย่างมาพิจารณาจึงยากที่จะนิรโทษผ่อนผันผิดบาปของ
ข้าพเจ้าได้
ข้าพเจ้าวิงวอนพระอาจารย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดพระองค์จึงให้โอกาสสำนึกขมาแก่ข้าพเจ้าเป็นเวลายี่สิบปี ข้าพเจ้าจริงใจในการสำนึกขมา จึงทำให้วันนี้มีโอกาสได้ติดตามพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์มาปรากฏกายยังพุทธสถานแห่งนี้ เมื่อสักครู่ได้หลอกกินข้าวสองถ้วยจากเตี่ยนฉวนซือ ไม่สมควรจริงๆ แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้กิน ก็จะหิวโหยจนกระทั่งไม่มีเรี่ยวแรง จึงขอให้เตี่ยนฉวนซือเมตตาผ่อนผันให้ด้วย
ข้าพเจ้ามาปรากฏกายในวันนี้ ประการแรก เพื่อบอกเล่าทุกสิ่งอย่างในอดีต สำหรับเป็นกระจกส่องให้กับเมธีทั้งหลายประการต่อมาเพื่อร่วมให้กำลังใจกับศิษย์พี่น้องทั้งหลายว่า “อย่าเป็นเพราะฉันกินเจตอนมีชีวิตอยู่ จึงคิดว่าทดสอบให้ผู้อื่นตกหล่นไปแล้วจะไม่มีผิดบาป อย่าเป็นเพราะตนเองเป็นเจี่ยงซือและยังสามารถนำพาผู้อื่นได้แต่กลับนำพานักธรรมผู้น้อยอย่างผิดพลาดหากไม่ถูกต้องชัดเจนต่อหลักธรรม เบื้องบนจะอภัยโอบอุ้มแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่ถ้าปิดบังอำพรางตนเอง กระทำผิดครั้งสองครั้งก็จะยิ่งทำให้ตนเองก่อกรรมต่อไปเรื่อยๆ และกรรมเวรนั้นก็ต้องแบกรับด้วยตนเอง”
ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ความหนาวเหน็บของนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะคาดคิดเข้าใจได้เลย วันนี้หากไม่ใช่เพราะพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์เมตตา ประทานยาวิเศษให้ข้าพเจ้าหนึ่งเม็ด ข้าพเจ้าก็คงไม่อาจมาบอกเล่าพูดคุยกับทุกท่านได้ ทุกๆ ท่านจะต้องมีใจกริ่งเกรงรอบคอบระมัดระวังทุกเวลาอย่าได้กระทำตามใจตนเอง อย่าได้กระหยิ่มลำพองใจตนเองเพราะเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าตนเองกระหยิ่มลำพองใจนั้น ตนเองก็จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของตนเองไปในทันที หยิ่งยโสทะนงตนโกรธแค้นเคืองขุ่นไม่อาจสงบใจโลภ โกรธ หลง เหล่านี้เป็นรากเหง้านำไปสู่นรกภูมิทั้งสิ้น ที่ได้บอกกล่าวไปนี้เป็นความจริงคำพูดของข้าพเจ้าในวันนี้ เป็นจริงทุกถ้อยคำ
จึงหวังแต่ว่าศิษย์พี่น้องทั้งหลาย จะพูดและทำเป็นอย่างเดียวกันอย่าทำเรื่องไม่ดีงามเมื่ออยู่ลำพังคนเดียว ไม่เช่นนั้นเบื้องบนก็ไม่อาจอภัยให้ได้ จงรอบคอบกับทุกย่างก้าวของตนเองเพราะมีเทพผีคอยสอดส่องตรวจตราอยู่ตลอดเวลา ในเมื่อกำลังบำเพ็ญปฏิบัติกันอยู่ ก็จะต้องเป็นแบบอย่างดีงามของการบำเพ็ญปฏิบัติ ในเมื่อจะประกาศธรรมแทนฟ้า ก็จะต้องบำเพ็ญตนบ่มเพาะจิตญาณก่อน แล้วจึงเผยแพร่จำเริญธรรม
วันนี้ข้าพเจ้าได้บอกกล่าว ถึงความไม่ดีงามของตนเองแต่ก็ขอให้พระอาจารย์ได้ให้โอกาสข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เวลามีค่อนข้างกำจัด พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ได้เร่งรัดเวลาแล้ว ขอให้เตี่ยนฉวนชือ และศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ได้โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย ในอดีตนั้นเป็นความผิดบาป ของข้าพเจ้าจิตญาณตน ถ้าไม่ฉุดช่วยด้วยตน แล้วจะให้ใครมาฉุดช่วย นิสัยอารมณ์ก็ต้องอาศัยตนเองกำจัดตัดทิ้ง ความเคยชินที่ไม่ดี ก็ต้องขจัดออกไปด้วยตนเอง
หากคิดว่ายังมี “บุญปัจจัยภายนอก” อยู่ ทุกอย่างล้วนไม่มีอยู่จริง ก็ด้วยว่า “คุณธรรมภายใน” ยังไม่ได้บ่มเพาะ ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย หากมีใจที่จะช่วยข้าพเจ้าจริงละก็ มีเพียงแต่อาศัยข้าพเจ้าเป็นดั่งกระจกส่อง อย่าได้กระทำผิดกันอีกเลยไม่เช่นนั้น ถึงแม้ตอนอยู่บนโลกจะได้ถือศีลกินเจและบรรยายธรรมตายไปแล้ว ก็ยังต้องไปรับโทษในนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บไม่มีส่วนได้ในสวรรค์แม้แต่น้อย ช่างน่าขำเสียเหลือเกิน
ขอเตือนทุกท่านอีกครั้งว่า “อย่าได้ดูถูกดูแคลนพระโองการสวรรค์” หากว่าไม่อยากจะศึกษา ไม่อยากจะบำเพ็ญ แต่ก็ขอร้องว่า อย่าได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่เช่นนั้นแล้ว ผิดบาปอย่างนี้ยากที่จะรับได้ พระโองการสวรรค์เป็นอำนาจอาณัติของเบื้องบน ถ้าหากดูถูกดูแคลนหรือลบหลู่ดูหมิ่นเฉียนเหยิน และเตี่ยนฉวนซือ ก็เป็นการลบหลู่ดูถูกความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งในพระแม่องค์ธรรมนั่นเอง อุ้มลัญจกรแล้ว ใจยิ่งเจ็บปวด บำเพ็ญธรรมจะต้องพูดและทำเป็นอย่างเดียวกัน......
บนแผงเนื้อ (สุนัข) หอมหมาเคีองแค้น สุนัขขาวสนองบ้านตระกูลตั้ง